xs
xsm
sm
md
lg

สายหยุด หยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พระราชนิพนธ์เรื่อง ‘เงาะป่า’ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีตอนหนึ่งที่ได้ทรงกล่าวถึง‘สายหยุด’ไว้ว่า
‘... สายหยุดดอกย้อยห้อยพวงยานกลิ่นซาบซ่านนาสาดอกน่าเชย…‘
สายหยุดมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Desmos chinensis Lour. อยู่ในวงศ์ Annonaceae มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น กล้วยเครือ, เครือเขาแกลบ, สาวหยุด, เสลาเพชร เป็นต้น เป็นไม้รอเลื้อยหรือไม้พุ่ม ซึ่งสามารถเลื้อยเกาะไม้อื่นได้ไกล มักแตกกิ่งก้านสาขาที่ส่วนยอด และแผ่กิ่งก้านออกไปรอบๆเป็นบริเวณกว้าง กิ่งอ่อนสีน้ำตาลมีขนปกคลุม เมื่อแก่จะมีสีดำเป็นมัน ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรีแกมรูปหอก เรียงสลับ ผิวใบสีเขียวเข้มเป็นมัน มีใบดก ส่วนดอกจะออกตามซอกใบห้อยย้อย เป็นดอกเดี่ยว มีกลีบดอก 5-6 กลีบ แต่ละกลีบจะบิดงอ กลีบรองดอกสั้น เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่บนฐานกลางดอก เมื่อดอกอ่อนเป็นสีเขียว พอแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ออกดอกตลอดปี และยิ่งต้นที่มีอายุมากก็จะยิ่งออกดอกมาก และขนาดของดอกก็จะใหญ่ขึ้นและมีสีเหลืองเข้มขึ้นด้วย ดอกสายหยุดจะเริ่มส่งกลิ่น หอมจัดในยามรุ่งอรุณ และกลิ่นจะค่อยๆจางลงจนหมดกลิ่นในยามเที่ยงวัน สำหรับผลนั้นเป็นผลสดมีเนื้อจะออกรวมเป็นกลุ่ม เป็นผลย่อยกลมรีมีส่วนคอดเป็นข้อๆคล้ายลูกประคำ ผลอ่อนมีสีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อแก่ จนกระทั่งเป็นสีดำเมื่อสุก ภายในมีเมล็ดกลม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง
โดยทั่วไปมักจะปลูกสายหยุดเป็นซุ้มใกล้รั้วบ้าน เพราะ เป็นไม้ประดับที่มีกลิ่นหอม และสามารถ ตกแต่งให้เป็นซุ้มตามต้องการได้ ในด้านของสรรพคุณพืชสมุนไพรนั้นจะใช้ดอกสกัดทำน้ำมันหอมระเหย บำรุงหัวใจ ส่วนต้นและราก ใช้รักษาอาการติดยาเสพติด รากใช้แก้อาการท้องเสีย
มีโคลงสี่สุภาพบทหนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ‘ลิลิตตะเลงพ่าย’ อันถือเป็นสุดยอดของลิลิต ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ได้ทรงนิพนธ์ไว้ โดยกล่าวเปรียบเทียบ ‘สายหยุด’ กับ ‘ความรัก’ ไว้ดังนี้
สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หายห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวายวางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้าหยุดได้ฉันใด

จากโคลงบทนี้ ทำให้นึกถึงคำที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข หมายถึง ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์
ได้เรียนรู้ธรรมชาติของต้นไม้อย่าง ‘สายหยุด’ กันแล้ว จะทำให้เราหยุดคิดอะไรได้บ้างไหม ก่อนที่จะสายเกินไป จนไม่มีโอกาสได้คิดและลงมือทำ

(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 75 ก.พ. 50 โดยเรณุกา)





กำลังโหลดความคิดเห็น