xs
xsm
sm
md
lg

สื่อธรรม : “สุสานหิ่งห้อย” สงครามและความศรัทธาแห่งชีวิตมนุษย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปีใหม่นี้ ขอหยิบหนังแอนิเมชั่นที่นอกจากเนื้อหาจะลึกซึ้งกินใจแล้ว การสร้างและการนำเสนอก็สุดแสนจะงดงามค่ะ หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า “Grave of The Fire Flies” หรือจะแปลเป็นไทยได้ว่า “สุสานหิ่งห้อย” หนังเรื่องเยี่ยมของ Isao Takahatan เพื่อนร่วมงานของ Hayao Miyasaki ว่าไปแล้วทั้งสองก็คือ สุดยอดปรมาจารย์ผู้กำกับแอนิเมชั่นของญี่ปุ่นค่ะ

เรื่องนี้สร้างขึ้นจากกึ่งอัตชีวประวัติของ Akuyuki Nosake ซึ่งเขาถ่ายทอดเป็นนวนิยายด้วย ความรู้สึกโทษตนเอง เนื่องจากเขาไม่สามารถที่จะดูแลและรักษาชีวิตของน้องสาวเขาไว้ได้ การได้ เขียนออกมาก็ทำให้เขารู้สึกได้เยียวยาสภาวะภายในที่เจ็บช้ำของเขาจากเหตุการณ์ของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีต่อชีวิตของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องสาวตัวน้อยๆ ของเขา

ขอบอกก่อนว่าต่อให้ใครที่บอกว่าไม่เคยดูหนังแล้วร้องไห้ ต้องลองชมเรื่องนี้ค่ะ เป็นหนังที่ลึกซึ้งกินใจ ไม่ใช่การ์ตูนธรรมดาๆ แต่สะท้อนให้เห็นถึงผลพวงของสงครามที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ เด็กที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรในอีโก้(ego)ของแต่ละประเทศ หรือของบรรดาผู้นำ

นอกจากนั้นยังสะท้อนความรักของพี่ชายกับน้องสาวเป็นอย่างดี เซตะ พี่ชาย อายุ 14 ปี และเซทซูโกะ น้องสาวอายุ 4 ขวบ ซึ่งแม่ตายจากระเบิดที่อเมริกาบอมบ์ญี่ปุ่น ส่วนพ่อเป็นทหารก็ตายในสงคราม เมื่อแม่ตายทั้งสองก็ต้องไปขอความช่วยเหลือจากญาติ แต่ในช่วงสงครามนั้นทุกๆ คน ต่างก็อยากจะเอาชีวิตตนเองให้รอด เด็กทั้งสองจึงต้องระเห็จออกจากบ้านของญาติเพื่อมาดำรงชีวิตตามลำพัง
หนังค่อยๆ ให้เราเห็นถึงผลกระทบของสงคราม สงครามที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอาหาร ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ สงครามที่ทิ้งไว้เพียงความอดอยากยากแค้น แต่กระนั้นหนังก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงอีกด้านของความศรัทธาแห่งชีวิตของมนุษย์ ที่จะต้องต่อสู้ให้มีชีวิตอยู่รอด
เรื่องนี้เป็นสุดยอดของการถ่ายทอดชีวิตของชาวญี่ปุ่นในช่วงสงคราม และถือเป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี
หนังเริ่มต้นด้วยประโยคคำพูดของเซตะ ว่า “เดือนกันยา 21, 1945....นั่นแหละเป็นคืนที่ฉันได้ตายจากไป” คำพูดนี้เต็มไปด้วยนัยมากมาย ตัวเลขของค.ศ. เป็นตัวที่บ่งบอกสถานการณ์ประวัติ-ศาสตร์ของญี่ปุ่นช่วงนั้นได้เป็นอย่างดี ส่วนประโยคสุดท้ายก่อนจบ เมื่อเซทซูโกะถามว่า “ทำไมหิ่งห้อยพวกนี้ต้องตายตั้งแต่ยังเด็กนะ” นี่ก็เป็นอีกประโยคหนึ่งที่สะท้อนอะไรๆ หลายอย่าง อย่างหนึ่งก็เปรียบได้กับชีวิตของเด็กๆ ที่เพิ่งลืมตามาดูโลกได้ไม่นาน พวกเขาก็ต้องจากโลกนี้ไปอย่างอนาถ ไม่ต่างจากหิ่งห้อยเหล่านั้นที่มีชีวิตอันแสนสั้น
บทเรียนมากมายจากสงครามในอดีตมาจนทุกวันนี้ เหมือนโลกเราไม่เคยเรียนรู้จากความสูญเสียในแต่ละครั้งที่ผ่านมาเลย แต่ละประเทศมหาอำนาจยังคงสร้างสงครามกันอยู่ในทุกรูปแบบ อย่างไรก็ดี ปีใหม่นี้ความสงบสุขจงมีแด่ทุกคน คงไม่ขอไปถึงสันติภาพของโลก สิ่งเหล่านี้มิอาจขอได้จากใคร แต่สร้างได้จากตัวเราเอง เพราะเมื่อเรามีสันติสุขสงบ เราก็จะแพร่สิ่งเหล่านี้ไปยังคนรอบข้างได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ

สุดท้าย ขอฝากปฏิทิน ‘พุทธมหาสาวกและมหาสาวิกา 2549’ ซึ่งรวบรวมวาจานุสรณ์รวมทั้งคติธรรมและคุณธรรมของพระมหาสาวกและสาวิกา ซึ่งสามารถนำมาเป็นทิฎฐานุสติในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนั้นก็ยังมีคำแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยท่าน เมธิโนภิกขุ และพระชัยเดช เอกคฺคจิตโต พร้อมภาพวาดสี่สีสวยงาม ราคา 195 บาท สนใจสั่งซื้อได้ที่ยอดแก้ว โทร 0-1938-7074 หรือสามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.vimokkhadhamma.com
ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นปฏิทินธรรม 2549 จากสวนโมกข์ ชื่อ “อวสานแห่งความทุกข์” สงบกายใจเย็น เป็นนิพพาน อวสานแห่งความทุกข์ ทุกสิ่งอันฯ ภายในมีธรรมะดีๆ จากท่านพุทธทาส ที่เขียนเป็นบทกลอนสอนธรรมอย่างลึกซึ้ง สั่งซื้อได้ที่ ธรรมทานมูลนิธิ สวนโมกขพลาราม โทร. 077-431-596-7 หรือที่สำนักพิมพ์สุขภาพใจ โทร. 0-2415-6797 ราคา 195 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น