xs
xsm
sm
md
lg

ชนะอารมณ์ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชนะอารมณ์ ตอนที่ 6

ธรรมจากหลวงปู่พุทธะอิสระ

เมื่อรู้ว่าการมีชีวิตอยู่อย่างไรจะเป็นสุข เราก็เพียรพยายามที่จะระวัง ไม่ให้เกิดทุกข์ คือการป้องกันไม่ให้อารมณ์ไม่ดี ชักจูงเราให้แสดงอาการไม่ถูกต้อง หรืออย่าให้ตัวเองเป็นทาสของอารมณ์ วันใดเวลาใดที่เรามีความรูสึกว่า เป็นทาสของอารมณ์ เราก็ต้องดึง เอาตัวเองออกมาให้เป็นไทยให้ได้

ถ้าเราสามารถที่จะระวัง ไม่ให้อารมณ์ ทั้งดีและไม่ดี มาเป็นนายเราได้ แล้ว เราจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในโลกอย่างมีชัยชนะ เป็นอิสระพบความสุข หมดทุกข์ทั้งทางกายและใจ เช่นนี้จึงจะใช้คำพูดได้เต็มปากว่า เราคือโลก โลกคือเรา เราคือจิต จิตคือเรา เพราะสภาวะของโลกและจิตไม่ได้มีความสุขและทุกข์ ไปกับอารมณ์ต่างๆที่มารบกวนวุ่นวาย

ฉะนั้น ถ้ามีเวลาว่างๆ จากการงาน ก็ต้องรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ หรือขณะที่ทำการงานก็ภาวนาไปในตัวด้วยก็ได้ การทำอย่างนี้เรียกว่าเป็นวิธีลับมีด และรักษาคมของมีด คนที่จะสามารถใช้มีดไดทุกการ ทุกสมัย ตามความต้องการ เพราะเป็นรู้จักรักษาความคมของมีด เอาไว้ การรักษาความคมของมีด ก็คือ การทรงอารมณ์ไว้ในอารมณ์ไว้ในอารมณ์ภาวนา อย่าปล่อยให้จิตหลงระเริงไปกับ ราคะ โทสะ โมหะ อบรมจิตให้อยู่ในองค์ภาวนา

ที่พูดว่า ภาวนา ภาวนาตัวนี้ แปลว่า ทำให้มั่น ในทีนี้ หลวงปู่หมายถึง การทำสติให้ตั้งมั่น ทำการรู้ โดยการรู้ลมหายใจอย่างตั้งมั่น รู้ว่า ลมเข้า หรือ ออก ออกยาว หรือ ออกสั้น ให้รู้ชัด รู้ให้มั่นคง ก็เรียกว่า ภาวนา หรือจะภาวนาว่า พุทโธ 1 พุทโธ 2 พุทโธ 3 จนถึง100 ก็ได้ จาก 100 ก็มาหา 1 ใหม่ก็ได้ โดยไม่ต้องควบคู่กับลมหายใจ ไม่ต้องสวดอะไรทั้งหมด เอาแต่พุทโธ อย่างนี้ ทำอยู่เฉยๆ ก็เรียกว่า ภาวนา แต่ภาวนาด้วยวิธีนี้ หลวงปู่ถือว่ามันจะไกลตัวเกินไป แล้วมันจะไปใกล้เคียงกับการท่องบทเหมือนกับลัทธิ ศาสนา พราหมณ์ ฮินดู ต่างๆ มันจะไม่ตรง ต่อวิถีแห่งปัญญาชัดเจนสักเท่าไหร่ เหตุเพราะวิถีแห่งปัญญาคือวิถีแห่งพุทธ ถ้าเอาแต่พุทโธ แล้วไม่เกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง ไม่รู้แจ้งตามสภาวะที่ปรากฏ

พระพุทธเจ้าไม่ทรงเรียกว่า เป็นผู้รู้ตื่นและเบิกบาน ยังอาจจะเป็นแห่งพวก ฤาษี นักบวช เดียรถี นอกศาสนาอีก แต่ถ้าทำอะไรแล้ว มันสามารถทำให้เกิดปัญญาเห็นจริง รู้แจ้งได้ นั้นก็ถือว่าเป็นวิถีแห่งพุทธะผู้เจริญแล้วล่ะ เพียงแค่นี้เราก็รักษาคมมีดได้แล้ว จะใช้ตัดอะไร ก็ตัดได้ตามสบาย ชักออกมาเมื่อไหร่ก็ใช้ได้ทันที แต่ถ้าเราไม่รู้จักรักษาคมของมีด ปล่อยให้สนิมกินจนเขลอะ พอชักมาสับ มาฟันอะไร ก็ไม่เข้า ถึงเข้าก็ใช้กำลังทา ก็ต้องใช้เวลามาก ใช้แรงมาก เราก็คงจะยากต่อการชนะอารมณ์ทั้งปวงได้

เราต้องเอาความดีชนะความชั่ว เอาความอ่อนชนะความแข็ง เอาความเย็นชนะความร้อน เอาความละเอียด ชนะความอยาก เอาความฉลาดชนะความหลง จะเห็นว่าแต่ละคำของหลวงปู่มีแต่ความชนะ มีแต่ชนะ ไม่มีความพ่ายแพ้ หรือตกเป็นทาสใดๆทั้งหมด

หลวงปู่จึงมีคำสอนให้พวกเราทั้งหลาย เป็นผู้ชนะรูป ชนะทุกอย่าง สุดท้ายชนะ พยาธิ ข้อที่สำคัญก่อนที่เราจะชนะได้จริงๆ เราต้องชนะตัวเราเองเสียก่อน ก็คือ ชนะอารมณ์ การชนะอารมณ์ ที่จะมาวุ่นวายทำให้เราเศร้าหมอง ไม่สบายใจ ทุกข์ทรมานใจ ตามสภาวะ แห่งฝนที่สาดเข้ามา ทาง ตา หู จมูก ลิ้น พูดง่ายๆคือ ต้องมีสติ คอยระมัดระวังอยู่เสมอ อย่าให้ฝนแห่งอารมณ์ สาดรดมาโดนบุคคลภายใน คือจิตใจของเรา เป็นอันขาด แค่นี้เอง เราก็สามารถมีความรู้สึกเป็นอยู่อย่างผู้ชนะ แล้วคนที่สาดใส่ฝนเข้ามาหาเรา ผลสุดท้ายมันมีความเหนื่อยอ่อน แล้วก็แพ้ภัยตัวเองไปในที่สุด

เมื่อพิจารณาได้อย่างนี้แล้ว เราก็ได้เชื่อว่าเป็นผู้มีจุดยืนในตัวของเราเอง ด้วยความอิสระ และวิธีการสำหรับมีจุดยืนสำหรับตัวเองในการที่จะปฏิบัติกับบุคคลอื่นก็คือ มีความรู้สึกว่าอารมณ์ใดที่เราชอบใจก็ปกติ แต่ว่าจะพูดว่าเป็นปกติ เมื่อมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่สนใจไม่ใยดี ไม่มีเยื่อใยต่อมัน ถ้ามันมีประโยชน์ก็พิจารณา ปฏิบัติตาม แต่ถ้าขาดประโยชน์ เราก็ปล่อยวางเสีย ถ้ามันเป็นเรื่องของความทุกข์ทรมาน พอเราได้ยินก็ต้องปล่อยให้มันออกหูขวา อย่าเปิดหัวใจรับเอาอารมณ์เหล่านั้น มาเก็บกดเอาไว้

ตัวอย่างเช่น หลวงปู่เคยเขียนบทโศลกไว้ว่า “ลูกรักอย่าทำอารมณ์ให้เป็นอะไร แล้วเราจะไม่มีอะไรในอารมณ์นั้นๆ” หรือไม่ก็เขียนว่า “ลูกรัก ห้องขังหรือคุกแห่งอารมณ์ มีแต่ตัวเจ้าเท่านั้น ที่จะปิดหรือเปิดมันได้ เพราะจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ มันเกิดจากรปรุงแต่งของเรานั้นเอง คือการสร้างคุกของตัวเราเอง”

ฉะนั้น ถ้ารู้จักวางภาระ รู้จักวางหน้าที่ และไม่ยึดติดในอารมณ์ รู้จักทำใจให้สว่าง สะอาด สงบ เราก็สามารถจะพ้นทุกข์ได้ หลวงปู่แน่ใจว่าถ้าทำได้ตอนนี้ ผลสำเร็จก็จะเกิดในชีวิต และสามารถที่จะเป็นผู้ชนะในโลก ชนะในน้ำในของคนทุกคน รวมทั้งยังคิดว่ายังชนะบุคลที่เราอยากจะชนะ แต่ที่แน่ๆ แต่ที่สำคัญที่สุด ต้องชนะตัวเองให้ได้ก่อน “ ลูกรัก จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ อันเกิดจาการปรุงแต่งของเราเอง คือการปฏิเสธธรรมชาติ นั้นก็คือการทำลายธรรมชาติ”

ฟังรายการ ธรรมะกับชีวิต ได้ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 05.00 - 06.00 น.
ทาง คลื่นสามัญประจำบ้าน
www.managerradio.com
 
กำลังโหลดความคิดเห็น