xs
xsm
sm
md
lg

หลวงตาโสบิน พระธรรมทูตผู้บุกเบิกวัดไทยในอเมริกา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ด้วยวัย 75 ปีของ‘พระอาจารย์โสบิน โสปาโกโพธิ’ ในวันนี้หากผู้ที่ไม่รู้จักมักคุ้น หรือไม่รู้ภูมิหลังของ ท่านแล้ว ก็จะเห็นท่านเป็นเพียงหลวงตาแก่ๆรูปหนึ่ง ที่ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดเมตตาสว่างรังษี(วัดวังปลาโด) ต.วังใหม่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม
ทว่าเรื่องราวความเป็นมาแต่หนหลังของหลวงตาโสบินนั้นไม่ธรรมดา เพราะในอดีตท่านเคยเป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ไทยเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในฐานะพระธรรมทูต และได้ริเริ่มสร้างวัดไทยในนครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นวัดไทยแห่งแรกในอเมริกา และนอกจากนี้ยังเป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดพุทธวราราม นครเดนเวอร์ รัฐโคโรราโด และด้วยความสามารถที่มีอยู่มาก ท่านจึงได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาเป็นรูปแรกด้วย
ตลอด 33 ปีในเพศบรรพชิตที่ท่านได้เอาใจใส่ศึกษาทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จนได้เปรียญธรรม 4 ประโยค พร้อมกับความชำนาญในการฝึกฝนด้านวิปัสสนากรรมฐาน จนกระทั่งได้เป็นพระอาจารย์สอนปริยัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานหลายแห่ง
จวบจนกระทั่งได้มีโอกาสไปเผยแผ่ธรรม ในฐานะพระธรรมทูต ในสหรัฐอเมริกา และได้เปิดสอนวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ชาวตะวันตกเป็นครั้งแรก ณ วัดพุทธวราราม จนประสบความสำเร็จ มีชาวตะวันตกให้ความสนใจมาศึกษาปฏิบัติกันอย่างมากมาย
แต่แล้วด้วยเหตุผลในแวดวงสงฆ์ที่ท่านบอกว่า“ไม่อยาก รื้อฟื้น” ก็ทำให้ท่านต้องลาสิกขา ในวัยย่าง 50 ปี มาใช้ชีวิต ในเพศฆารวาสที่ต่างแดน ด้วยการไปเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนาให้กับลูกศิษย์ลูกหาชาวตะวันตกที่เคารพนับถือท่านมาแต่ครั้งยังเป็นบรรพชิต
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยแผ่ธรรมที่มีอยู่เต็มหัวใจ ทำให้ระยะเวลา 20 ปีในเพศฆารวาส ผ่านพ้นไปพร้อมกับการทำงานหนักในการสอนตามสถานที่ต่างๆทั้งในอเมริกาและแคนาดา รวมทั้งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดตั้งศูนย์และสมาคมทางด้านวิปัสสนากรรมฐานอีกหลายแห่งในต่างแดน
แต่สุดท้ายท่านก็ได้หวนคืนสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่ง เมื่ออายุย่างเข้า 70 ปี ด้วยเหตุผลว่าอยากโปรดญาติพี่น้องลูกหลาน ญาติโยม ที่จังหวัดมหาสารคาม อันเป็นบ้านเกิด เพื่อให้พระพุทธศาสนาได้เป็นหลักยึดของเด็กๆของอนุชนรุ่นหลัง
เราได้มีโอกาสพบกับพระอาจารย์โสบิน หลังจากที่ท่านได้เสร็จสิ้นการอบรมวิปัสสนากรรมฐานให้กับพุทธศาสนิกชน ที่สนใจ ซึ่งโครงการผู้จัดการสุขภาพจัดขึ้น ณ บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ จึงได้นิมนต์ท่านมาที่ ‘ห้องสนทนา’ครั้งนี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์การสอนปฏิบัติธรรมให้กับชาวต่างชาติ

• ชาวต่างชาติที่มาฝึกปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่อายุเท่าไหร่คะ
ประมาณ 30 ปี ขึ้นไป ส่วนวัยรุ่นก็มีพวกนักศึกษารุ่น ใหม่ ศาสนาพุทธกำลังจะบูมในต่างประเทศ อาศัยว่าพวก ฝรั่งเขาไปสอนกันเองบ้าง และพยายามจะโปรโมทให้คนรู้จักพุทธศาสนามากขึ้น เขาไปศึกษาพุทธศาสนาจากเมืองไทย ศรีลังกา ประเทศไหนๆ เขาบอกว่ามันมีแต่คอมพิวเตอร์ มีแต่ประเพณี หาแก่นแท้ของศาสนาจริงๆยาก เขาสงสัยว่าแก่นแท้จริงๆ อยู่ตรงไหนกันแน่ เขาจึงไม่เชื่อว่าคนไทยหรือ ชาวพุทธทางเอเชียจะเข้าถึงหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเขามาเมืองไทยเห็นคนไทยทำบุญให้ทานกัน เขาก็บอกว่ารู้สึกดีใจคนไทยมีบุญแต่ว่าไม่มีวาสนาเลย เขาตอบตรงๆนะ เขาบอกว่าอุตสาห์เกิดที่เมืองไทยแต่ว่าเอาแต่เรื่องให้ทานเอา แต่ประเพณี เอาแต่เรื่องเปลือก แต่เขาเกิดเมืองคริสต์กลับได้รับผลประโยชน์จากพุทธมากกว่าโดยเข้าไปสัมผัสสัจธรรมของพระพุทธเจ้า เขาจึงบอกว่าเขาไม่มีบุญ

• มีไหมคะที่ชาวต่างชาติซึ่งไม่ได้นับถือพุทธ แต่เข้ามา เรียนรู้ปฏิบัติ
มีทุกศาสนามีทุกรูปแบบ เขามาเพื่อพิสูจน์ ว่ามีอะไรบ้าง ที่พอจะไปกันได้ มีอะไรที่เหนือกว่าเขาบ้าง หรือมันมีอะไรที่ พิเศษจริงๆ อย่างบางคนเขาก็มาจำนนต่อเหตุผลหลักธรรม ของพระพุทธเจ้า ทั้ง ๆที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาฟัง พอเขามาฟังมาถามปัญหาเขายอมรับแล้วว่าคำสอนนี้สมบูรณ์ด้วยเหตุด้วยผล ถึงจะไม่มีศรัทธามันก็ต้องยอมรับ บางคนถึงกับเปลี่ยนศาสนา บางคนก็ยอมรับว่าเขาไม่นึกว่าเขาจะเป็นพุทธ แต่พอมาฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามันเป็นหลักสัจธรรมมันเป็นความจริง เขาต้องยอม เขาเป็นคริสต์มานานตั้งแต่บรรพบุรุษก็ได้แต่เชื่อพระเจ้าทั้งนั้น แล้วพระเจ้าอยู่ไหนจริง ๆ หรือว่าช่วยชีวิตของเขาได้จริงไหมเขายังไม่รู้ แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจริงเป็นสัจจะที่ว่ามันเป็นเรื่องที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่ว่าพระเจ้าที่ไหนจะมาสร้างโลก และแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนให้เชื่อท่าน

• ส่วนใหญ่พวกฝรั่งที่มาฟังธรรมปฏิบัติธรรม มีลักษณะอาการเหมือนคนไทยหรือเปล่าที่ว่าต้องให้เกิดทุกข์เสีย ก่อน จึงจะหันหน้าเข้าวัด
จริงๆแล้วฝรั่งทุกข์มากกว่าคนไทยอีก เพราะชีวิตต้องวิ่ง ตามเข็มนาฬิกา ทุกอย่างต้องทันเวลาอยู่ตลอด ทำให้ชีวิตเขา ไม่มีเวลารีแล็กซ์ เพราะชีวิตมันต้องดิ้นรนถึงทำให้ชีวิตและประเทศชาติเจริญ ทำให้ทุกคนไม่นอนหลับทับสิทธิ์จะไม่มีนิ่งนอนใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ชีวิตมีความทุกข์ เพราะว่าหาเวลาเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกรีไทร์เขาต้องไปท่องเที่ยว ใช้ชีวิตบั้นปลาย เนื่องจากช่วงหนุ่มๆจะไม่มีเวลา เขาจึงอยากมีโอกาสที่จะสงบมีโอกาสพักผ่อนบ้าง เรื่องมรรคผล อย่าไปพูด เพราะเขาไม่เชื่อว่าอนาคตข้างหน้ามันมีหรือไม่มีไม่รู้ ขอให้ปัจจุบันนี้ฉันรับประโยชน์จากการปฏิบัติให้เกิดความรู้ให้มีความสงบ

• ระหว่างคนไทยกับฝรั่ง พวกไหนสอนง่ายกว่ากันคะ
ฝรั่งสอนง่ายกว่าคนไทย เพราะเขาไม่มีแบคกราวด์เกี่ยวกับอุปาทานอะไรมากในเรื่องปฏิบัติ คนไทยเรารู้มากเลย สอนยาก และคิดว่าฝรั่งจะกลับมาสอนศาสนาพุทธในเมือง ไทยในอนาคตข้างหน้า ฉันเชื่ออย่างนั้น

• คำถามที่ฝรั่งมักจะถามบ่อยที่สุดเวลาที่พระอาจารย์ไปสอน เป็นคำถามเกี่ยวกับอะไรคะและเขาอยากรู้อะไรในศาสนาพุทธบ้าง
ถามบ่อยที่สุดก็คงเป็นว่าศาสนาพุทธสอนเกี่ยวกับเรื่องอะไร และจะปฏิบัติอย่างไรให้เข้าใจเรื่องกรรม หรือกรรม เท่านั้นที่จะเป็นผู้บันดาลอะไรต่ออะไร ก็เป็นเรื่องทำนองนี้ อันนี้ยากหน่อยต่อการตอบ เราก็ต้องให้เขามาปฏิบัติก่อน ให้ เขาค่อยๆ เข้าใจว่าศาสนาเราสอนละเอียด พูดง่ายๆ ปฏิบัติเพื่อให้กรรมที่ทำไว้นั้นให้ผลอย่างใดอะไร ก็ต้องใช้เวลาอธิบาย แต่ส่วนมากเขาจำนนต่อความเป็นจริงมากกว่า

• แล้วพระอาจารย์มีวิธีสอนหรืออธิบายเรื่องกรรมให้พวกเขาเข้าใจได้ง่ายๆอย่างไรคะ
ไม่ต้องไปอ้างพระพุทธเจ้า ไม่ต้องไปอ้างพระเจ้า มีในศาสนา แต่บอกว่ายูเท่านั้นเป็นคนสร้างนรก สวรรค์ สร้างนิพพาน ให้ยูเอง คือถ้ายูไม่ต้องการสร้างความทุกข์ในชีวิต ก็ต้องปฏิบัติตัวยูเอง อย่าเกิดมาซะซิ ทำอย่างไรถึงจะไม่เกิดอีก เพราะเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ยูจะกลัวตายยังไงก็หนีตาย ไม่พ้น เบื้องต้นเราไม่แตะเรื่องศาสนาและเราก็ไม่พยายามเอา เรื่องพระพุทธเจ้าไปยุ่ง พยายามเน้นให้เขายอมรับ ยกตัวอย่างว่าเราต้องการพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับอะไรถ้าเกี่ยวกับรูปเกี่ยวกับวัตถุ มันมีที่ไหนที่จะสิ้นสุด ถ้าเราจะมาพิจารณาใน เรื่องสังขารร่างกายมันมีอันเป็นไปเปลี่ยนแปลงไป แล้วมันจะได้อะไรจากการพิจารณาเหล่านี้ ถ้าเราจะมาพิสูจน์เรื่องจิต ใจมันก็ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ แม้แต่หลักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ได้ แต่รูป แต่หลักของการปฏิบัติธรรมเราบอกว่าให้รับรู้ว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างมันจะมีปัจจัยสืบเนื่องกันให้มันเป็นวัฏจักรให้มันเป็น วงจรของชีวิตของสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่ว่าทางรูปธรรมมันก็ต้องอิงอาศัยซึ่งกันและกัน อย่างในธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ มันจะป็นมิตรกันอยู่ ธาตุดินกับธาตุน้ำมันอาศัยกัน ถ้าไม่มี น้ำดินก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีดินน้ำก็อยู่ไม่ได้ ไฟกับลมก็คู่กัน แต่ ในธาตุทั้ง 4 เหล่านี้มันจะเบียดเบียนกันอยู่ในตัว ธาตุไฟเป็น ศัตรูกับธาตุน้ำ ธาตุลมเป็นศัตรูกับธาตุดิน เป็นวิทยาศาสตร์ ที่เขาเข้าใจได้ เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจ เขาเรียกว่าเหตุปัจจัย เพราะมันมีนี้มันถึงมีนั้นเพราะอันนั้นเกิดเพราะอันนี้

• มีไหมคะที่ฝรั่งฟังแล้วได้ข้อคิดอะไรมากขึ้น ก็จะไป ชวนเพื่อนๆมา เหมือนคนไทยที่พอมาวัดนี้พระท่านสอนดีก็จะชวนเพื่อนๆ มากันอีก
ก็มีเหมือนกันนะ แต่ถ้าเพื่อนเขาไม่มีอุปนิสัย ก็คิดว่ายูไปเถอะถ้ายูเห็นว่าดี

• การไปสอนธรรมให้ชาวต่างชาตินั้น เป็นพระสงฆ์กับเป็นฆารวาส แตกต่างกันไหม
อันนี้รู้สึกว่าอยู่ในเพศฆราวาสคล่องตัวกว่านะ เพราะฉะนั้นเลยทำให้พวกมหายานเขาไปได้ดี เพราะหนึ่งนะความรู้สึกของพวกชาวต่างชาติเขาจะไม่มีความตะขิดตะขวงใจใน การไปคุยไปสนทนาหรือว่าไปหาผู้สอนที่เป็นฆารวาส แต่ถ้า เขามาหาพระเราเนี่ยระเบียบมันจัด เรื่องมันเยอะ ต้องให้เขา นั่งพับเพียบบ้าง พระบางรูปที่เรียกว่าไปอยู่ใหม่ๆ ถ้านั่งแบบ ฝรั่งก็บอกว่าไม่สวยไม่เรียบร้อยไม่เคารพไม่อะไรต่อไร พอไปแสดงออกอย่างนั้นฝรั่งบางคนก็คิดว่า ยูเป็นใครยูก็คนเหมือนกัน ปกติเขาก็หาว่าคนเอเซียเป็นกะเหรี่ยงอยู่แล้วใช่ ไหมแล้วยังไปบอกให้เขาทำตามอีก

• ถ้าอย่างนั้นอยู่ในเพศบรรพชิตจะได้รับความเคารพ นับถือดีกว่าหรือเปล่า
ไม่เชิง แต่เขาก็ให้เกียรติเรื่องยูนิฟอร์ม เขาจะถือเป็นประเพณีเขา ในความหมายของฝรั่งเขาไม่ถือว่าเราอยู่ในเพศ บรรพชิตแล้วต้องปฏิบัติให้เคร่งให้บรรลุมรรคผลนิพพาน เขาจะไม่สนใจจุดนั้น เขาสนว่าเมื่อมาบวชในทางศาสนาของ เราแล้วควรจะอยู่ในขอบเขต ส่วนจุดที่ว่าเราเหนือกว่าเขาใน ความรู้สึกของไทยว่าอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ไม่มีสำหรับเขา เขาจะคิดว่าเป็นเครื่องแต่งตัวแบบหนึ่ง เป็นเครื่องหมายของนักบวชชาวพุทธเท่านั้นเอง
เขาคิดว่าเราก็ยังเป็นคนแต่ทำไมยกตนขึ้นให้สูงนัก และทำไมพระจะต้องพิเศษกว่าชาวบ้าน เขาเข้ามาหาเราแล้วเราจะเอาประเพณีไปบอกไปสั่งให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ฝรั่งมีความรู้สึกว่าอีโก้ เขาต้องเหนือกว่าเพราะเขาเป็นประเทศที่เจริญเรื่องอารยธรรมมาก่อนเรา ถ้าจะพูดกันไปเรา ก็ยังเป็นอะไรที่ด้อยพัฒนาอยู่ที่จะไปสอนเขา ถ้าเขาไม่ยอมรับความสามารถความรู้จริงเขาจะไม่ถือว่าเป็นอาจารย์เขา

• แสดงว่าส่วนใหญ่พระที่อยู่ต่างประเทศมักเอาประเพณีคนไทยไปสอนฝรั่ง
90 % เลย เพราะส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองเป็นพระมีทิฐิพระ ต้องสั่งให้เขาทำตาม ยิ่งไปสอนฝรั่งอยากจะโชว์อ๊อฟ ไปใช้เขาทำโน่นทำนี่ แต่ฝรั่งคิดว่าเขาไม่ได้มาอาสาเป็นคนงานของ ยูนะ นี่คือความเคยตัวของพระไทยเรา ฝรั่งส่วนมากเขาจะมาพิสูจน์ดูว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าจะช่วยเขาได้อย่างไร ส่วนเรื่อง มรรค ผล นิพพาน เขาจะไม่ติดใจจุดนั้น เขาถือ ว่าเป็นเรื่องของผลของศาสนายู ดังนั้นพอเราไปพูดเรื่องปริยัติเขาบอกเขาอ่านตำราก็รู้แล้ว เขาไม่สนใจ
ต้องดูว่าธรรมที่เอาไปเผยแผ่ให้เขานี่เขาต้องการไหม มันเป็นแนวปฏิบัติหรือป็นหลักปริยัติหรือเป็นธรรมประเภท
ที่จะใช้ได้ผลในชีวิตประจำวันของเขาแค่ไหนอย่างไร ส่วนนี้ ที่เขาต้องการจากเรามาก เราสนองเขาได้ไหม

• มีไหมคะที่พระบางรูปปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม จนทำ ให้ชาวต่างชาติเสื่อมศรัทธา
มันก็มีเป็นธรรมดาเป็นช่วงที่จะให้ศาสนาเสื่อมมันก็เอา แต่จุดที่บกพร่องมาตีแผ่กัน มันก็เป็นไปตามยุคตามสมัย เพราะพระที่ท่านไปท่านก็ไปตามรูปแบบไปตามที่อบรมพระธรรมทูตบ้าง ยกตัวอย่างง่าย ๆ จะไปเปิดร้านอาหารถ้า ไปเรียนปรุงอาหารไม่กี่วันมันจะไปมีความชำนาญเหมือนกับที่เขาเป็นแม่ครัวพ่อครัวประจำได้ไง มันเป็นแบบนั้น แต่ไม่ใช่โจมตีท่านที่ไปกันทุกองค์ เพราะส่วนใหญ่ก็เสียสละต่อสู้กับอากาศหนาวบ้างอะไรบ้าง แต่ว่าส่วนที่มุ่งที่จะเอาไป ฝากเขามันยังไม่พร้อม ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ อย่างที่พูดไปว่าอยากให้เขาเข้ามาวัดแล้วมาทำแบบคนไทยเราให้มา กราบพระให้มานอบน้อมพระสงฆ์ให้มาอะไรต่ออะไร เขายอมรับไม่ได้ แต่เราก็ต้องใช้เวลา ถ้าเขาเข้าใจแล้วเขาก็ให้เกียรติ เรา ฝรั่งถึงว่าสอนง่าย ถ้าถูกเขาก็ยอมรับว่าถูก ถ้าผิดเขาก็ว่าผิด ถ้าเยสก็เยส ถ้าโนก็ไม่ต้องพูดอีก มันไม่เอาทั้งนั้น

• เรื่องการทำบุญในกิจกรรมต่างๆที่พระไทยอาจจะบอกบุญกับญาติโยมได้ เพราะคนไทยชอบทำบุญอยู่แล้ว แต่ไปบอกบุญลักษณะอย่างนี้กับฝรั่ง เขาจะทำไหมคะ
ส่วนมากเขาทำนะ ถ้าเราไปอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง พวกฝรั่งไม่ชอบให้ทานโดยไม่มีเหตุไม่มีผล อย่างที่ตอนนี้ฉันกำลังจะสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง และพระพุทธรูปหยกขาว ที่วัดวังปลาโด ฉันก็บอกไปว่าจะสร้างไว้ให้เป็นประวัติศาสตร์ให้เป็นอนุสรณ์ ภายในเจดีย์จะเป็นแบ่งเป็นห้องปฏิบัติกรรมฐาน ห้องสำหรับผู้ที่จะอยู่ปฏิบัตินานๆได้ ห้องบรรยายธรรม และห้องที่ประดิษฐานพระพุทธเมตตาที่ทำจากหยกขาวที่ว่า นี่แหละ เท่ากับว่าสร้างเจดีย์บนตึกให้มันได้ประโยชน์ให้มันได้ใช้

• จุดมุ่งหมายในชีวิตสุดท้ายแล้ว ก็คือการสร้างเจดีย์ให้สำเร็จหรือว่ามีอะไรมากกว่านี้อีกไหมคะ
เจดีย์เป็นเพียงวัตถุ ที่จะให้ลูกหลานเหลนได้กราบได้ไหว้ ได้ใช้ประโยชน์เท่านั้น แต่ในใจจริงๆ ที่ฉันกลับเข้ามาบวชครั้งนี้คิดว่าเพื่อเตรียมตัวตายอย่างเดียว ไม่เอาอะไรแล้ว ผ่าน มาหมดแล้ว สร้างวัดมาหลายวัดแล้ว สอนคนมาตั้ง 40 กว่าปีแล้ว ทุกอย่างมันก็ควรจะพอ อายุป่านนี้แล้ว คิดว่าพอทีสำหรับประโยชน์ส่วนรวม เอาประโยชน์ส่วนตนบ้าง
ประโยชน์ส่วนตนในที่นี้ก็คือในเมื่อเราเป็นครูเขาเราก็ ได้แต่เป็นผู้แนะเป็นผู้สอน แต่ก็ปฏิบัติเหมือนกันแต่ยังไม่ได้ปฏิบัติจนถึงกับว่าสอนให้เขาทำ เป็นผู้นำทำให้เขาดู เพราะฉะนั้นเลยอยากจะนั่งกรรมฐานจนตายให้คนดูในความหมาย จริงๆนะ คือพอเสร็จเจดีย์นี้จะสร้างวิหารหลังหนึ่ง ตั้งใจไว้อย่างนั้น จะนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นหรือตายก็อยู่ตรงนั้น นี่คือความรู้สึกส่วนลึก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงแล้วแต่เหตุปัจจัยแล้วแต่บุญบารมี แต่ว่าวางแผนไว้อย่างนั้น
.......
แม้จะลงหลักปักฐานที่วัดวังปลาโดแล้ว แต่ทุกวันนี้หลวงตาโสบินยังคงต้องเดินทางไปเยี่ยมเยือนศูนย์ปฏิบัติธรรมในอเมริกาที่ท่านได้ริเริ่มก่อตั้งไว้ว่าเจริญงอกงามไปเพียงใด ส่วนเจดีย์พุทธคยาจำลองก็กำลังเดินหน้าก่อสร้าง ไปเรื่อยๆ พุทธศาสนิกชนท่านใดที่ประสงค์อยากจะร่วมบุญกับหลวงตา ก็ติดต่อไปได้ที่ โทร.043-727-182 และ 0-1975-7439
กำลังโหลดความคิดเห็น