xs
xsm
sm
md
lg

คนรู้ใจ : ขยันขวนขวายหาทรัพย์ไว้มากมาย สุดท้ายหอบเอาบาปไปด้วยเมื่อตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องที่ 121 อาภรณ์ประดับใจ ตอนที่ 3/6 ภาพลวงตาในดวงใจ

วิถีชีวิตของสังคมมนุษย์ทุกวันนี้มีความเครียดสูง ด้วยอำนาจคำสั่งเป็น ชุดของกิเลสที่มีอยู่ในใจแต่ละคน ไม่ว่าเด็กเล็ก เด็กโต จนกระทั่งผู้ใหญ่มักเกิดความกดดันในใจแฝงอยู่ลึกๆ ยิ่งภาวะของการแข่งขันแก่งแย่งมีเยอะ ก็ยิ่งเกิดความกังวลและหวาดวิตกได้แทบจะทุกนาที ความวิตกกังวลและความ หวาดกลัวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในใจเหล่านี้ ล้วนเป็น "ภาพลวงตาในดวงใจ" ที่มาแย่งความสุขที่ควรจะมีไปหมด

ความขยันหมั่นเพียรเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดี และยิ่งมีความหวาดกลัว ความวิตกกังวลแทรกเข้ามาครอบงำด้วยแล้ว จะยิ่งเป็นผลเสียมากขึ้น นักเรียนนักศึกษาบางคน มีความเอาใจใส่ในบทเรียนมาก ซึ่งก็เป็นความดี แต่ถ้าจะต้องเป็นบ้าเพราะการเรียน พ่อแม่ควรจะให้เขาเลิกเรียนเสียดีกว่า เพราะบางคนเรียนอย่างเดียว ไม่เอาใจใส่ต่อสุขภาพอนามัยของตน พอเรียนจบก็ตาย อย่างนี้น่าเสียดายเหลือเกิน

ท่านอาจารย์วศิน อินทสระ ได้บรรจงเจียระไนถ้อยคำปลอบโยนถนอมใจผู้คนในสังคมที่มากไปด้วยการแข่งขันนี้ไว้ในหนังสืออาภรณ์ประดับใจว่า บนเส้นทางชีวิต ควรก้าวไปทีละก้าว ค่อยเรียนค่อยรู้ไปทีละน้อยอย่างหนักแน่นมั่นคง ดังสุภาษิตจีนที่ว่า "ผู้ก้าวอย่างละมุนละม่อม ย่อมก้าวได้ไกล" สุภาษิตทางพระพุทธศาสนาว่า "ผลสำเร็จ ย่อมมีแก่ผู้ไม่เร่ร่อนเกินไป คือรู้จักรอคอย" อปิ อตรมานานํ หลาสา อ สมิธฺรรติ

พึงฝึกตระหนักและรู้ให้ชัดว่า ชั่วโมงที่มีค่ามากที่สุดคือ ชั่วโมงนี้ จงขจัดความกลัวที่รุดหน้าเกินไป หันมาสนใจกับก้าวที่อยู่เฉพาะหน้าเวลานี้ "อย่าให้ความทุกข์กินเปล่า" ทำปัจจุบันให้ดีไว้เถิด อนาคตจะรักษาตัวมันเอง เหมือน เพียรเก็บเหรียญสลึงที่อยู่เบื้องหน้าไว้ให้ดี ทีละสลึงดีกว่า และแน่นอนกว่า มักฝันถึงเงินพันเงินหมื่นซึ่งไม่รู้อยู่ที่ไหน ทำนองเดียวกับคนใฝ่วิชาความรู้ จะต้องคอยเก็บเล็กผสมน้อยด้วยความตั้งใจ ด้วยความอดทน และรอคอย

อีกประเด็นหนึ่งซึ่งเป็นเหตุสร้างทุกข์หนักอกให้มนุษย์ในสังคมที่ยังแคร์ขี้ปากคน ก็คือเรื่องของการนินทา ซึ่งอันที่จริงการนินทาว่าร้ายเป็นสิ่งธรรมดาของโลก คนที่ถือเอาการนินทาว่าร้ายผู้อื่นเป็นงานอดิเรกในชีวิต ย่อม หาความเจริญในชีวิตไม่ได้ เพราะเขานินทาเรื่องร้ายมาใส่อกใส่ใจเขาทุกวัน เหมือนถังขยะหมักหมมไปด้วยความโสโครก เป็นการสร้างเครื่องกีดขวางทาง เจริญของเขาเอง หลอกลวงตนเองให้บันเทิงลุ่มหลงอยู่ในกลุ่มหมอกแห่งความชั่วช้า

ดังนั้น ขอจงทำสิ่งที่เหมาะสม และสิ่งนั้นไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม ไม่เบียดเบียนใครให้เดือดร้อน สบายใจอย่างนั้นก็ทำไป อย่ากังวลถึงเสียงเขาว่า เสียงเขานินทาเลย

3. การเสียสละทำความดีด้วยใจบริสุทธิ์ และพึงระลึกไว้เสมอว่าคนที่ตั้งใจจะทำความดีนั้น ต้องเป็นคนเสียสละ ความบริสุทธิ์ใจในความเสียสละนั้นแหละ เป็นเหตุให้เขาทำความดีได้ยั่งยืน

อนึ่ง ความดีของโลก ความสงบของสังคม ย่อมมาจากความเสียสละ อันยิ่งใหญ่ของใครคนหนึ่ง เพื่ออุดมคติอันแน่นอน เขาเป็นดวงประทีปในที่มืด เป็นเพชรเม็ดงามที่ส่องแสงแวววาวอยู่ท่ามกลางโคลนตม และจะต้องเป็น ดอกบัวที่ผุดเด่นชูดอกอยู่ท่ามกลางความขุ่นขั้นของน้ำโสโครก

มนุษย์เราจะหนีอะไรก็พอหนีได้บ้าง แต่จะหนีเวรกรรมและหนีตัวเองนั้นย่อมไม่พ้น มนุษย์ที่ดีจะต้องยอมรับสภาพที่แท้จริงของตน ไม่ใช่หลอกตัวเองให้หลงผิดอยู่เรื่อยไปการยอมรับความจริงทำให้ความยุ่งยากในชีวิผ่อนคลายลง อาจถึงครึ่งก็ได้ ความสำเร็จแห่งการสร้างฐานะในอนาคตนั้น อยู่ที่การสร้างวันนี้ แต่ละวันให้งามที่สุดเท่าที่กำลังความสามารถของเรามี

แต่ก็ต้องยอมรับความจริงของสังคมทุกวันนี้อยู่อย่างคือ คนส่วนมากมักมุ่งมองความมั่งคั่ง หรือตำแหน่งทางการงานสูงว่าเป็นความสำเร็จในชีวิต จึงหลงเอาสิ่งนี้มาเป็นมาตรฐานวัดกัน มนุษย์ในสังคมหลงเงาวิ่งวุ่นแสวงหาเงิน เกียรติ และตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งสังคมสมมติให้ว่าเป็นเครื่องเชิดชู แล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะ โลกเรา สังคมของเรา สงบสุขดีอยู่หรือ ดูเหมือนค่านิยมทาง สังคมของเราเห็นจะผิดเสียแล้ว แต่เพราะความมืดในจิตใจ จึงไม่อาจมองเห็นคุณค่าอันแท้จริงของชีวิตได้ มันจึงไขว่คว้าหาสิ่งอันนำความวุ่นวายมาให้ เรื่อยไป เดินสวนทางกับความสงบสุข เหมือนคนเดินหันหลังให้แสงสว่าง มุ่งหน้าไปสู่ความมืด เหมือนคนแบกก้อนหินใหญ่ เดินไปบนถนนแห่งชีวิตไม่มีวันได้พักผ่อน

แท้จริงแล้ว ความสำเร็จในชีวิตคนนั้นมีหลายด้าน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และไม่ควรแสวงหาความสำเร็จทางวัตถุแต่เพียงด้านเดียว ทางที่ถูกควรแสวงหาความสำเร็จทางจิตใจให้มากกว่าทางด้านวัตถุ คือจิตใจสะอาด และสงบ ความสำเร็จทางด้านวัตถุเป็นของร้อนเจือด้วยความทุกข์และความกังวล ส่วนความสำเร็จทางจิตใจเป็นความสงบเย็นจริงอยู่ เราต้องมีวัตถุเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่เราไม่ควรลืมแสวงหาและสะสมเครื่องเล่นเลี้ยงดวงใจของเราคือ คุณความดีต่างๆ

คนส่วนมากใช้เวลาในการแต่งกายมากกว่าการแต่งใจ ทั้งๆ ที่ร่างกายนั้นถึงจะแต่งอย่างไรก็ไม่วายที่จะมีสิ่งปฏิกูลโสโครก และมีกลิ่นเหม็นให้รู้เห็น ทุกวัน ส่วนดวงใจหรือดวงวิญญาณนั้น เมื่อชำระให้สะอาดจริงๆ เสียครั้งหนึ่งแล้ว ก็เป็นอันเสร็จภาระกันไปเลย ยิ่งใจสะอาดสว่าง และสงบมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งได้พบกับความสุขและคุณค่าอันแท้จริงของชีวิตมากเท่านั้น จึงควรใช้เวลาในการแต่งใจ แสวงหาวิชาความรู้และเสริมสร้างคุณความดี เป็นเครื่องห่อหุ้มดวงใจหรือวิญญาณให้มาก

อันที่จริง สิ่งที่จำเป็นแก่ชีวิตแท้ๆ นั้น มีไม่มากนัก แต่การแข่งขันในหมู่มนุษย์ต่างหากเล่า ที่เป็นเหมือนน้ำมันมาราดลงบนกองเพลิงแห่งความปรารถนาให้เริงแรงโชติช่วงขึ้น จนสุดที่จะดับได้ จึงทำให้ร้อนเร่าดิ้นรนอย่าง น่ากลัวอันตราย ถ้าเราจำกัดความต้องการของเราให้อยู่ในขอบเขตพอประมาณ ชั่วโมงแห่งการแสวงหาก็จะลดลงได้ เวลาที่เหลือจะได้เป็นชั่วโมงแห่งความสงบสุขทางชีวิตจิตใจบ้าง

คนที่แสวงหาทรัพย์สมบัติไว้มากมายเหลือเกินนั้น เอาอะไรไปได้บ้าง ชีวิต ของเรานั้นสั้นนิดเดียว พอเลยวัยเรียนไปแล้ว ทำงานอยู่ไม่เท่าไร ก็แก่และเตรียมตัวตาย การสะสมทรัพย์ไว้มากเกินจำเป็น จึงทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆ บางคนยังหอบเอาบาปไปด้วยเป็นอันมาก ส่วนทรัพย์สมบัติต้องทิ้งไว้ในโลก

อนึ่ง ความมีย่อมมาคู่กันกับการระวังรักษา และความวิตกกังวล สิ่งเหล่านั้นจะปล้นเอาเวลาไปหมด จนไม่มีเวลาว่างเพื่อตนเองบ้างเลย ความละโมบในทรัพย์สมบัติ จึงเป็นความโง่เขลาอย่างหนึ่งของมนุษย์ มันเป็นเมฆหมอกบังคุณค่าอันแท้จริงของชีวิตมนุษย์ ความดีต่างหากที่เป็นของทิพย์ เพราะนึกขึ้นทีไรก็ทำให้ชื่นอกชื่นใจทุกครั้ง

แล้วเราควรจะนึกถึงอะไร หรือขวนขวายทำอะไรกันต่อไปดี เพื่อให้ยามมีชีวิตอยู่ก็มีคนรัก แหละแม้ยามจากไปก็มีแต่คนคิดถึง ผมเชื่ออย่างที่ท่านอาจารย์วศิน อินทสระเขียนไว้ครับว่า ผู้มีความดี มีความบริสุทธิ์ใจ เสมือนเป็นผู้มีอาภรณ์ประดับกายใจอันสูงค่า

ยังมีต่อสัปดาห์หน้านะครับ ในหัวข้อ เศรษฐกิจเพื่อสวัสดิภาพสังคมเรื่องย่อจากอาภรณ์ประดับใจ วรรณกรรมล้ำค่าของปราชญ์ผู้ทรงศีลครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น