เป็นที่ทราบกันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงเป็นอัครศิลปิน ที่มีพระอัจฉริยภาพทั้งด้านดนตรี ด้านภาพถ่าย ด้านหัตถกรรม ด้านจิตรกรรม และด้านประติมากรรม ซึ่งพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในการศึกษา ค้นคว้าเทคนิควิธีการต่างๆ ในงานเหล่านี้เป็นอย่างมากและทรงแสดงออกถึงพระปรีชาสามารถในการรังสรรค์ผลงานต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน
งาน ‘พุทธศิลป์’ เป็นหนึ่งในผลงานด้านประติมากรรมทางพระพุทธศาสนาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรง ใช้ฝีพระหัตถ์ ทั้งการปั้น การทำแม่พิมพ์ และการหล่อ อันได้แก่ พระพิมพ์สมเด็จจิตรลดา รวมทั้งพระพุทธปฏิมา อันได้แก่ พระพุทธนวราชบพิตร และ พระ ภ.ป.ร. ที่ทรงดูแลควบคุมและมีพระราชพระวินิจฉัยในการปั้น หล่อ และเสด็จไปทรงประกอบพิธีเททองหล่อด้วยพระองค์เอง
พระสมเด็จจิตรลดา พระพิมพ์ฝีพระหัตถ์
ด้วยพระบารมีที่แผ่ไพศาลขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทำให้พระบูชาที่พระองค์ทรงดำริสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยพระองค์เองเป็นที่ต้องการของคนไทยทั่วประเทศ แต่จะมีสักกี่คนที่มี ‘บุญ’ พอที่จะได้ครอบครองพระบูชาซึ่งพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้สร้างมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
ทรงชัย จิรอนันต์สกุล เจ้าของชมรมพระเครื่องทรงชัย มณเฑียรพลาซา เปิดเผยกับ ‘ธรรมลีลา’ ว่า สมเด็จจิตรลดา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างแม่พิมพ์ด้วยฝีพระหัตถ์ เมื่อ พ.ศ.2508 เป็นพระพุทธรูปพิมพ์องค์เดียว ที่เคยสร้างมาในเมืองไทย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นผู้สร้าง แต่ไม่ได้มีพิธีพุทธาภิเษก เช่น พระเครื่อง เหรียญ หรือวัตถุมงคลอื่นๆที่จะต้องผ่านพิธีพุทธาภิเษกเพื่อให้มีพุทธานุภาพ โดยพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากอารามต่างๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอธิษฐานพระบุญญาบารมีของพระองค์ท่าน ความมีศรัทธาปาสาทะอย่างสุดซึ้ง ในพระบวรพุทธศาสนาและผลบุญกุศลที่พระองค์มั่นอยู่ในการแต่กรรมดีทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ช่วยดลบันดาลให้พระพุทธรูปพิมพ์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นนั้นสูงสุด ด้วยพุทธานุภาพ และกฤตยานุภาพ คุ้มครองให้คลาดแคล้ว ผองภัยพิบัติ และอำนวยความเป็นสิริมงคล ให้แก่ผู้ที่ได้นำ ไปบูชา ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาและประกอบแต่กรรมดีและอัญเชิญพระพุทธคุณด้วยพระราชหฤทัยอันมั่นคงในทศพิธราชธรรม ให้อยู่อย่างมั่นคงกับพระพุทธรูปพิมพ์องค์นี้
สมเด็จจิตรลดา จะทรงพระราชทานให้แก่เฉพาะข้าราชบริพาร ข้าราชการหลายระดับ แต่ทราบกันภายในว่าไม่ทรง โปรดให้เป็นข่าวแพร่สะพัด ผู้ที่ได้รับพระราชทานส่วนใหญ่ ถือว่า เป็น ‘ของดี ของสูง’ และเป็น ‘ส่วนพระองค์’ โดยแท้ จึงไม่มีใครกล้าปริปาก กระนั้นก็ดี ต่อเมื่อความศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธคุณของสมเด็จจิตรลดาได้ปรากฏออกมา ความนั้นก็เก็บไม่อยู่ พสกนิกรของพระองค์อีกจำนวนมาก ต่างก็ กราบบังคมทูลขอพระราชทานอย่างไม่ขาด จึงพระกรุณาโปรดสร้างขึ้นอีกจำนวนมากเป็นพันองค์ พระองค์ได้พระราชทานให้กับพสกนิกรผู้ประกอบแต่กรรมดี โดยมิได้เลือก ชั้นวรรณะ นับตั้งแต่นักการเมือง นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ลงมาถึงระดับคนขับรถ คนทำสวน แม่ครัว และบรรดาข้าราชการทหารที่ออกร่วมรบในสมรภูมิต่างๆ เช่น เวียดนาม และลาว ผู้บังคับบัญชาในระดับสูง จะทำหนังสือกราบบังคมทูล ขอพระราชทานให้แก่นายทหารตั้งแต่ชั้นสัญญาบัตรลงมาถึงนายทหารชั้นผู้น้อย ในจำนวนที่ไม่มากนัก ซึ่งจะทรงมีพระราชวินิจฉัยด้วยพระองค์ว่า จะมีพระบรมราชานุญาตหรือไม่ จำนวนเท่าใด แต่การขอพระราชทานจะต้องขอพระราชทานต่อพระองค์เท่านั้น จะไม่พระราชทานให้ผู้ใด ที่ไม่ได้ขอพระราชทาน
ทรงชัย อธิบายต่อไปว่า ตอนนี้สมเด็จจิตรลดานั้นมีราคาเช่าบูชาสูงมาก สาเหตุแรกเพราะทุกคนเชื่อในเรื่องพระพุทธคุณ ประการที่สองเป็นพระบูชารุ่นเดียวที่สร้างโดยพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเป็นที่รักและเคารพของคนไทยทั่วโลก ประการที่สามเพราะสมเด็จจิตรลดานั้นมีน้อยเพราะสร้างเพียงสามพันกว่าองค์เท่านั้น
“ตอนนี้ราคาเช่าสมเด็จจิตรลดาอยู่ที่ความสมบูรณ์ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ราคาแสนปลายๆ ส่วนองค์ที่สวยมากๆนั้นมีราคาเป็นหลักล้านเลยทีเดียว”
พระประจำจังหวัด อีกหนึ่งในพระราชดำริ
นอกจากพระสมเด็จจิตรลดา ซึ่งพระองค์ทรงทรงพิมพ์ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะจัดสร้างขึ้นอีกองค์หนึ่ง คือ พระพุทธนวราชบพิตร สำหรับสาเหตุการสร้างพระพุทธนวราชบพิตรนั้น เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้รักษาธรรมเนียมการทูลเกล้าฯ ถวายพระแสงราชศัตราประจำเมืองไว้ โดยมิได้พระราชทานพระแสงราชศัตราประจำเมืองเพิ่มเติมอีก ด้วยมีพระราชดำริที่จะพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตร เพื่อเป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัดต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักร
ทรงชัย อธิบายต่อไปว่า พระพุทธนวรราชบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 23 ซม. สูง 40 ซม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริที่จะให้สร้างขึ้น เพื่อประดิษฐานไว้ ณ จังหวัดต่างๆ ทุกจังหวัดทั่วราชอาณาเขต เมื่อ พ.ศ.2509 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการกองหัตถศิลป กรมศิลปากร เข้ามาปั้นหุ่นพระพุทธปฏิมากรนี้ในพระราชฐาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และได้ ทรงตรวจพระพุทธลักษณะของพระปฏิมานั้นจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้นายช่างเททอง หล่อพระพุทธรูปนั้นขึ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2509 และได้โปรดเกล้าฯให้ขนานพระนามพระพุทธรูปนั้นว่า ‘พระพุทธนวราชบพิตร’
ที่ฐานบัวหงายของพระพุทธนวราชบพิตรนั้น ได้ทรงบรรจุพระพุทธรูปพิมพ์ไว้ 1 องค์ (พระพิมพ์จิตรลดา) อันพระพุทธรูปพิมพ์นี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสร้างขึ้นด้วยพระหัตถ์ ประกอบด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั้งในองค์พระและจากจังหวัดต่างๆ ทุกจังหวัด
“พระพุทธรูปประจำจังหวัดนี้จะประดิษฐานอยู่ที่ศาลากลางของทุกจังหวัดทั่วประเทศ และไม่มีออกให้เช่าบูชา” ทรงชัยกล่าว
พระพุทธรูป ภ.ป.ร.พระแห่งรัชกาลที่ 9
นอกจากพระประจำจังหวัดที่ ‘ในหลวง’ทรงมีพระราชดำริจัดสร้าง และพระองค์จะตรวจพุทธลักษณะด้วยพระองค์เองแล้ว ยังมีพระพุทธรูปบูชา ภ.ป.ร. อีกองค์หนึ่งที่เกิดจาก ‘พระราชดำริ’ ในพระองค์ นั่นคือพระพุทธรูป ภ.ป.ร.วัดบวรนิเวศ ปี 2508 ซึ่งสร้างขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยมีพระราชประสงค์ให้ดัดแปลงแก้ไขพระพุทธลักษณะ จากการสร้างครั้งที่ 1 ของวัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี ในครั้งนี้ทรงมีแนวพระราชดำริแก่ช่างปั้นว่า พระพุทธรูปปางประทานพร ภ.ป.ร. ควรมีพระพุทธลักษณะเข้มแข็งแต่ไม่แข็งกระด้าง อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ และให้ดูมีเมตตา ใครที่ชมพระพุทธรูปองค์นี้ถ้ามีจิตใจอ่อนไหวก็ให้มีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และมีความรู้สึกสงบเยือกเย็นสุขุม
“รุ่นนี้พระองค์โปรดเกล้าฯให้หล่อขึ้น 2 ขนาด คือ ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว และ 5 นิ้ว ในการนี้ทรงควบคุม ดูแลการปั้นหุ่นให้อยู่ในพระบรมราชวินิจฉัยอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกและปลุกเสกโลหะต่างๆ ที่จะนำไปหล่อพระพุทธรูป และเสด็จไปทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ณ วัดบวรนิเวศวิหาร”
พุฒิพันธุ์ วนเกียรติ เว็บมาสเตอร์ของศูนย์พระดอทคอม บอกกับ ‘ธรรมลีลา’ ว่าความจริงแล้วพระพุทธรูป ภ.ป.ร. นั้นมีต้นกำเนิดมาจากพระพุทธรูปฉลอง 72 ปีศิริราช ที่สร้างขึ้นในโอกาสจัดงานฉลองครบรอบ 72 ปี ศิริราชพยาบาล เมื่อ พ.ศ.2505
ขณะที่พระพุทธรูป ภ.ป.ร. ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของคนในวงการมากในตอนนี้คือ พระ ภ.ป.ร. กฐินต้น วัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจัดสร้างขึ้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินต้น เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2506
“พระ ภ.ป.ร. ส่วนใหญ่จะมีราคาเช่าบูชาในวงการอยู่ที่หลักแสน เพราะการสร้างแต่ละแห่งนั้นมีจำนวนน้อย ที่สำคัญนักสะสมพระเชื่อว่ามีบารมีและพุทธานุภาพมาก เพราะในหลวงท่านจะเป็นองค์ประธานในพิธีเททองหล่อพระด้วยพระองค์เอง”
พุฒิพันธุ์ อธิบายต่อไปว่า สำหรับพระพุทธรูปบูชา ภ.ป.ร. ที่ ‘ในหลวง’ ทรงมีพระราชดำริคือปี 2508 แล้วยังมีพระพุทธรูป ภ.ป.ร. ที่ท่านทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์พระประธานในการเททองหล่อพระด้วยพระองค์เองอีกหลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งนั้นต่างก็ได้รับความนิยมจากนักสะสมเป็นอย่างมาก อาทิพระพุทธมงคลจักพรรดิ์ วัดสามปลื้ม พระพุทธสัมพุทธภูธรินทร์ จัดสร้างโดยกรมตำรวจ พระพุทธศรีประกายสิทธิ์ เมื่อปี 2525 พระพุทธรูป ภ.ป.ร. 25 พุทธศตวรรษ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างพระพุทธชินราชจำลอง ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ไว้ที่ผ้าทิพย์ เช่น พระพุทธชินราชจำลอง ภ.ป.ร. จัดสร้างโดย กองทัพภาคที่ 3 สมัยพลเอกสำราญ แพทยกุล เป็นประธานดำเนินการจัดสร้าง ณ วัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ.2516
พระพุทธรูปปางประทานพร ภ.ป.ร. จำลองจากพระพุทธรูป ภ.ป.ร. ปี พ.ศ.2508 โดยจำลองจากองค์จริงทุกประการ ยกเว้นแต่ผ้าทิพย์แทนที่จะเป็นพระปรมาภิไธยย่อภายใต้พระมหามงกุฏ กลับเป็นพระสถูปเจดีย์ แบบพุทธคยา และมีพระปรมาภิไธยย่อ ‘ภ.ป.ร.’ เรียงกันเป็นแถวยาวอยู่ใต้ผ้าทิพย์ มีอักษรจารึกว่าโปรดเกล้าให้จำลองพระพุทธรูป ภ.ป.ร. เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2518 และทรงเสด็จพระราชดำเนินเททอง เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2519 จำนวนที่สร้างให้ประชาชนเช่าบูชา 2 ขนาด คือ 9 นิ้ว จำนวนที่สร้างมีไม่มากนัก
พระพุทธรูปปางประทานพร ภ.ป.ร. แบบยกพระหัตถ์ขวาเหนือพระอุระ ของวัดไทยในนครลอสแองเจลิสได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับพระปรมาภิไธยย่อ ‘ภ.ป.ร.’ ไว้ที่ผ้าทิพย์ และทรงเสด็จพระราชดำเนินเททองที่วัดโพธิ์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2522 เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรแบบยกพระหัตถ์ขวาเหนือพระอุระ ที่ฐานจารึกคำว่า ‘พระพุทธนรเทพศาสดาทิพยนคราภิมงคลสถิต’ ส่วนด้านหลังประดับรูปธงชาติไทยและธงชาติสหรัฐอเมริกา ทั้ง 2 ด้านตรงกลางเป็นธรรมจักรและจารึกเป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า วัดไทยลอสแองเจลีส
นอกจากนี้ยังได้จัดสร้างองค์จำลองขนาด 9 นิ้ว และ 5 นิ้ว ให้ชาวไทยเช่าบูชา ขนาด 9 นิ้ว ราคา 200 ดอลลาร์ ขนาด 5 นิ้ว ราคา 100 ดอลลาร์ เพื่อให้ชุมชนชาวไทยในต่างแดนโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาได้มีโอกาสเช่าบูชาไว้ เพื่อเป็นสิริมงคลประจำบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย จำนวนที่สร้างไม่มากนัก และไม่ค่อนพบเห็นในประเทศไทย จึงเป็นพระพุทธรูป ภ.ป.ร. อีกองค์หนึ่งที่หาชมได้ยากยิ่ง
(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 73 ธ.ค. 49 โดย พิมพ์สุจี ญาณนะพงศ์)