หากเอ่ยถึงนครแห่งการท่องเที่ยวหลักด้านพุทธศาสนาที่สำคัญของเอเชีย หนึ่งในนั้นต้องยกให้เมืองพุกาม แห่งสหภาพพม่า ซึ่งในอดีตนั้นเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ มีเจดีย์กว่าหมื่นองค์ แต่ปัจจุบันนครที่เคยรุ่งเรืองในอดีตที่ตั้งอยู่ในที่ราบอันร้อนและแห้งแล้งทางภาคกลางของพม่าแห่งนี้ เหลือเจดีย์อยู่เพียง 2,000 กว่าองค์เท่านั้น เจดีย์แต่ละองค์มีประวัติบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของกษัตริย์แห่งเมืองพุกามในอดีตได้เป็นอย่างดี และปรากฏชัดทุกยุคทุกสมัย เว้นเสียแต่ ‘เจดีย์ธุ’ ในวัดธรรมยางยี ที่ยังไม่มีใครค้นพบหลักฐานในการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
‘พีระมิดแห่งดินแดนตะวันออก’ เป็นคำกล่าวขานของนักโบราณคดีชาวต่างชาติถึงวัดธรรมยางยี เพราะหากมองจากบนท้องฟ้าแล้ว วิหารแห่งนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส คล้ายกากบาทของกรีก ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมในยุคก่อนเจดีย์อนันทะ หนึ่งในเจดีย์ที่เลื่องชื่ออีกแห่งของอาณาจักรพุกาม แต่หากมองจากด้านล่างแล้ววัดแห่งนี้มีรูปทรงคล้ายพีระมิด แต่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของพุกาม
วัดธรรมยางยี เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในพุกาม พื้นที่โดยรอบของวัดนั้นทุกด้านยาวเท่ากันคือ 255 ฟุต ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของกำแพงเมืองในอาณาจักรพุกาม ภายในวัดประดิษฐานพระเจดีย์องค์ที่ใหญ่ที่สุด และเป็น 1 ใน 4 ของเจดีย์ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของพุกาม มีนามว่า ‘เจดีย์ธุ’ (Dhu) ซึ่งมาจากคำว่า ‘ธรรมยาน’ หมายถึง ‘ความแข็ง แกร่งที่สุด’ ตัววิหารตกแต่งด้วยศิลปะของตะวันออกอย่างผนังอิฐ ซึ่งเป็นงานชั้นสูงของอาณาจักรพุกาม
นักโบราณคดีชาวต่างชาติพยายามหาหลักฐานและข้ออ้างอิง เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาของวัดแห่งนี้ แต่เท่าที่ได้ทราบคงมีเพียงตำนานที่ชาวบ้านเล่าขานกันต่อๆ มา ถึงกำเนิดของวัดแห่งนี้ และเหตุผลที่บางส่วนของวัดยังสร้างไม่แล้วเสร็จจนทุกวันนี้
ตำนานกล่าวว่าพระเจ้านรทุ กษัตริย์ของพุกาม ซึ่งครองราชย์ ราว ค.ศ.1167-1170 เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้น เพื่อชดเชยความผิดและล้างบาปที่พระองค์ได้ทรงทำปิตุฆาตพระเจ้าสินธุ ผู้เป็นพระบิดา รวมทั้งประทุษร้ายพี่ชายของพระองค์ เพื่อแย่งชิงราชสมบัติ อีกทั้งยังได้ข่มเหงรังแกประชาชนเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดแล้วพระเจ้านรทุุก็ถูกลอบปลงพระชนม์เช่นเดียวกัน
ในการศึกษาและค้นคว้าจากข้อมูลที่มีอยู่ มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าพระเจ้านรทุเป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้จริง เนื่องจากปรากฏหลักฐานตรงทางเดินสองช่องทางภายในวิหารสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีความยาวของแต่ละด้านประมาณ 82 ฟุต ไม่ได้ก่ออิฐถือ ปูนแบบวิจิตรเหมือนพระวิหารแต่อย่างใด เป็นแค่การใช้เศษอิฐปูเพียงหยาบๆ เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะเริ่มแรกพระเจ้านรทุทรงรับสั่งให้ช่างฝังหมุดลงไประหว่างก้อนอิฐแต่ละก้อนของวิหาร เพื่อให้มั่นคงแข็งแรงและสวยงาม แต่ทว่าพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ก่อนที่จะสร้างวัดเสร็จ และความที่เคย ได้ทรงข่มเหงรังแกประชาชนมามาก ทำให้บรรดาช่างทั้งหมดยุติการสร้างวัดนี้ และนำเพียงเศษอิฐหินมาปูเป็นทางเดินแบบลวกๆ เพื่อเป็นการกลั่นแกล้งและแก้แค้น
ตำนานของวัดธรรมยางยีบางส่วนอาจคล้ายคลึงกับตำนานของพระปฐมเจดีย์ ในบ้านเรา ซึ่ง ณ วันนี้ สิ่งที่วัดธรรมยางยีมีอยู่คู่ตำนานก็คือ ความงดงามของศิลปะอันเป็นเสน่ห์แห่งอาณาจักรพุกาม ที่ดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วสารทิศแห่ไปเยือนดินแดนประวัติศาสตร์แห่งนี้