xs
xsm
sm
md
lg

คนรู้ใจ : ทางสายกลาง คือ มาตรวัดคุณธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องที่ 121 อาภรณ์ประดับใจ ตอนที่ 5/6
ระบบคุณธรรมทุกอย่างเป็นทางสายกลาง

เชื่อว่าจากการนำงานวรรณกรรมแนวพุทธของปราชญ์ผู้ทรงศีลมาเสนอ ติดต่อกันหลายครั้ง คงทำให้ผู้อ่านเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นถึงความงามอันแท้จริงของชีวิต และสาระสำคัญในการแต่งจิตแต่งใจแทนการแต่งกายอย่างโอฬาร

จากหนังสืออาภรณ์ประดับใจ ของท่านอาจารย์วศิน อินทสระ ยังมีประเด็นดีที่ควรย่อมานำเสนออีกมากมาย เพื่อแบ่งปันให้กันเป็นวิตามินบำรุงสุขภาพจิตครับในจดหมายฉบับที่ 8 ที่ตัวละครผู้เป็นแม่เขียนถึงนันทิ-ยาบุตรสาว มีเรื่องราวกล่าวถึงการรู้จักมัธยัสถ์ ประหยัด อดออม ระบบคุณธรรมทุกอย่างเดินทางสายกลางผลเสียของการตามใจตัวเอง ผลร้ายของความฟุ่มเฟือย คุณของความอ่อนน้อมถ่อมตน และผู้หญิงกับความเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่า

มาลงรายละเอียดกันสักนิดนะครับ โดยเฉพาะเรื่องแรกนี้สำคัญนักต่อรากฐานของชีวิตตลอดอายุขัยทีเดียว เพราะถ้าหากหลงทางแล้ว กว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ แทบจะถึงกับล้มละลายต่อเนื่องกันหลายชั่วอายุคนทีเดียว

1. การรู้จักมัธยัสถ์ ประหยัด อดออม ร่างกายของทุกคนมีความบกพร่อง จะต้องช่วยเหลือซ่อมแซมให้พอใช้การงานได้ต่อไป เกี่ยวกับเรื่องทางวัด ทางศาสนา ก็ต้องช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ สังคมของเราถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน อยู่อย่างนี้ตลอดมา เราจึงควรใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประหยัดและอดออม ไม่ฟู่ฟ่าฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

ประหยัดนั้นคือ การบริโภคใช้สอยไม่ให้สูญเปล่า กินและใช้ให้คุ้มค่า คุ้มราคาของมัน เมื่อจะซื้อของใช้ ก็ต้องคิดอีกหลายครั้งว่า เป็นสิ่งจำเป็นต้องมี ต้องใช้จึงซื้อ ไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงเกินไป เพราะอาจเกินจำเป็น แต่ถ้าซื้อแต่ของราคาถูกเกินไป ก็อาจเสียเร็ว ต้องซื้อใหม่บ่อยๆ กลายเป็นใช้ของแพงไปเข้าลักษณะที่ว่า "คนจนใช้ของแพง คนรวยใช้ของถูก"

ในการซื้อของนั้น ควรมุ่งเอาประโยชน์ในการใช้งานเป็นสำคัญ ความสวยงามเป็นอันดับรองลงมา เมื่อซื้อมาแล้ว ต้องถนอมใช้ให้ได้นานที่สุด จนกว่ามันจะใช้ไม่ได้จริงๆ แล้วจึงค่อยเปลี่ยน

ในชีวิตประจำวัน ไม่ควรตระหนี่เหนียวแน่นเสียจนเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง ลำบาก และไม่ควรฟุ่มเฟือยจนไม่รู้จักค่าของสิ่งของเงินทอง ซึ่งหามาได้โดยยากลำบากการใช้ชีวิตท่ามกลางระหว่างความตระหนี่ และความฟุ่มเฟือยนี่เอง ท่านเรียกว่า "มัธยัสถ์" แปลว่า ตั้งอยู่ท่ามกลางระหว่างความฟุ่มเฟือยกับความตระหนี่

2. ระบบคุณธรรมทุกอย่างเดินทางสายกลาง เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการเพิ่มพูนคุณธรรมของคน ก็ขอให้ยึดทางสายกลางไว้ เช่น ความกล้าหาญเป็นท่ามกลางระหว่างส่วนสุดข้างหนึ่งคือ "ขี้ขลาด" กับส่วนสุดอีกข้างหนึ่งคือ "บ้าบิ่น" ความกล้าหาญจึงเป็นคุณธรรม ความขยันหมั่นเพียรเป็นกลางระหว่างความเกียจคร้านกับการหักโหม ไม่รู้จักพักผ่อน ความเพียร จึงเป็นคุณธรรม

3. ผลเสียของการตามใจตัวเอง การทำตามใจตัวเอง และถูกตามใจอย่างมากในวัยต้นนั้น จะสร้างนิสัยเสียขึ้นในตัวเด็ก ถ้ากลายเป็นนิสัยอันถาวรที่เรียกว่า "อุปนิสัยสันดาน" ด้วยแล้ว จะเป็นผลเสียในบั้นปลายเป็นอันมาก

ลูกบางคนนั้น"โง่เหมือนควาย ดื้อเหมือนแมว" พ่อแม่น้อยใจถึงกับพูดด้วยความเจ็บใจว่า "ขายวัวส่งให้ควายเรียน" ควายจริงๆ ยังจะดีกว่าถึงมันจะโง่ ก็ยังใช้เป็นเพื่อนลากแอกไถได้ แต่ลูกที่โง่เหมือนควายนั้น มีแต่ผลาญเงินพ่อแม่อย่างเดียว สั่งสอนอะไรก็เหมือนพูดให้แมวฟัง สร้้างความรำคาญไม่สิ้นสุด

จงฝึกฝนตนให้เป็นคนมั่นคง ดำเนินชีวิตไปตามความเหมาะสมแก่ตนเหมือนดวงดาวโคจรไปตามวิถีแห่งตน ไม่ใช่ใบไม้ร่วง ซึ่งสุดแล้วแต่ลมจะพัดพาไป

มีความสำรวมตนอยู่เป็นนิตย์ มีศักดิ์ศรีตามธรรมชาติ (natural dignity) เช่น เป็นหญิงก็มีคุณสมบัติแห่งหญิง ดีอย่างหญิง น่ารักอย่างหญิง มีความสุข ความพอใจ และความเพลิดเพลินอย่างหญิงที่ดี ไม่จำเป็นต้องฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมทะเยอทะยานอย่างคนอื่นบางคน

คนที่ไม่ศึกษาธรรม ไม่ปฏิบัติธรรม ไม่ฝึกฝนตน ไม่ขัดเกลาตนเองนั้น ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ชั้นเท่าใด กิเลส ความเคยชิน และความชั่วร้ายมันก็เติบโตขึ้นมาด้วยเท่านั้น ยิ่งมากด้วยลาภ ยศ เกียรติ และสรรเสริญด้วยแล้ว ถ้าไม่ตระหนัก ไม่รู้เท่าทัน ไม่เห็นโทษ ก็ยิ่งเปิดช่องทางให้กิเลสไหลเข้ามามากมาย เช่น ความทะนงตน หลงตัวเอง ยกตนข่มท่าน ไม่ยอมรับความจริง ฯลฯ ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย ชิงดีชิงเด่น ริษยา มายาสาไถย สารพัดแบบ กิเลสและสิ่งชั่วร้ายในตนจะลดลง ก็เฉพาะแต่ผู้ที่ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง ฝึกฝนตนเองและขัดเกลาตนเองเท่านั้น

ความเคยชินนั้น ไม่ว่าทางดีหรือทางชั่ว ย่อมเป็นเหมือนเชือกเกลียวที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นวันละเกลียว ยิ่งนานวันเกลียวจะยิ่งหนาแน่นขึ้น ยากที่จะ ติดหรือทำลายได้ รู้อย่างนี้แล้ว ขอให้ฝึกตนให้เคยชินไปในทางที่ดี คนเราส่วนมากเป็นเหมือนดินธรรมดา ถูกแดดก็แห้ง ถูกน้ำก็เหลว คนที่เป็นเหมือนคอนกรีต ซึ่งคงตัวอย่างนั้น ไม่ว่าจะถูกแดด หรือแช่อยู่ในน้ำนั้น มีอยู่น้อย ด้วยเหตุนี้แหละ ท่านผู้รู้จึงสั่งสอนให้เรารู้จักคบคนดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี

4. ผลร้ายของความฟุ่มเฟือย ถ้าอยากจะตามใจตัวเองโดยการฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย ขอให้หยุดสักนิดหนึ่ง แล้วก็นึกถึงคนส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในฐานะยากจนแร้นแค้น ความทุกข์ยากลำบากอันแผ่กระจายเหมือนเมฆหมอกปกคลุมอยู่ในประเทศไทยมีมากมายเพียงไร ชาวกรุงเทพฯ เล่า หาใช่ว่าจะสบายกันไปทุกคนก็หาไม่ ส่วนใหญ่ต่อชีวิตของตนด้วยการผ่อนส่งแทบจะทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งตายผ่อนส่งด้วยควันพิษ จากท่อไอเสียและมลพิษอื่นๆ อีกมาก เด็กนักเรียนในชนบท บางคนไม่เคยได้กินข้าวกลางวันเลย ขนมหรือน้ำก็ไม่เคยได้กิน แปลว่า ตลอดเวลาที่อยู่โรงเรียนนั้น ไม่มีอะไรล่วงลำคอเข้าไป นอกจากน้ำลาย

ความเป็นอยู่ของมนุษย์ มีความแร้นแค้น ทุกข์ยากมาก และชีวิตของแต่ละคนก็ไม่ยาวอะไร เพราะฉะนั้น ขอให้มีความเพียรและอดทนในการศึกษา ในการทำงานในหน้าที่ของตน อย่าให้เวลาล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ ความเพียรนั้น แม้เราจะต้องเหน็ดเหนื่อยบ้างในเบื้องต้น แต่ก็มีผลดี และได้ชื่นชมในบั้นปลายเหมือนเรารดน้ำต้นไม้ที่โคน แต่มีผลที่ปลาย ฉะนั้น
จงมีน้ำอดน้ำทน หนักเอาเบาสู้ ประคองความเพียรให้ดำเนินไปสม่ำเสมอ ไม่จับจด หรือลุกวูบวาบขึ้นมาชั่วครู่ชั่วยาม ดุจไฟไหม้ฟาง ถ้าเรามีความเพียร และความอดทนสม่ำเสมอแล้ว ย่อมได้รับความสำเร็จตามที่มุ่งหวังไว้ แม้ประสบความสำเร็จในเรื่องหนึ่งแล้ว ย่อมเป็นเหตุหนุนให้ประสบความสำเร็จ ในเรื่องอื่นๆ ต่อไปอีกได้หลายอย่าง เพราะอาศัยความเพียร และความอดทนที่มีอยู่เดิมนั้นเองเป็นแนวทาง

(อ่านต่อสัปดาห์หน้า/ผู้หญิงกับความเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่า)
กำลังโหลดความคิดเห็น