มพล. จัดประชุมสัมมนา “จริยธรรมทางเพศของศาสนาพุทธและอิสลาม”

จะเป็นการนำเสนอหลักคำสอนเรื่องจริยธรรมทางเพศในศาสนาพุทธและอิสลาม จากคัมภีร์พระไตรปิฎกและคัมภีร์อัลกุรอาน รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องของทั้งสองศาสนา และจากนั้นนำเสนอผลการวิจัยจากการเก็บแบบสอบถามนักศึกษาปริญญาตรีในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน (เป็นพุทธ 221 คน และ อิสลาม 179 คน) เกี่ยวกับทัศนคติเชิงจริยธรรมทางเพศ

ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการสถาบันจิตภาวนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก (มพล.) เปิดเผยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2548 ณ ห้องประชุมชั้น 3 มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก อาคารสำนักงานใหญ่ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ในอุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ทางสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก (Institute of Research and Development of The World Buddhist University) ได้มีการจัดประชุมสัมมนางานวิชาการทางพระพุทธศาสนาและต่างศาสนา ในหัวข้อเรื่อง “Sexual Ethics in Buddhism and Islam : A Comparative Study of Buddhist and Muslim University Students’ Attitudes” (จริยธรรมทางเพศในศาสนาพุทธและอิสลาม ศึกษาเปรียบเทียบทัศนคติของนักศึกษาชาวพุทธและมุสลิม) โดย อาจารย์ อัมพร หมาดเด็น ภาควิชาวัฒนธรรมศึกษา (Cultural Studies Program) สำนักวิชาศิลปศาสตร์ (Institute of Liberal Arts) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (Walailak University)

รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ กล่าวต่อว่า จากการศึกษาในภาคเอกสารพบว่า ทั้งสองศาสนาให้ความสำคัญกับจริยธรรมทางเพศ โดยสอนมุ่งเน้นไปทางการควบคุมอารมณ์และการแสดงออกทางเพศ พุทธศาสนาได้กำหนดแนวจริยธรรมทางเพศเป็น 2 ระดับคือ สำหรับนักบวช และฆราวาส ในขณะที่อิสลามใช้มาตรฐานจริยธรรมทางเพศเดียวกันสำหรับผู้ศรัทธา ส่วนการศึกษาภาคสนามถึงทัศนคติเชิงจริยธรรมทางเพศของกลุ่มนักศึกษา ปรากฏว่าทั้งสองกลุ่มยังมีทัศนคติทางจริยธรรมสอดคล้องกับคำสอนทางศาสนาของตนเป็นอย่างมาก แต่กลุ่มแรกมีทัศนคติที่เข้มงวดต่อเรื่องทางเพศน้อยกว่ากลุ่มหลัง ซึ่งได้แก่เรื่องการรักนวลสงวนตัว ความสัมพันธ์ระหว่างเพศชายและเพศหญิง เพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ภาพอนาจาร การแสดงออกทางเพศ ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ การค้าประเวณี การคุมกำเนิด ความเบี่ยงเบนทางเพศ และการทำแท้ง ความแตกต่างของทัศนคติทาง จริยธรรมดังกล่าวอาจมีสาเหตุมาจากลักษณะศาสนาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าทัศนคติเชิงจริยธรรมทางเพศมีความสัมพันธ์กับ เพศ ศาสนา การพักอาศัย ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ความรู้ทางศาสนาและความถี่ในการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา

ฉะนั้น ในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมปัจจุบัน มีผลสำคัญต่อค่านิยมทางเพศของทั้งสองศาสนา ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงควรได้รับการพิจารณาโดยผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาจริยธรรมทางเพศในสังคมไทย ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมฟังการประชุมสัมมนาในครั้งนี้สำรองที่นั่งฟรีได้ที่ มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก อาคารสำนักงานใหญ่ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ในอุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทร. 022580369-73