เรื่องที่ 122 อาภรณ์ประดับใจ ตอนที่ 1/2
ความจริงแห่งชีวิต ตอน เหตุแห่งทุกข์
วันหนึ่งของการพูดคุยในกลุ่มมิตรสหาย ต่อประเด็นคำถามของชีวิต ที่แล้วแต่ใครจะเป็นผู้ตั้งประเด็นขึ้นมา มิตรคนหนึ่ง ได้ตั้งประเด็นถามว่า "อะไรคือสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด"
วงหมู่มวลมิตรเงียบทันทีที่คำถามจบลง ทุกคนต่างใช้สติต่อคำถามที่สั้นๆ ฟังง่ายๆ แต่ดูเหมือนตอบยากจับใจ
หลายคนต่างทวนคำถามออกมาด้วยเสียงรำพึง "อะไรคือสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด"
วันนั้นพวกเราไม่สามารถหาคำตอบที่ลงตัวได้ แต่ไม่กี่วันต่อมาผมได้พบกับคำตอบสำหรับผมครับ
สำหรับผม "ความจริงที่เราไม่อยากให้เป็นจริง" คือสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด หลายคนกลัวที่ต้องเผชิญกับความจริงที่แสนปวดร้าว ด้วยวิธีหลีกหนีความจริง บางคนถึงขั้น "เสียสติ" เพื่อหนีความจริงนั้นอย่างถาวร บางคนใช้วิธีหนีชั่วขณะด้วย "ยาเสพติด" แต่มีบางคนหนีด้วยการ "ปลิดชีพ"
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวไว้ในหนังสือ "คติธรรมแห่งชีวิต" ไว้ว่า "รู้ความจริงของธรรมดา แต่ได้ประโยชน์มหาศาล" พร้อมขยาย ความว่า กฎธรรมชาติเป็นความจริงที่เราทั้งหลายจะต้องรู้ไว้เพราะมีแต่ประโยชน์ แม้จะเป็นกฎธรรมชาติในส่วนที่ไม่ถูกใจเรา ไม่น่าปรารถนา เราก็ต้องรู้เพื่อจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ความรู้กฎธรรมชาติ หรือความจริงของสิ่งทั้งหลายตามธรรมดานี้ อาจแบ่งง่ายๆ ว่ามีประโยชน์ได้ 3 ขั้น
ขั้นที่ 1 เป็นประโยชน์สำหรับที่จะปฏิบัติตามได้ถูกต้อง เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยดี มิให้เกิดทุกข์โทษภัย
ขั้นที่ 2 เป็นประโยชน์ในการที่จะนำมาใช้ มาจัด มาทำ หรือสร้างสรรค์อะไรของเราเองให้สำเร็จประโยชน์ขึ้นมาตามต้องการ
ขั้นที่ 3 เป็นประโยชน์ในทางความรู้เท่าทันที่จะดำเนินชีวิตด้านใน ทำให้รู้จักวางท่าทีของจิตใจได้ถูกต้อง ทำให้มีความสุขและไร้ทุกข์อย่างแท้จริง
สำหรับผม ขั้นที่ 3 ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่ยังติดอยู่ในบ่วงกรรม ไม่สามารถรู้เท่าทันจิตของตน ก่อให้เกิดทุกข์และไร้สุขอย่างแท้จริง
พระพรหมคุณาภรณ์กล่าวว่า คนจำนวนมากไม่เคยมองถึงชีวิตของตัวเอง ไม่เคยมองถึงโลกนี้ที่เป็นสังขาร มองแต่เพียงว่าจะเอาความรู้ในกฎธรรมชาติของสิ่งต่างๆ มาใช้ประโยชน์สนองความต้องการของตนเท่านั้น แล้วก็วิ่งไปแล่นไป ทำไปๆ จนมีความรู้สึกเหมือนกับว่า เรานี้เป็นคนเก่งมีความสามารถมาก มนุษย์เราสามารถเอาชนะธรรมชาติได้
แต่พอหันกลับมาคิดได้อีกทีหนึ่งก็ปรากฏว่า ชีวิตของเราที่เป็นอย่างนั้น ได้ตกเป็นทาสของสิ่งทั้งหลายมากมาย กลายเป็นว่าเอาชีวิตของเราไปฝากไว้กับสิ่งภายนอก ปล่อยให้สุขทุกข์ของเราขึ้นต่อสิ่งภายนอกเป็นตัวกำหนด ไม่เป็นอิสระ วิ่งแล่นไปต่างๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะวิ่งแล่นไปทำไม แล้วชีวิตของเราคืออะไรกันแน่ ไม่เคยคิดไม่เคยพิจารณา ธรรมชาติแห่งชีวิตของตนเองยังไม่รู้จักเลย
เพื่อนผมคนหนึ่งที่เป็นคนเก่งในทุกๆ เรื่องสำหรับคนภายนอกเคยบอกกับผมว่า หลายครั้งเขาเคยคิดจะจัดการกับความล้มเหลวในชีวิตของเขา ความล้มเหลวที่ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเขา ด้วย "ความตาย" เขาทนไม่ได้กับความจริง ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธแต่ไม่สามารถที่จะยอมรับได้ แต่เขาไม่สามารถที่จะจัดการมันได้ เพราะหากเขาตายความจริงต้องถูกเปิดเผย
ทุกวันนี้เพื่อนคนนี้ยังบอกกับผมว่า เขาพยายามจับเจ้าตัวอารมณ์ของตัวเองให้ได้เพื่อที่จะมีชีวิตที่เป็นสุขมากกว่าทุกข์ ซึ่งผมได้แต่บอกเพื่อนว่า ลองหัดที่จะสุขน้อยเพื่อทุกข์น้อย แล้วชีวิตเขาจะดีขึ้น
พระพุทธศาสนาท่านสอนให้เผชิญหน้ากับความจริง ให้ยอมรับความจริง ในที่สุดแล้วคนเราต้องอยู่กับความจริง หนีความจริงไม่พ้น ถ้าเราทำจิตใจ ของเราให้อยู่กับความจริงได้ตลอดเวลาแล้ว ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่กระทบกระเทือนจิตใจของเรา แต่ถ้าเราไม่ยอมรับมัน ความจริงก็ต้องเกิดอยู่ดี และเพราะเราไม่ยอมรับมัน มันก็เลยกระทบกระเทือนตัวเรามาก ความทุกข์ก็เกิดขึ้นมามาก เรียกว่าเป็นทุกข์สองชั้น คือทุกข์เพราะความดับที่ต้องเจอะต้องเจอ เป็นความจริงตามธรรมดา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วยังทุกข์ ด้วยหวาดผวาไหวหวั่นตลอดเวลา ก่อนที่ความจริงนั้นจะมาถึงอีกด้วย
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋
ความจริงแห่งชีวิต ตอน เหตุแห่งทุกข์
วันหนึ่งของการพูดคุยในกลุ่มมิตรสหาย ต่อประเด็นคำถามของชีวิต ที่แล้วแต่ใครจะเป็นผู้ตั้งประเด็นขึ้นมา มิตรคนหนึ่ง ได้ตั้งประเด็นถามว่า "อะไรคือสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด"
วงหมู่มวลมิตรเงียบทันทีที่คำถามจบลง ทุกคนต่างใช้สติต่อคำถามที่สั้นๆ ฟังง่ายๆ แต่ดูเหมือนตอบยากจับใจ
หลายคนต่างทวนคำถามออกมาด้วยเสียงรำพึง "อะไรคือสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด"
วันนั้นพวกเราไม่สามารถหาคำตอบที่ลงตัวได้ แต่ไม่กี่วันต่อมาผมได้พบกับคำตอบสำหรับผมครับ
สำหรับผม "ความจริงที่เราไม่อยากให้เป็นจริง" คือสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด หลายคนกลัวที่ต้องเผชิญกับความจริงที่แสนปวดร้าว ด้วยวิธีหลีกหนีความจริง บางคนถึงขั้น "เสียสติ" เพื่อหนีความจริงนั้นอย่างถาวร บางคนใช้วิธีหนีชั่วขณะด้วย "ยาเสพติด" แต่มีบางคนหนีด้วยการ "ปลิดชีพ"
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวไว้ในหนังสือ "คติธรรมแห่งชีวิต" ไว้ว่า "รู้ความจริงของธรรมดา แต่ได้ประโยชน์มหาศาล" พร้อมขยาย ความว่า กฎธรรมชาติเป็นความจริงที่เราทั้งหลายจะต้องรู้ไว้เพราะมีแต่ประโยชน์ แม้จะเป็นกฎธรรมชาติในส่วนที่ไม่ถูกใจเรา ไม่น่าปรารถนา เราก็ต้องรู้เพื่อจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ความรู้กฎธรรมชาติ หรือความจริงของสิ่งทั้งหลายตามธรรมดานี้ อาจแบ่งง่ายๆ ว่ามีประโยชน์ได้ 3 ขั้น
ขั้นที่ 1 เป็นประโยชน์สำหรับที่จะปฏิบัติตามได้ถูกต้อง เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยดี มิให้เกิดทุกข์โทษภัย
ขั้นที่ 2 เป็นประโยชน์ในการที่จะนำมาใช้ มาจัด มาทำ หรือสร้างสรรค์อะไรของเราเองให้สำเร็จประโยชน์ขึ้นมาตามต้องการ
ขั้นที่ 3 เป็นประโยชน์ในทางความรู้เท่าทันที่จะดำเนินชีวิตด้านใน ทำให้รู้จักวางท่าทีของจิตใจได้ถูกต้อง ทำให้มีความสุขและไร้ทุกข์อย่างแท้จริง
สำหรับผม ขั้นที่ 3 ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่ยังติดอยู่ในบ่วงกรรม ไม่สามารถรู้เท่าทันจิตของตน ก่อให้เกิดทุกข์และไร้สุขอย่างแท้จริง
พระพรหมคุณาภรณ์กล่าวว่า คนจำนวนมากไม่เคยมองถึงชีวิตของตัวเอง ไม่เคยมองถึงโลกนี้ที่เป็นสังขาร มองแต่เพียงว่าจะเอาความรู้ในกฎธรรมชาติของสิ่งต่างๆ มาใช้ประโยชน์สนองความต้องการของตนเท่านั้น แล้วก็วิ่งไปแล่นไป ทำไปๆ จนมีความรู้สึกเหมือนกับว่า เรานี้เป็นคนเก่งมีความสามารถมาก มนุษย์เราสามารถเอาชนะธรรมชาติได้
แต่พอหันกลับมาคิดได้อีกทีหนึ่งก็ปรากฏว่า ชีวิตของเราที่เป็นอย่างนั้น ได้ตกเป็นทาสของสิ่งทั้งหลายมากมาย กลายเป็นว่าเอาชีวิตของเราไปฝากไว้กับสิ่งภายนอก ปล่อยให้สุขทุกข์ของเราขึ้นต่อสิ่งภายนอกเป็นตัวกำหนด ไม่เป็นอิสระ วิ่งแล่นไปต่างๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะวิ่งแล่นไปทำไม แล้วชีวิตของเราคืออะไรกันแน่ ไม่เคยคิดไม่เคยพิจารณา ธรรมชาติแห่งชีวิตของตนเองยังไม่รู้จักเลย
เพื่อนผมคนหนึ่งที่เป็นคนเก่งในทุกๆ เรื่องสำหรับคนภายนอกเคยบอกกับผมว่า หลายครั้งเขาเคยคิดจะจัดการกับความล้มเหลวในชีวิตของเขา ความล้มเหลวที่ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเขา ด้วย "ความตาย" เขาทนไม่ได้กับความจริง ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธแต่ไม่สามารถที่จะยอมรับได้ แต่เขาไม่สามารถที่จะจัดการมันได้ เพราะหากเขาตายความจริงต้องถูกเปิดเผย
ทุกวันนี้เพื่อนคนนี้ยังบอกกับผมว่า เขาพยายามจับเจ้าตัวอารมณ์ของตัวเองให้ได้เพื่อที่จะมีชีวิตที่เป็นสุขมากกว่าทุกข์ ซึ่งผมได้แต่บอกเพื่อนว่า ลองหัดที่จะสุขน้อยเพื่อทุกข์น้อย แล้วชีวิตเขาจะดีขึ้น
พระพุทธศาสนาท่านสอนให้เผชิญหน้ากับความจริง ให้ยอมรับความจริง ในที่สุดแล้วคนเราต้องอยู่กับความจริง หนีความจริงไม่พ้น ถ้าเราทำจิตใจ ของเราให้อยู่กับความจริงได้ตลอดเวลาแล้ว ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่กระทบกระเทือนจิตใจของเรา แต่ถ้าเราไม่ยอมรับมัน ความจริงก็ต้องเกิดอยู่ดี และเพราะเราไม่ยอมรับมัน มันก็เลยกระทบกระเทือนตัวเรามาก ความทุกข์ก็เกิดขึ้นมามาก เรียกว่าเป็นทุกข์สองชั้น คือทุกข์เพราะความดับที่ต้องเจอะต้องเจอ เป็นความจริงตามธรรมดา เมื่อถึงเวลานั้นแล้วยังทุกข์ ด้วยหวาดผวาไหวหวั่นตลอดเวลา ก่อนที่ความจริงนั้นจะมาถึงอีกด้วย
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋