xs
xsm
sm
md
lg

ห้องสนทนา : แม่ชีประทิน แม่ทางธรรมแห่ง 'ธรรมจาริณี'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทบาทของแม่ชี นักบวชในพุทธศาสนามักจะไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงและยอมรับมากนัก แต่สำหรับ‘แม่ชีประทิน ขวัญอ่อน’ ผู้ก่อตั้งสาขาสถาบันแม่ชีไทย อ. ปากท่อ จ. ราชบุรี ซึ่งบวชมาแล้ว 35 ปี และทำงานเพื่อผู้หญิงและเด็กที่ประสบปัญหามาตลอดระยะเวลา 28 ปีนั้น เป็นเรื่องที่หลายหน่วยงานให้การยกย่องแม่ชีได้รับรางวัลสตรีดีเด่น ประจำปี 2547 และเป็นหนึ่งในหญิงไทยที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปี 2548 นี้
ปัจจุบันแม่ชีเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา ‘ธรรมจาริณีวิทยา’ ซึ่งท่านได้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อให้การศึกษาด้าน พื้นฐานกับเด็กหญิงผู้ด้อยโอกาส

• ทำไมท่านจึงละทางโลก และตัดสินใจมาบวชชีคะ
คือตอนนั้นยังวัยรุ่น แม่ชีป่วยด้วยโรคปวดศีรษะ ไป หาหมอแล้ว กินยาก็แล้ว ทำอย่างไรก็ไม่หาย แล้วคนสมัยก่อนก็จะมีความเชื่อเรื่องการบนบานศาลกล่าว คุณพ่อของแม่ชีก็ให้ไปบนตัวบวช คือบนว่าถ้าหายป่วยก็จะบวช หลังจากนั้นอาการปวดหัวก็ดีขึ้นก็ไปบวชที่สำนักสนามชีวัดสนามพราหมณ์ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิด ความจริงบนว่าจะบวชแค่ 3 วัน แต่พอได้เข้ามาบวชแล้ว ได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา เรารู้สึกซาบซึ้ง ได้พบสิ่งที่ตอนเราอยู่ทางโลก เราไม่เคยรู้เลย รู้สึกว่าโอ๊ย... ชีวิตมันเป็นอย่างนี้เองหรือ ซึ่งผิดกับความเข้าใจของเราตอนก่อนบวช เข้าใจเลยว่า ความต้องการ ความปรารถนาของเราตอน อยู่ทางโลกนี่มันนำมาซึ่งความทุกข์ แต่ชีวิตทางธรรม มันมีแต่ความสุข เป็นความรู้ที่ทำให้เรามีความมั่นคง ทางจิตวิญญาณ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้คัดค้านนะคะ ท่านแล้วแต่เรา เลยบวชมาตั้งแต่อายุ 19 เผลอแป๊บเดียวตอนนี้ก็ 54 แล้ว (หัวเราะ)

• เมื่อบวชแล้ว ได้ศึกษาวิชาทางโลกด้วยหรือเปล่าคะ
ก็เรียนทั้งวิชาสามัญซึ่งเป็นวิชาทางโลก และเรียนนักธรรมบาลีซึ่งเป็นวิชาธรรมะ เรียนได้นักธรรมตรี โท เอก จากนั้นก็ไปเรียนบาลีต่อที่กรุงเทพฯ พอได้บาลีประโยค 6 รวมทั้งจบสายสามัญในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก็เดินทางไปเรียนต่อปริญญาตรี และปริญญาโทที่ประเทศอินเดีย แล้วก็กลับมาเมืองไทย และได้สร้างสาขาสถาบันแม่ชีไทยตรงนี้ เมื่อประมาณปี 2520

• สถาบันแม่ชีไทยมีบทบาทในการดูและส่งเสริมกิจกรรมการศึกษาธรรมะของแม่ชีอย่างไรบ้าง

ก็มีหลายด้าน หากแม่ชีที่อยู่ตามวัดต่างๆไม่มีโอกาส ได้เรียนหนังสือเพราะทางวัดไม่ได้จัดการเรียนการสอให้ ทางสถาบันแม่ชีไทยก็จะจัดหาสถานที่ให้ ซึ่งเราส่ง เสริมให้เรียนทั้งวิชาการทางโลกและวิชาทางธรรม แต่ส่วนมากเมื่อเรียนจบก็จะสึกออกไปเป็นฆารวาส มีส่วนน้อยที่บวชตั้งแต่อายุน้อยๆ แล้วมีศรัทธาแรงกล้า บวชตลอดชีวิตเพราะอยากใช้ชีวิตทางธรรม

• สำหรับแม่ชีส่วนใหญ่ที่บวชในปัจจุบัน มาบวชด้วยเหตุผลอะไรกันบ้าง
ก็แตกต่างกันไปนะ บางคนบวชเพราะเห็นเพื่อนมา บวชก็อยากมาบวชด้วย บางคนรู้ทางโลกแล้วรู้สึกว่าเป็นทุกข์ ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ พอมาบวชได้มีโอกาสศึกษาธรรมะ ก็เข้าใจตามสภาวธรรมและความเป็นจริงของชีวิต เข้าใจว่าชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์ แต่ทุกข์นั้นจะมาก หรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความยึดมั่นถือมั่นของแต่ละคน ผู้มาบวชก็จะได้เรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไรให้ชีวิตมีความสงบสุข

• แล้ววิธีใดที่จะทำให้ชีวิตสงบและเป็นสุขล่ะคะ
การจะเข้าถึงความสงบก็สามารถทำได้ง่ายๆด้วยการเจริญภาวนา และนั่งสมาธิ ซึ่งเด็กและผู้หญิงที่เข้ามาศึกษาธรรมะที่สถานศึกษาธรรมจาริณี หรือสาขาสถาบัน แม่ชีไทยที่ อ. ปากท่อ จ. ราชบุรี เราก็จะเน้นเรื่องการ สวดมนต์และนั่งสมาธิเช่นกัน คือหลังสวดมนต์ ทำ วัตรเช้าและทำ วัตรเย็นแล้วก็จะนั่งสมาธิ นอกจากนั้นก็จะฝึกให้เจริญสติในทุกขณะจิต ทุกช่วงเวลาที่เราทำภาร กิจต่างๆ ไม่ว่าทำงานอะไรก็ให้ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ซึ่งเท่ากับว่าเวลาเราทำงานก็เจริญสติควบ คู่ไปด้วย

• คนส่วนใหญ่มองผู้หญิงที่มาบวชชีในด้านลบ แม่ชีคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องทัศนคติของคนนะ ตอนที่แม่ชีไปเรียนที่กรุงเทพฯใหม่ๆ พวกเราแม่ชีก็เดินไปตามถนน เพื่อไปเรียนที่วัดบวรฯ เดินกันเป็นขบวนเลย คนก็มองว่า เอ๊ะ! แม่ชีพวกนี้จะไปขอทานที่ไหนกัน(หัวเราะ) เราไปใหม่ๆก็ถูกมองถูกถาม เพราะเขาเคยเห็นแม่ชีที่ยืนรับบริจาคเงิน แล้วเขารู้สึกไม่ดี บางครั้งคนก็มองว่าแม่ชีเข้ามาสร้างปัญหาให้กับวัด ซึ่งบางครั้งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเพราะผู้ที่มาบวชเป็นแม่ชีนั้นมาจากพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน อาจจะยังไม่เคยเรียนธรรมะ ไม่ค่อยรู้ข้อปฏิบัติ และเข้ามาบวชด้วยสาเหตุต่างๆกัน
บางคนมาบวชเพื่อมุ่งศึกษาธรรมะก็จะเป็นแรงหนึ่ง ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนา และช่วยเผยแผ่คำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะที่บางคนเข้ามาบวชเพื่อหาที่พักพิงเท่านั้น บางทีเลยกลายเป็นการสร้างปัญหาให้แม่ชีคนอื่นๆต้องตามแก้ เพราะปกติ คนที่จะเข้ามาสร้างปัญหาก็มักเป็นคนที่มีปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งวิธีหนึ่งที่เราดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ก็คือ การตั้งสถาบันแม่ชีไทย แล้วก็ขอระเบียบปฏิบัติต่างๆจาก บรรดาสำนักแม่ชีใหญ่ๆ เพื่อมาพิจารณาในที่ประชุมของคณะกรรมการของสมาคมฯ ก็คัดเลือกระเบียบที่เหมาะสมออกมา และร่างเป็นระเบียบปฏิบัติของสถาบันแม่ชีไทย ซึ่งแม่ชีที่เป็นสมาชิกของสถาบันแม่ชีไทยก็จะปฏิบัติเหมือนกันหมด ก็สามารถแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งคือคนจะมองบทบาทของแม่ชีต่างจากบทบาทของพระสงฆ์ เพราะคิดว่าแม่ชีถือเพียง ศีล 8 หรือ ศีล 10 ขณะที่พระถือศีลถึง 227 ข้อ จริงๆแล้วเรายังมีระเบียบปฏิบัติอีก 200-300 ข้อ ต้องมีมารยาท 5 เสขิยวัตร 75 ใครบกพร่องข้อไหนก็ต้องประกาศตัวกับที่ประชุมในทุกๆวันโกน ซึ่งก็ไม่ต่างจากพระสงฆ์เท่าไหร่ เพียงแต่เราไม่เรียกการทำผิดระเบียบว่าอาบัติเหมือนพระสงฆ์

• ท่านแม่ชีเป็นหนึ่งในผู้หญิงไทยที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ท่านคิดว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ท่านได้รับการเสนอชื่อคะ
คิดว่าคงเป็นเพราะเขาเห็นงานที่เราทำ คือแม่ชีได้จัดตั้งสถานศึกษาธรรมจาริณีวิทยา ซึ่งให้การศึกษาด้านพื้นฐานกับเด็กผู้หญิงที่ด้อยโอกาส พ่อแม่ยากจน หรือ ต้องออกมาทำ งานตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ การให้การศึกษาก็เป็นการช่วยบรรเทาความทุกข์ให้แก่เขา เมื่อเด็กเข้ามาเรียนที่นี่เราป้อนทั้งวิชาความรู้และคุณธรรมทำให้เขาเห็นคุณค่าของตัวเอง เห็นคุณค่าของชีวิตผู้อื่น ถ้าคนเรามีตรงนี้ก็จะไม่ทำสิ่งที่ทำร้ายตัวเอง แล้วก็ไม่ทำร้ายคนอื่น สัน ติสุขก็จะเกิดขึ้นบนโลก หรืออย่าง น้อยก็เกิดขึ้นในใจของเรา

• แล้วทำไมท่านจึงคิดก่อตั้งสถานศึกษาธรรมจาริณีคะ
ในช่วงปี 2530 แม่ชีได้ไปทำโครงการแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ก็พบว่าบ้านเรามีเด็กผู้หญิงที่ประสบปัญหา เยอะมาก แม่ชีไปเจอเด็กผู้หญิงซึ่งอยู่ในวัยที่ควรจะเรียนหนังสือแต่ต้องออกมาเป็นแรงงานราคาถูกเป็นหญิงขายบริการ บางคนก็ถูกคุกคามทางเพศ ติดยาเสพติด ก็เลยมาปรึกษากันในสถาบันแม่ชีไทยว่าเราน่าจะช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ และคิดว่าปัญหาเบื้องต้นคือ เด็กขาดโอกาสทางการศึกษา ถ้าเขาได้มีที่เรียนและได้มาอยู่กับเรานอกจากจะได้มีความรู้ ได้ธรรมะแล้ว ยังจะปลอดภัยจากอันตราย ที่กำลังประสบอยู่ และได้มีชีวิตที่ดีเหมือน
กับเด็กคนอื่นๆ
ตรงนี้เองจึงเกิดเป็นสถานศึกษาธรรมจาริณีวิทยา ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2533 ที่สำนักแม่ชีไทย สาขาปากท่อ จังหวัดราชบุรี เรามองว่าถ้าเด็กเขามีการศึกษานอกจากสามารถดูแลตัวเองได้ แล้ว ยังช่วยเหลือครอบครัวได้ด้วย

• ทราบว่าเด็กที่เข้าเรียนในสถานศึกษาธรรมจาริณีวิทยาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย แล้วการพิจารณา รับเด็กเข้าศึกษาที่นี่มีเกณฑ์อะไรบ้าง
ก็ต้องเป็นเด็กหญิงที่มีฐานะยากจน หรือเป็นเด็กกำพร้า ขาดผู้อุปการะ ซึ่งต้องมีคนรับรองด้วยว่าเขามีคุณสมบัตินี้จริงๆ อาจจะเป็นพ่อแม่ผู้ปก ครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือครูผู้สอนรับรองให้ ซึ่งเราก็จะสอบประวัติเขาอีกทีหนึ่ง ที่ต้องให้เขาเรียนฟรี อยู่ฟรี ก็เพราะเขาไม่มีจริงๆ ถ้าเราไม่ช่วยเขา เด็กพวกนี้ก็ไม่ได้ เรียนหนังสือ
ซึ่งในช่วงปีหลังๆเราจะไม่ได้ดูเรื่องปัญหาความยากจนเพียงอย่างเดียว บางคนที่บ้านพอจะส่งเรียนได้ แต่สภาพแวดล้อมไม่ดี เพื่อนพาไปติดยา หรือมีปัญหา มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พ่อแม่ก็เป็นห่วงว่าถ้าให้ เรียนในโรงเรียนแถวบ้านก็หนีปัญหาพวกนี้ไม่พ้น เลย พาลูกมาฝากเรียนที่นี่ โดยเด็กที่มาเรียนที่ธรรมจาริณี จะมี 2 ระบบ คือ มัธยมศึกษาปีที่ 1-3 เรียนในระบบสามัญศึกษาปกติ ส่วนมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เรียนในระบบการศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน. ซึ่งทุกคนจะอยู่แบบนักเรียนประจำ

• ให้เด็กเรียนฟรี อยู่ฟรี แล้วทางธรรมจาริณีจะนำงบประมาณมาจากไหนคะ
เราได้เงินจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา และอีก ส่วนเป็นเงินอุดหนุนรายหัวจากรัฐบาล ซึ่งให้แก่เด็กที่มาเรียน 10,000 บาทต่อคนต่อปี เฉลี่ยแล้วตกเดือนละ 800 กว่าบาทต่อคน แต่เดือนหนึ่งๆเรามีค่าใช้จ่ายถึงแสนกว่าบาท ทั้งค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ และข้าวของ เครื่องใช้อื่นๆ บางทีไม่พอ เพราะเรามีเด็กนักเรียนและ ผู้หญิงที่เข้ามาพักพิงเกือบ 100 คน ก็ใช้วิธีหยิบยืมมา จากคนที่เรารู้จัก ส่วนใหญ่ก็เป็นคณะทำงานของโครงการน่ะค่ะ พอได้เงินมาก็นำไปคืนเขา บางทีสาธุชนก็บริจาค มาในรูปของข้าวสารอาหารแห้งหรือสิ่งของเครื่องใช้

• มีเด็กนักเรียนที่เขาซาบซึ้งกับธรรมะแล้วขอบวชเป็นแม่ชีไหม
ก็มีบ้าง แต่ค่อนข้างน้อย แม้แต่คนที่บวชเป็นแม่ชีตั้งแต่เด็กๆ พอเขาเรียนจบก็ขอสึกออกไป เพราะส่วน ใหญ่ผู้หญิงเราจะห่วงครอบครัว ห่วงพ่อห่วงแม่ ก็จะออกไปทำงานหาเงินเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว ถึงจะอยากจะใช้ชีวิตทางธรรมก็ทำไม่ได้ ไม่เหมือนผู้ชาย ถ้าอยากบวชตลอดชีวิตก็ตัดได้หมดทุกอย่าง ตรงนี้คงเป็นกรรมของผู้หญิงเรามั้ง (หัวเราะ)

• นอกจากให้การศึกษาแก่เด็กยากจนแล้วธรรมจาริณี ยังทำอะไรอีกบ้าง
เราให้คำปรึกษาและเป็นสถานที่พักพิงให้แก่ผู้หญิง ที่ประสบปัญหาด้วย ซึ่งเราจะแนะให้เขามองปัญหาให้รอบด้าน มองอย่างเข้าใจคนอื่นๆด้วย เพราะส่วนใหญ่ คนเราจะทุกข์เพราะความคิด ทุกข์เพราะใจของเรา เราก็แนะให้เขาขจัดทุกข์ทางใจ นอกจากนั้นเรายังจัดอบรม ธรรมะให้แก่เด็กนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนใกล้เคียงด้วย

• ผู้หญิงส่วนใหญ่มาปรึกษาปัญหาอะไรมากที่สุดคะ
ส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาครอบครัว บางรายถูกสามีทำร้าย ต้องรับภาระเลี้ยงลูกคนเดียว บางคนถูกล่อลวง หรือ อาจจะผิดหวังเสียใจกับคนรอบข้าง ถูกโกง หรืออะไรต่างๆ เราพยายามชี้แนะให้เขาเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของทุกข์ และจะดับทุกข์ได้อย่างไร ก็จะคุยกับเขา และดูเป็นรายๆไป เพราะแต่ละคนก็มีปัญหาไม่เหมือนกัน
นอกจากมาปรึกษาปัญหาแล้ว บางคนก็จะเข้ามาพักพิงชั่วคราว บางคนต้องการศึกษาธรรมก็จะบวชชีพราหมณ์ หรือถ้าเกิดศรัทธามากก็อาจจะบวชเป็นแม่ชีเลย ซึ่งตรงนี้เราก็ไม่ได้เรียกร้องค่าใช้จ่ายอะไร ถ้าเขา มีกำลังทรัพย์หรือต้องการจะบริจาคก็ตามแต่ศรัทธา

• ในโอกาสที่เดือนสิงหาคมเป็นเดือนแห่งวันแม่ ท่านอยากฝากอะไรถึงผู้หญิงที่เป็นแม่ไหมคะ
ก็อยากฝากให้ผู้ที่เป็นแม่ศึกษาว่าเป็นแม่อย่างไรจึง จะจัดว่าเป็นแม่ที่ดี โดยทั่วไปก็คงต้องดูแลทั้งเรื่องชีวิต ความเป็นอยู่ การศึกษา และอบรมศีลธรรม เพื่อให้เขา เติบโตอย่างคนที่มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ มีความเอื้ออาทร ต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งจะทำให้สังคมสงบสุข อย่างเด็กที่ มาเรียนที่ธรรมจาริณีเราก็มองว่าเป็นเหมือนลูกเราคน หนึ่ง เป็นลูกทางธรรม เขาสุขเราก็ดีใจ เขาทุกข์เราก็ต้อง ช่วยเหลือ
.....
จากสิ่งที่ ‘แม่ชีประทิน’ได้ทำมาทั้งหมด คงพอกล่าว ได้ว่าท่านเป็นดั่ง ‘แม่ทางธรรม’ ของเด็กและผู้หญิงที่ด้อยโอกาส ซึ่งเราคงจะหาแม่ที่มีจิตใจงดงามเช่นนี้ได้ ไม่ง่ายนัก ...แม่ที่พร้อมจะเสียสละให้แก่ผู้ที่ไม่ใช่ลูกโดยสายเลือดของตน
หมายเหตุ : สถานศึกษาธรรมจาริณีวิทยา สาขาสถาบันแม่ชีไทย อ. ปากท่อ จ. ราชบุรี 70140 โทร. 032-281-058
กำลังโหลดความคิดเห็น