xs
xsm
sm
md
lg

ชนะอารมณ์ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชนะอารมณ์ ตอนที่ 4

ธรรมจากหลวงปู่พุทธะอิสระ


คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อรับชมและฟัง ในรูปแบบ Photo Slide Show

อารมณ์เนี่ย มันสำคัญขนาดไหน คนเราจะดี จะชั่ว จะเลว ต้องรู้จักระงับอารมณ์ รู้จักสำรวม อย่าแส่ไปหารูปอะไรต่างนอกกายมากนัก ทำเฉพาะให้มันรู้สึกว่า ตามีหน้าที่ดูทิศ ดูทาง ดูรูปดูสิ่งต่างๆ แต่ตาไม่ได้ทำหน้าที่แยกแยะว่ารูปชั่ว รูปดี รูปเลว ตัวที่ทำหน้าที่แยกแยะ รูป คือกิเลสตัณหา ที่หมักหดองสันดาน บังคับสั่งการให้เราเป็นคนพาลเป็นคนตรง ในสิ่งที่ไม่มีตัวตน แท้จริง

เมื่อไปหลงยึดถือก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เหมือนดังบุคคลเพียรพยายามใช้พูกันจุ่มสี วาดรูปในอากาศ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็พยายามคิดว่าเป็นไปได้ เมื่อไม่ได้ดั่งปรารถนาก็เกิดทุกข์ ด้วยเหตุนี้พระศาสดาทรงสอนให้ชาวเราทั้งหลาย สำรวมตา ในการมองรูป มิใช่ห้ามไม่ให้มอง แต่พระองค์ทรงสอนว่าจงมองด้วยปัญญา รู้แจ้งตามความเป็นจริงว่า รูปทั้งสวยทั้งซวยหรือโทรม มันไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนที่แท้จริง เป็นทุกข์ทนได้ยาก เกิดขึ้น ตั้งอยู่และเสื่อมสภาพลง ไม่คงที่

ทุกอย่างในรูปต้องอิงอาศัย เหตุปัจจัยเป็นอยู่เช่น รูปสวยและซวยทั้งหลาย มีชีวิตเกิดขึ้นมาได้ จนเป็นรูปสวยและซวยนั้น เพราะต้องอิงอาศัยป้อนข้าว หยดน้ำ อากาศหายใจ เพื่อไปเลี้ยงรูปนี้ให้เจริญขึ้น เป็นอยู่ได้ ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งรูปนี้ก็จะไม่เจริญ ตั้งอยู่ไม่ได้ ผู้เป็นเจ้าของรูปจึง ต้องมีภาวะในการบริหาร คือมีภาวะในการบริหารการจัดการ จัดหาสิ่งที่รูปนี้ต้องการเพื่อให้รูปนี้เจริญขึ้นเป็นอยู่ได้ ผู้เป็นเจ้าของรูปจึงต้องมีภาระ ในการบริหารจัดการรูปนี้ มาบำรุง บำเรอ จนกว่ารูปนี้จะตายลง ถ้าหยุดเพียงแค่นี้ก็พอทน จริงๆถ้าให้รูปนี้มันหยุด ก็คือรอตายแล้วก็พอ มันก็น่าจะพอทน

แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ มันไม่หยุด เจ้าของรูปนอกจากมีภาระในการบริหาร จัดหาสิ่งที่รูปต้องการแล้ว ต้องคอยดูแลรักษา ชำระล้าง ทะนุถนอมให้รูปนี้ดูดีในสายตาของตนและคนอื่น นึกว่าจะหยุดแค่นี้เหรอ รูปนี้มีทั้งสวยและซวย ยังประกอบไปด้วยจิตวิญญาณที่มี กิเลสเป็นอนุสัย ฝั่งแน่นต่อเนื่องมาแต่อดีต ไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งกิเลสเหล่านั้น ก็มีพวกใหญ่ๆ 3 พวกได้แก่ ราคะ โทสะ และโมหะ ซ้ำยังมีบริวารติดตามมาอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน

เมื่อราชากิเลสและพลเมืองกิเลสไดเข้ามายึดครองจิตวิญญาณของรูปนี้เสียแล้ว ย่อมเป็นธรรมดา อยู่เองที่ผู้เป็นนาย ย่อมครอบงำใช้ทาส เอารัดเอารัดเปรียบทาส บังคับขู่เข็ญทาสให้ขวนขวายสิ่งที่นายต้องการ ตามคำสั่งโดยไม่สนใจว่า สิ่งนั้นๆ จะได้มาด้วยความง่ายดายหรือยากลำบากขนาดไหน ผู้เป็นนายจะไม่ใส่ใจขอให้ทาสหาให้ได้แล้วกัน แม้บางครั้งอาจจะทำให้ผู้เป็นทาสนั้นตายหรือพิการก็ตาม และถ้าเผอิญเกิดทาสนั้นตายไปจริงๆ นายผู้โหดร้าย ตามไปใช้งาน ข้ามภพข้ามชาติ ทีเดียวแหละ ดูช่างไม่มีวันจบสิ้น

เหตุนี้องค์พระศาสดา ผู้ทรงพระปัญญา ทรงสอนว่าอย่ามองรูปโดยเห็นว่าเป็นเลิศ แต่จงมองให้ทะลุความเป็นเลิศนั้นเข้าไป จนเห็นแจ้งสภาพความเป็นจริง ของรูปจนรู้ว่า มีองค์ประกอบด้วยเหตุปัจจัยอะไร จะได้ไม่ได้หลงยึดติดในรูปที่เห็น เสียงที่ยิน รสที่รับ กลิ่นที่ดม สัมผัสที่มี ทั้งดีและชั่วที่เกิดกับจิต เหล่านี้เป็นวิธีตัดวงจรของการสืบต่อ กิเลสที่เป็นอนุสัย ที่มีมาแต่อดีต ที่มีอยู่ในภพในชาตินี้

ในบรรดาอินทรีย์ทั้ง 6 ตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ นี้มีอยู่อย่างเดียวที่น่าจะสำรวมมากที่สุดคือใจ เพราะใจ เป็นเหมือนายใหญ่ ใจเปรียบเหมือนแม่ทัพ ส่วน ตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ เปรียบเหมือนนายกอง หรือสมุนมือขวามือซ้าย ทำหน้าที่ตามคำสั่งของแม่ทัพ ถ้าแม่ทัพดีคำสั่งที่ใช้สั่งลูกน้องก็ ย่อมสั่งในสิ่งที่ดีๆ ที่ถูกที่ควร หมายความว่า ถ้าใจดีใจเรียบร้อย ใจน่ารัก ใจสว่าง สะอาด สงบ การมองรูปก็ มองด้วยปัญญา พิจารณารู้เท่าทัน ตามความเป็นจริงของรูปที่เห็น มันก็ไม่เกิดความรู้สึกให้ต้องการ ไม่ไปเก็บกดอารมณ์ที่มันกระทบ

แต่ถ้าการมองรูปมองแล้วเกิดการปรุงแต่ง พร้อมทั้งเกิดอุปทานความยึดถือ ยึดมั่น สุดท้ายก็มีความวุ่นวายตามมา เมื่อเราสำรวมใจได้ ตาจะเห็นรูปอย่างไรก็ช่างหัวมัน เมื่อเราจะสำรวมใจได้ ตาจะเห็นรูปอย่างไรก็ช่าง เป็นเรื่องของรูป เพราะตาเก็บรูปไม่ได้ หูจะฟังเสียงอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเสียง เพราะหูเก็บเสียงไม่ได้ จมูกได้กลิ่นอย่างเป็นเรื่องของมัน กายสัมผัสอย่างไรก็เป็นเรื่องของมัน ลิ้นรับรสอย่างไรก็เป็นเรื่อของมันเพราะกายลิ้นไม่สามารถจะเก็บสิ่งที่รับรู้ได้ ถ้าเราไม่สำรวมใจ ไม่รู้จักรักษาอารมณ์ ไม่รู้จักส่งอารมณ์ แห่งความสว่าง สะอาด สงบไว้ในตัวเอง มันจะเกิดความทุกข์ทรมาน ตามอาการทั้ง 6 ที่มันชักจูงไป

ติดตามรายการ ธรรมะกับชีวิต ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 05.00 - 06.00 น.
ทาง FM 97.75 MHz คลื่นสามัญประจำบ้าน

www.managerradio.com
กำลังโหลดความคิดเห็น