วันนี้(18 ส.ค.2548)นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมประชุมเสวนาเรื่องพระสูตร : พุทธวิธีในวิถีพุทธ ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ซี.ดี. โรงแรมแอมบาสเดอร์ ว่า พระไตรปิฎกที่ถูกจัดพิมพ์ขึ้นนั้นปัจจุบันมีอยู่หลายเล่มด้วยกัน อีกทั้งความคิดของคนเกี่ยวกับศาสนาคนส่วนใหญ่มักนึกถึงแต่พระสงฆ์ที่มีประมาณ 4 แสนรูปเท่านั้นในประเทศเมื่อเทียบกับประชาชนส่วนใหญ่จึงถือว่าน้อยมาก รัฐบาลจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับศาสนาและการดำเนินชีวิตจึงเน้นการปฏิบัติเพื่อบูชา จึงได้จัดทำพระไตรปิฎกฉบับประชาชนขึ้น ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตและสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ศน.จึงได้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับประชาชนจำนวน 20,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายให้กับหน่วยงานราชการ สภาวัฒนะธรรม เพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับรู้ และได้เสนอเพิ่มงบประมาณอีกจำนวน 80 ล้านบาท เพื่อจัดพิมพ์พระไตรปิฎกเพิ่มอีกจำนวน 5 แสนเล่ม สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อขอรับพระไตรปิฎกฉบับประชาชนได้ที่ การศาสนาและสภาวัฒนะธรรม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ด้านพระธรรมกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรส กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง “พระสูตรกับการพัฒนาสังคม” กล่าวว่า หัวใจสำคัญของพระสูตรนั้นเป็นเน้นในเรื่องการพัฒนาตนเอง ก่อนที่ไปพัฒนาคนและสังคมส่วนรวมโดยเนื้อหาสำคัญของพระสูตรที่เปรียบเสมือนกับแสงประทีบส่องนำทางให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างจัดเชน ทำให้เกิดมโนธรรม มโนทัศน์มีความรู้ผิดรู้ชอบมองเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนสามารถเป็นบรรทัดฐานของการดำเนินชีวิตบอกถึงแนวทางของความเสื่อมความเจริญ เป็นเครื่องมือในการสร้างความสันติสุขบอกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมและพระสูตรยังสามารถยกระดับจิตใจของคนให้สูงขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
พระกิตติวงศ์กล่าวเพิ่มเติมถึงปัญหาภาคใต้แนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักการสังคหะวัตถุ(เมตตาธรรม)ซึ่งประกอบด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การพูดทำความเข้าใจกัน เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน วางตัวให้ดีวางตัวเป็นกลาง และมีตัวแทนของแต่ละฝ่ายทั้งพุทธและอิสลามที่สามารถทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเชื่อความศรัทธาให้เกิดขึ้น
ด้านพระธรรมกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรส กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง “พระสูตรกับการพัฒนาสังคม” กล่าวว่า หัวใจสำคัญของพระสูตรนั้นเป็นเน้นในเรื่องการพัฒนาตนเอง ก่อนที่ไปพัฒนาคนและสังคมส่วนรวมโดยเนื้อหาสำคัญของพระสูตรที่เปรียบเสมือนกับแสงประทีบส่องนำทางให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างจัดเชน ทำให้เกิดมโนธรรม มโนทัศน์มีความรู้ผิดรู้ชอบมองเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนสามารถเป็นบรรทัดฐานของการดำเนินชีวิตบอกถึงแนวทางของความเสื่อมความเจริญ เป็นเครื่องมือในการสร้างความสันติสุขบอกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมและพระสูตรยังสามารถยกระดับจิตใจของคนให้สูงขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
พระกิตติวงศ์กล่าวเพิ่มเติมถึงปัญหาภาคใต้แนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักการสังคหะวัตถุ(เมตตาธรรม)ซึ่งประกอบด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การพูดทำความเข้าใจกัน เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน วางตัวให้ดีวางตัวเป็นกลาง และมีตัวแทนของแต่ละฝ่ายทั้งพุทธและอิสลามที่สามารถทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเชื่อความศรัทธาให้เกิดขึ้น