นักวิชาการชี้ พุทธธรรมมีผลต่อจิตวิทยาบำบัด
• กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระดมนักวิชาการด้านจิตวิทยา จัดสัมมนาวิชาการ เรื่อง “จิตวิทยาแนวพุทธ : แนวคิดที่ล้ำสมัยหรือล้าสมัย” ณ อาคารอเนกประสงค์ โดยมีพระและนักวิชาการชื่อดังร่วมระดมความคิด
ดร.พระมหาประยูร ธีรวํโส หัวหน้าภาควิชาพุทธจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย(มจร.)ให้ทัศนะว่า พุทธศาสนาไม่เคยล้าสมัย และย้ำให้เห็นถึงธรรมของพระพุทธเจ้าว่าเป็นอกาลิโก ไม่มีกาลเวลา พร้อมนำเสนอแนวคิดว่าการผสมผสาน ทั้งแนวคิดของตะวันตกและพุทธศาสนามีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและงานจิตบำบัด
ทางด้านพระมหาทิวา ทองคงอ่วม นักศึกษาปริญญาโท สาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่า นักปรัชญาและนักจิตวิทยาตะวันตกล้วนได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา ต่างให้ความสนใจและศึกษาเรื่องชีวิตจิตใจความเป็นมนุษย์ ปัจจุบันจิตวิทยาแนวพุทธเริ่มแพร่หลายในเมืองไทย และเริ่มมีนักจิตวิทยาหันมาใช้จิตวิทยา แนวพุทธมากขึ้นในการปรึกษาเชิงจิตวิทยา
ส่วน เพริศพรรณ แดนศิลป์ นักจิตวิทยาการปรึกษาแนวพุทธ นิสิตปริญญาเอก คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า นักจิตวิทยาการปรึกษาแนวพุทธอาศัยตนเองคือยา และยาที่มีคุณภาพสามารถช่วยเหลือพัฒนาเพื่อนมนุษย์ได้กว้างขวางลึกซึ้ง ดังนั้นนักจิตวิทยาแนวพุทธจึงต้องฝึกฝนขัดเกลาตนเองจนเห็นพุทธธรรมในชีวิตประจำวันและทำความเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตที่ถูกต้อง เพื่อไปช่วยเหลือและพัฒนาเพื่อนมนุษย์
รศ.ดร.โสรีช์ โพธิแก้ว รองคณบดีฝ่ายวิชาการคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวปิดท้ายว่า “หลักพุทธธรรมแม้ไม่มีจิตวิทยาก็สามารถอยู่ได้ ขณะที่จิตวิทยาถ้าไม่มีความเข้าใจในพุทธธรรมไปได้ไม่ไกล เพราะไม่ครอบคลุมความเข้าใจชีวิตและธรรมชาติ ที่ลึกซึ้ง”
ศน.เดินหน้ายกร่างกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา
• กรุงเทพฯ : นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.)เปิดเผยว่า ทางกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกตน เข้าไปประชุมชี้แจงถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนเผยแผ่พระธรรมในพระพุทธศาสนาตามพระราชประสงค์ ซึ่งกอง ทุนดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน จำนวน 72 ล้านบาท ที่ธนาคารออมสินได้ทูลเกล้าฯถวาย เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 มาจัดตั้งเป็นกองทุน และให้ใช้ดอกผลอันเกิดจากกองทุนนี้มาเผยแผ่พระธรรมในพระพุทธศาสนา โดยมอบให้ทางกรมการ ศาสนาและมหาเถรสมาคม(มส.) เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กองทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างการยกร่างระเบียบกรมการศาสนาว่าด้วยกอง ทุนเผยแผ่พระธรรมในพระพุทธศาสนาตามพระราชประสงค์ พ.ศ... ซึ่งทางศน. ได้เชิญผู้แทนจากมส. 2 รูป ได้แก่ พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ และพระพรหมมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยกร่างระเบียบกองทุนฯโดยร่างระเบียบกองทุนฯจะต้องได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมมส.ด้วย ซึ่งในครั้งแรกศน.ได้เสนอร่างระเบียบกอง ทุนฯไปให้ที่ประชุมมส.พิจารณา ทางมส. ได้ท้วงติงและมีมติให้กลับมาแก้ไขในเรื่องขององค์คณะบุคคล ในส่วนของตัวประธานกรรมการ และเลขานุการกองทุนฯว่า ควรจะหาบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง อาทิ นายกรัฐมนตรี หรือผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นต้น
“ตอนนี้เงินของกองทุนยังอยู่ที่ธนาคารออมสินจำนวน 72 ล้านบาท และมีดอกผลเพิ่มขึ้นมาอีก 13 ล้านบาท รวมเป็น 85 ล้านบาท ซึ่งรอเพียงยกร่างกองทุนฯเสร็จ ก็สามารถนำดอกผลของกองทุนไปดำเนินกิจกรรมเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ทันที” อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว
สำนักพุทธฯเตือนวัดระวังมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อรีดเงินวัด
• นครปฐม : นายสมชาย สุรชาตรี ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)เผยว่า ขณะนี้มีบุคคลที่ใช้ ชื่อว่า “โสรดา สายดา” ได้แอบอ้างชื่อผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปขอเงินวัดต่างๆ เช่น วัดในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น วิธีการ คือให้เลขบัญชีธนาคารเพื่อให้เจ้าอาวาสทำการโอนเงินให้ ทั้งนี้บุคคลดังกล่าวมักจะอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นเร่งรัดให้ความ ช่วยเหลือเจ้าอาวาสในเรื่องต่างๆได้ ซึ่ง เรื่องนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายส่งเจ้าหน้าที่ คนใดไปขอเงินจากวัดหรือประชาชน หากเจ้าอาวาสหรือกรรมการวัดประสบเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น บุคคลที่ใช้ชื่อว่าโสรดา สายดา หรือชื่ออื่นๆ หากเกิดความสงสัยในพฤติกรรม ให้ขอดูบัตรประจำตัวข้าราชการ และโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โทร. 0-2441-4547 และ 0-2441-4515 เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อให้ต้องสูญเงินทอง จึงขอเตือนวัดต่างๆให้ระมัดระวัง เพราะขณะนี้กลุ่มบุคคลลักษณะดังกล่าว ได้ขยายพื้นที่หากินไปหลายจังหวัด เช่น สตูล ภูเก็ต เป็นต้น
เตรียมคลอดอนุพุทธมณฑล 9 จังหวัด
• กรุงเทพฯ : พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม และโฆษกมหาเถรสมาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ทางคณะกรรมการมส.ได้พิจารณาถึงการจัดสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีอนุพุทธมณฑลในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ โดยให้อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ซึ่งที่ประชุมมส.มีความเห็นว่าสถานที่ที่จะใช้เป็นอนุพุทธมณฑลนั้นจะต้องมีความเหมาะสม ทั้งขนาดของพื้นที่ในการจัดสร้าง ซึ่งต้องมีที่ดินอย่างน้อย 60 ไร่ขึ้นไป โดยสถานที่ดังกล่าวต้องมีการจัดเตรียมพื้นที่ให้มีความเป็นรมณียสถาน สะอาด ร่มรื่น และสงบ แต่อนุพุทธมณฑลไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในเขตของ วัดใดวัดหนึ่ง เนื่องจากจะจัดให้เป็นสถาน ที่กลาง เพื่อให้พระภิกษุและประชาชนทั่วไปได้ใช้ในการบำเพ็ญภาวนา รวมทั้งยังใช้เป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมทางด้านศาสนาอีกด้วย
โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีจังหวัดที่พร้อมจะจัดสร้างอนุพุทธมณฑลเสนอชื่อเข้ามาแล้ว 19 จังหวัด ซึ่งจากการคัดเลือก โดยพิจารณาจากเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ พบว่ามีเพียง 9 จังหวัดเท่านั้นที่มีความพร้อมและตรงตามหลักเกณฑ์ที่ได้วางไว้ อาทิ วัดผาน้ำทิพย์ จ.ร้อยเอ็ด และวัดในจังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น สำหรับสาเหตุของวัดที่เสนอชื่อแต่ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา เนื่องจากมีบาง วัดต้องการให้วัดของตนเป็นพุทธมณฑล ซึ่งขัดกับนโยบายของมส.ที่ต้องการให้อนุพุทธมณฑลเป็นสถานที่สาธารณะ รวมทั้งปัญหาเนื้อที่ที่มีไม่เพียงพอ และบางวัดยังตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชนที่แออัดมากเกินไป ซึ่งไม่เหมาะต่อการสร้างอนุพุทธมณฑล อย่างไรก็ตามจากปัญหาที่เกิดขึ้นทางมส.จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อทำหน้าที่ในการ คัดเลือกสถานที่ของแต่ละจังหวัดในการ จัดสร้างอนุพุทธมณฑลต่อไป
พระไตรปิฎกฉบับฉลองสิริราชสมบัติ
• กรุงเทพฯ :พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) และโฆษกมหาเถรสมาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)เมื่อเร็วๆนี้ว่า ทางมส.เตรียมที่จะจัดพิมพ์ ‘พระไตรปิฎกฉบับฉลองสิริราชสมบัติ’ ขึ้น เพราะเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและเป็นเรื่องดีที่จะได้มีการรวบรวมแก้ไขพระไตรปิฎก แล้วนำมารวมเป็นพระไตรปิฎกฉบับที่ถือว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด และจะใช้เป็นฉบับที่อ้างอิงได้ในอนาคต โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธาน และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อจัดทำพระไตรปิฎกฉบับนี้
โฆษกมหาเถรสมาคมกล่าวต่อว่าถึงแม้ปัจจุบันพระไตรปิฎกจะมีอยู่หลายฉบับแล้วก็ตาม เช่น ฉบับของสยามรัฐ ฉบับของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย(มจร.) ฉบับของกรมการศาสนา แต่ก็มีปัญหายามที่จะกล่าวอ้างอิง เพราะบางเรื่องบางข้อไม่ตรง กัน ซึ่งปัจจุบันใช้พระไตรปิฎกของพม่าอ้างอิงในบางครั้ง ดังนั้นการจัดทำพระไตรปิฎกขึ้นมาใหม่นี้ จะรวมพระไตรปิฎกสามฉบับคือ ฉบับสยามรัฐ ฉบับของกรมการศาสนา ฉบับของ มจร. มาเป็นฐานเดิมในการจัดทำพระไตรปิฎกฉบับใหม่ โดยใช้พระไตรปิฎกของพม่ามาอ้างอิงในการจัดทำเพื่อที่จะทำให้พระไตรปิฎกมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการนั้น ทางมส.ได้แต่งตั้งพระธรรมวรเมธีและพระธรรมสิทธิเวที เป็นผู้สรรหาคณะกรรมการจัดทำพระไตรปิฎก ทั้งนี้พระไตรปิฎกดังกล่าวจะไม่ใช้ชื่อว่าสังคายนาและฉบับชำระ เพราะเป็นเพียงการรวบรวมส่วนที่ดีเอาไว้และแก้ไขเพียงบางคำที่พิมพ์ไม่ถูกต้องและข้อความบางข้อความที่ยังสับสนอยู่เท่านั้น
“พระไตรปิฎกถือเป็นคัมภีร์ของศาสนาและเป็นหัวใจของการปฏิบัติ และจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องพระที่ทำผิดแล้ว อ้างว่าหลักธรรม เป็นอย่างนี้อย่างนั้น การจัดทำพระไตรปิฎกฉบับฉลองสิริราชสมบัตินี้จะเป็นการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้” พระธรรมกิตติเมธีกล่าว
• กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระดมนักวิชาการด้านจิตวิทยา จัดสัมมนาวิชาการ เรื่อง “จิตวิทยาแนวพุทธ : แนวคิดที่ล้ำสมัยหรือล้าสมัย” ณ อาคารอเนกประสงค์ โดยมีพระและนักวิชาการชื่อดังร่วมระดมความคิด
ดร.พระมหาประยูร ธีรวํโส หัวหน้าภาควิชาพุทธจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย(มจร.)ให้ทัศนะว่า พุทธศาสนาไม่เคยล้าสมัย และย้ำให้เห็นถึงธรรมของพระพุทธเจ้าว่าเป็นอกาลิโก ไม่มีกาลเวลา พร้อมนำเสนอแนวคิดว่าการผสมผสาน ทั้งแนวคิดของตะวันตกและพุทธศาสนามีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและงานจิตบำบัด
ทางด้านพระมหาทิวา ทองคงอ่วม นักศึกษาปริญญาโท สาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่า นักปรัชญาและนักจิตวิทยาตะวันตกล้วนได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา ต่างให้ความสนใจและศึกษาเรื่องชีวิตจิตใจความเป็นมนุษย์ ปัจจุบันจิตวิทยาแนวพุทธเริ่มแพร่หลายในเมืองไทย และเริ่มมีนักจิตวิทยาหันมาใช้จิตวิทยา แนวพุทธมากขึ้นในการปรึกษาเชิงจิตวิทยา
ส่วน เพริศพรรณ แดนศิลป์ นักจิตวิทยาการปรึกษาแนวพุทธ นิสิตปริญญาเอก คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า นักจิตวิทยาการปรึกษาแนวพุทธอาศัยตนเองคือยา และยาที่มีคุณภาพสามารถช่วยเหลือพัฒนาเพื่อนมนุษย์ได้กว้างขวางลึกซึ้ง ดังนั้นนักจิตวิทยาแนวพุทธจึงต้องฝึกฝนขัดเกลาตนเองจนเห็นพุทธธรรมในชีวิตประจำวันและทำความเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตที่ถูกต้อง เพื่อไปช่วยเหลือและพัฒนาเพื่อนมนุษย์
รศ.ดร.โสรีช์ โพธิแก้ว รองคณบดีฝ่ายวิชาการคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวปิดท้ายว่า “หลักพุทธธรรมแม้ไม่มีจิตวิทยาก็สามารถอยู่ได้ ขณะที่จิตวิทยาถ้าไม่มีความเข้าใจในพุทธธรรมไปได้ไม่ไกล เพราะไม่ครอบคลุมความเข้าใจชีวิตและธรรมชาติ ที่ลึกซึ้ง”
ศน.เดินหน้ายกร่างกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา
• กรุงเทพฯ : นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.)เปิดเผยว่า ทางกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกตน เข้าไปประชุมชี้แจงถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนเผยแผ่พระธรรมในพระพุทธศาสนาตามพระราชประสงค์ ซึ่งกอง ทุนดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน จำนวน 72 ล้านบาท ที่ธนาคารออมสินได้ทูลเกล้าฯถวาย เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 มาจัดตั้งเป็นกองทุน และให้ใช้ดอกผลอันเกิดจากกองทุนนี้มาเผยแผ่พระธรรมในพระพุทธศาสนา โดยมอบให้ทางกรมการ ศาสนาและมหาเถรสมาคม(มส.) เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กองทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างการยกร่างระเบียบกรมการศาสนาว่าด้วยกอง ทุนเผยแผ่พระธรรมในพระพุทธศาสนาตามพระราชประสงค์ พ.ศ... ซึ่งทางศน. ได้เชิญผู้แทนจากมส. 2 รูป ได้แก่ พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ และพระพรหมมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยกร่างระเบียบกองทุนฯโดยร่างระเบียบกองทุนฯจะต้องได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมมส.ด้วย ซึ่งในครั้งแรกศน.ได้เสนอร่างระเบียบกอง ทุนฯไปให้ที่ประชุมมส.พิจารณา ทางมส. ได้ท้วงติงและมีมติให้กลับมาแก้ไขในเรื่องขององค์คณะบุคคล ในส่วนของตัวประธานกรรมการ และเลขานุการกองทุนฯว่า ควรจะหาบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง อาทิ นายกรัฐมนตรี หรือผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นต้น
“ตอนนี้เงินของกองทุนยังอยู่ที่ธนาคารออมสินจำนวน 72 ล้านบาท และมีดอกผลเพิ่มขึ้นมาอีก 13 ล้านบาท รวมเป็น 85 ล้านบาท ซึ่งรอเพียงยกร่างกองทุนฯเสร็จ ก็สามารถนำดอกผลของกองทุนไปดำเนินกิจกรรมเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ทันที” อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว
สำนักพุทธฯเตือนวัดระวังมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อรีดเงินวัด
• นครปฐม : นายสมชาย สุรชาตรี ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)เผยว่า ขณะนี้มีบุคคลที่ใช้ ชื่อว่า “โสรดา สายดา” ได้แอบอ้างชื่อผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปขอเงินวัดต่างๆ เช่น วัดในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น วิธีการ คือให้เลขบัญชีธนาคารเพื่อให้เจ้าอาวาสทำการโอนเงินให้ ทั้งนี้บุคคลดังกล่าวมักจะอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นเร่งรัดให้ความ ช่วยเหลือเจ้าอาวาสในเรื่องต่างๆได้ ซึ่ง เรื่องนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายส่งเจ้าหน้าที่ คนใดไปขอเงินจากวัดหรือประชาชน หากเจ้าอาวาสหรือกรรมการวัดประสบเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น บุคคลที่ใช้ชื่อว่าโสรดา สายดา หรือชื่ออื่นๆ หากเกิดความสงสัยในพฤติกรรม ให้ขอดูบัตรประจำตัวข้าราชการ และโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โทร. 0-2441-4547 และ 0-2441-4515 เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อให้ต้องสูญเงินทอง จึงขอเตือนวัดต่างๆให้ระมัดระวัง เพราะขณะนี้กลุ่มบุคคลลักษณะดังกล่าว ได้ขยายพื้นที่หากินไปหลายจังหวัด เช่น สตูล ภูเก็ต เป็นต้น
เตรียมคลอดอนุพุทธมณฑล 9 จังหวัด
• กรุงเทพฯ : พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม และโฆษกมหาเถรสมาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ทางคณะกรรมการมส.ได้พิจารณาถึงการจัดสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีอนุพุทธมณฑลในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ โดยให้อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ซึ่งที่ประชุมมส.มีความเห็นว่าสถานที่ที่จะใช้เป็นอนุพุทธมณฑลนั้นจะต้องมีความเหมาะสม ทั้งขนาดของพื้นที่ในการจัดสร้าง ซึ่งต้องมีที่ดินอย่างน้อย 60 ไร่ขึ้นไป โดยสถานที่ดังกล่าวต้องมีการจัดเตรียมพื้นที่ให้มีความเป็นรมณียสถาน สะอาด ร่มรื่น และสงบ แต่อนุพุทธมณฑลไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในเขตของ วัดใดวัดหนึ่ง เนื่องจากจะจัดให้เป็นสถาน ที่กลาง เพื่อให้พระภิกษุและประชาชนทั่วไปได้ใช้ในการบำเพ็ญภาวนา รวมทั้งยังใช้เป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมทางด้านศาสนาอีกด้วย
โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีจังหวัดที่พร้อมจะจัดสร้างอนุพุทธมณฑลเสนอชื่อเข้ามาแล้ว 19 จังหวัด ซึ่งจากการคัดเลือก โดยพิจารณาจากเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ พบว่ามีเพียง 9 จังหวัดเท่านั้นที่มีความพร้อมและตรงตามหลักเกณฑ์ที่ได้วางไว้ อาทิ วัดผาน้ำทิพย์ จ.ร้อยเอ็ด และวัดในจังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น สำหรับสาเหตุของวัดที่เสนอชื่อแต่ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา เนื่องจากมีบาง วัดต้องการให้วัดของตนเป็นพุทธมณฑล ซึ่งขัดกับนโยบายของมส.ที่ต้องการให้อนุพุทธมณฑลเป็นสถานที่สาธารณะ รวมทั้งปัญหาเนื้อที่ที่มีไม่เพียงพอ และบางวัดยังตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชนที่แออัดมากเกินไป ซึ่งไม่เหมาะต่อการสร้างอนุพุทธมณฑล อย่างไรก็ตามจากปัญหาที่เกิดขึ้นทางมส.จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อทำหน้าที่ในการ คัดเลือกสถานที่ของแต่ละจังหวัดในการ จัดสร้างอนุพุทธมณฑลต่อไป
พระไตรปิฎกฉบับฉลองสิริราชสมบัติ
• กรุงเทพฯ :พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) และโฆษกมหาเถรสมาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)เมื่อเร็วๆนี้ว่า ทางมส.เตรียมที่จะจัดพิมพ์ ‘พระไตรปิฎกฉบับฉลองสิริราชสมบัติ’ ขึ้น เพราะเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและเป็นเรื่องดีที่จะได้มีการรวบรวมแก้ไขพระไตรปิฎก แล้วนำมารวมเป็นพระไตรปิฎกฉบับที่ถือว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด และจะใช้เป็นฉบับที่อ้างอิงได้ในอนาคต โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธาน และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อจัดทำพระไตรปิฎกฉบับนี้
โฆษกมหาเถรสมาคมกล่าวต่อว่าถึงแม้ปัจจุบันพระไตรปิฎกจะมีอยู่หลายฉบับแล้วก็ตาม เช่น ฉบับของสยามรัฐ ฉบับของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย(มจร.) ฉบับของกรมการศาสนา แต่ก็มีปัญหายามที่จะกล่าวอ้างอิง เพราะบางเรื่องบางข้อไม่ตรง กัน ซึ่งปัจจุบันใช้พระไตรปิฎกของพม่าอ้างอิงในบางครั้ง ดังนั้นการจัดทำพระไตรปิฎกขึ้นมาใหม่นี้ จะรวมพระไตรปิฎกสามฉบับคือ ฉบับสยามรัฐ ฉบับของกรมการศาสนา ฉบับของ มจร. มาเป็นฐานเดิมในการจัดทำพระไตรปิฎกฉบับใหม่ โดยใช้พระไตรปิฎกของพม่ามาอ้างอิงในการจัดทำเพื่อที่จะทำให้พระไตรปิฎกมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการนั้น ทางมส.ได้แต่งตั้งพระธรรมวรเมธีและพระธรรมสิทธิเวที เป็นผู้สรรหาคณะกรรมการจัดทำพระไตรปิฎก ทั้งนี้พระไตรปิฎกดังกล่าวจะไม่ใช้ชื่อว่าสังคายนาและฉบับชำระ เพราะเป็นเพียงการรวบรวมส่วนที่ดีเอาไว้และแก้ไขเพียงบางคำที่พิมพ์ไม่ถูกต้องและข้อความบางข้อความที่ยังสับสนอยู่เท่านั้น
“พระไตรปิฎกถือเป็นคัมภีร์ของศาสนาและเป็นหัวใจของการปฏิบัติ และจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องพระที่ทำผิดแล้ว อ้างว่าหลักธรรม เป็นอย่างนี้อย่างนั้น การจัดทำพระไตรปิฎกฉบับฉลองสิริราชสมบัตินี้จะเป็นการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้” พระธรรมกิตติเมธีกล่าว