xs
xsm
sm
md
lg

มองปัญหาด้วยปัญญา : ศีลของพระอริยะและการปลงอาบัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปุจฉา
ศีลของพระอริยะและการปลงอาบัติ

ขออนุญาติ ขอความรู้จาก หลวงปู่ค่ะ พระที่บรรลุโสดาบัน จะมีศีล 227 ข้อบริสุทธิ์ไหมค่ะ?
ศีล 5 บริสุทธิ์ นั้นทราบแล้วค่ะ แต่พระอริยะระดับไหนค่ะที่จะมีศีล 227 บริสุทธิ์โดยไม่ต้องปลงอาบัติอีกเลย คงต้องถึงขั้นพระอรหันต์ใช่ไหมค่ะ?

วิสัชนา
"ผู้ที่จักบรรลุพระอริยบุคคลเบื้องต้นขั้นพระโสดาบัน นอกจากจะบริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยศีลแล้ว ยังจะต้องสลัด ตัดให้หลุดจากเครื่องร้อยรัด 3 อย่าง ที่เรียกว่า สังโยชน์ 3 ได้แก่ สักกายทิฏฐิ 1 ความเห็นว่ามีตัวมีตน ถือตัว ถือตน สีลัพพตปรามาส 1 ความยึดมั่นในศีลพรตของตนเอง ด้วยอำนาจกิเลสโดยคิดว่าศีลพรตที่มี ดีกว่าผู้อื่น วิเศษกว่าผู้อื่น จนกลายเป็นความงมงาย วิจิกิจฉา 1 ความลังเลสงสัยในกฎของกรรม ความลังเลสงสัยวิถีปฏิบัติตามมรรค ปฏิปทา (ทางสายกลาง)
พระอรหันต์ย่อมมีศีลทั้งปวงบริสุทธิ์ แต่ก็มิใช่ห้าม ปลงอาบัติ ดูตัวอย่างพระอานนท์ท่านบรรลุพระอรหันต์แล้ว แต่พระสงฆ์ทั้งหลายยังปรับอาบัติทุกกฏท่าน ในฐานะ ไม่ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า อาบัติอะไร ที่พระองค์ทรงสั่งให้ยกเลิก พระอานนท์เลยยอมทำ
ตามมติสงฆ์ ด้วยเห็นความเจริญของหมู่สงฆ์"

ปุจฉา
ตีความบทโศลก

ได้อ่านหนังสือ "บทโศลกแห่งพุทธะอิสระ" เกิดความสงสัยมากมายหลายอย่างตามประสาของคนที่ยังไม่เฉียดแสงสว่าง แต่ที่อยากจะทราบคำตอบมากๆ ก็คือ โศลกบทที่ 8/99..
ลูกรัก..ลักษณะของครูแลศิษย์ที่ดี..น้ำและแผ่นดิน
ความคิดแรก ฉันเข้าใจว่า หมายครูคือน้ำ และศิษย์คือแผ่นดิน น้ำทำให้ดินเป็นดิน ดินมีน้ำเป็นองค์ประกอบ ถ้าดินขาดน้ำก็จะแปรสภาพไปได้เป็นหินเป็นทราย ไปตามวาระ แต่น้ำนั้นไม่ต้องมีดินเป็นองค์ประกอบก็เป็นน้ำได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ ซึ่งจะตรงกับคำสอนของหลวงปู่ที่ว่า "ครูที่ดีไม่ต้องการศิษย์ แต่ศิษย์ต่างหากที่ต้องการครู" ความคิดที่ 2 คือ ไม่ตีความว่า แผ่นดินหมายถึงเฉพาะดินเท่านั้น แต่หมายรวมโดยทั่วไป ซึ่งน่าจะหมายถึง ความหนักแน่น ความมั่นคง ความอดทน อันเป็นคุณสมบัติของศิษย์
ส่วนน้ำนั้น หมายถึง ความอ่อนโยน ความชุ่มชื้น การหล่อเลี้ยง การให้ชีวิต ซึ่งเป็นคุณสมบัติของครู
อย่ากจะเรียนถามหลวงปู่ว่า ทั้งสองความคิดนี้ถูกต้องหรือไม่ ถ้ายังไม่ใช่เลย ขอหลวงปู่เมตตาให้คำตอบด้วยค่ะ

วิสัชนา
"คุณผู้ยังไม่เฉียดแสงสว่าง บทโศลกแต่ละบทที่ฉันเขียนขึ้น เกิดจากสภาวะธรรมจากการปฏิบัติ เป็นประสบการณ์ตรงจากวิญญาณ
เช่นนี้ จึงไม่ง่ายนักต่อการที่คุณจะใช้สมองและความคิดอ่านธรรมดา ตีความ คุณลองเจริญสติจนปรากฏความสงบแล้วใช้ปัญญาวิเคราะห์เรื่องที่คุณสงสัยด้วยตัวคุณเอง
ฉันว่า...คุณจักสามารถค้นหาคำตอบที่มีค่าให้แก่ตัวคุณได้ด้วยตัวคุณเอง จะมีประโยชน์กว่าที่คุณจะมาอาศัยคำตอบจากฉัน ตอบไปเดี๋ยวก็ไม่ตรงกับความคิดอีกนั่นแหละ เพราะวิถีทางแห่งธรรมเราต่างกัน
เอาเป็นว่า บทโศลกแต่ละบทที่ฉันเขียนขึ้นมันเป็นปริศนาธรรมที่เกิดจากสภาวะธรรมจากประสบการณ์ทางวิญญาณของผู้ปฏิบัติธรรม มิใช่ประสบการณ์จำใครเขามา ผู้มีสติสมาธิพิจารณา จะสามารถนำพาปัญญาให้เจริญ ด้วยการใคร่ครวญค้นหาคำตอบจากบทโศลกนั้นๆ"

ปุจฉา
รู้สมมุติ/รู้ปรมัตถ์

หากมัวให้สนใจกำหนดแต่สมมุติบัญญัติรอบกาย แล้วเมื่อไรจะรู้ปรมัตถ์

วิสัชนา
"ฟังคำถามของคุณแล้ว น่าจะเป็นผู้คงแก่เรียนและคงจะรู้มากไม่ใช่น้อย ช่างน่าสรรเสริญจริง อาตมาเป็นผู้ศึกษามาน้อย ได้แต่เข้าใจเอาเองว่า วิถีแห่งพุทธะนั้นเป็นวิถีแห่งความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ในวิถีงาน วิถีพูด วิถีคิด วิถีจิต วิถีชีวิต ต้องรู้รอบ ทั้งสมมุติบัญญัติและปรมัตถ์สัจจะ นั้นถึงจะสมกับคำว่า ปัญญาคือแสงสว่างในโลก
จักมีประโยชน์อะไรเล่า ถ้าปัญญานั้นมีเอาไว้ส่องดูแต่ตัวของเรา แต่รอบข้างกายมิได้รู้เลยว่าอะไรได้เปลี่ยนแปลงไป
ดังคำพูดที่ว่า ทัพพีคนแกง หาได้รู้รสแกงที่คนไม่

ปุจฉา
นั่งสมาธิไม่เห็นนิมิตดีไหม

การนั่งสมาธิในการที่เราไม่เห็นนิมิต ดีหรือไม่ค่ะหลวงปู่

วิสัชนา
"ต้องถามคุณกลับไปว่า คุณนั่งเจริญสติเพื่อให้เกิดการเห็น หรือนั่งเพื่อให้เกิดความสงบ รู้ตื่น และเบิกบาน ถ้านั่งเพื่อจะให้เกิดความสงบ รู้ตื่น และเบิกบาน ก็ไม่จำเป็นต้องเห็นนิมิตใดๆ"
กำลังโหลดความคิดเห็น