ฉบับนี้จะกล่าวต่อเรื่องของนัยที่ ๑ ได้แก่ผลกรรม ในเชิงทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐(รหัสผัสสะ)
สิ่งแวดล้อมสัมพันธ์กับผัสสะทางทวารทั้ง ๕
ในการรับผัสสะกับอารมณ์ที่ดีหรือไม่ดีนั้น จะขึ้นอยู่ กับสิ่งแวดล้อมที่ล้อมรอบเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราเป็นตัวกำหนดคือ ถ้าได้สิ่งแวดล้อมที่ดีผัสสะย่อมจะผัสสะกับอารมณ์ที่ดีไปด้วย ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่ดีอารมณ์ที่มาผัสสะก็พลอยไม่ดีไปด้วย คงจะไม่มีใครอยากผัสสะกับเปลวเพลิง หรือมีดปลายแหลม หรือของมีคม หรือผัสสะกับรถยนต์ที่วิ่งเข้ามาชน แต่เราก็พบว่าในโลกนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกไฟคลอกตาย หรือถูกของมีคมทิ่ม แทง หรือถูกฟันจนตาย หรือถูกรถชนตาย หรือพิการจน นับไม่ถ้วน ท่านทราบหรือไม่ว่าทำไมจึงต้องผัสสะกับสิ่งไม่พึงปรารถนาในโอกาสและวาระต่างๆเช่นนั้น ทั้งนี้ก็เพราะเหตุว่าเป็นรหัสกรรมที่โปรแกรมรหัสของผล ให้ผลกรรมปรากฏขึ้นอย่างสอดคล้องกับเหตุที่ได้ทำมา ทุกๆวินาทีกรรมใหม่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกันไปไม่ ขาดสายจนกว่าจะเข้านอน กรรมที่ทำก็วิจิตรหลากหลาย ไปด้วยกุศลบ้าง อกุศลบ้าง จนมีลักษณะเหมือนรหัส ดังนั้นเมื่อเวลารับผลก็จะเกิดผัสสะที่ปัญจทวารอย่างเป็นรหัสชนิดที่สอดรับกับรหัสกรรมคือเหตุที่ทำมาอย่างไม่ผิดเพี้ยนกันเลย รหัสกรรมวิจิตรแค่ไหนรหัสผัสสะ ก็วิจิตรแค่นั้น และรหัสผัสสะวิจิตรแค่ไหนรหัสทวิปัญจวิญญาณจิตก็เกิดขึ้นอย่างวิจิตรแค่นั้นเช่นกัน ลองสังเกต ดูในแต่ละวันว่าเราจะรับรู้ผัสสะทางปัญจทวารอย่างวิจิตร เพียงใด น้ำจะท่วม ไฟจะคลอก รถจะชน คนจะทำร้าย สหายจะหักหลัง ฯลฯ ในวินาทีไหนก็ขึ้นอยู่กับรหัสกรรม ที่ทำมา หรือแม้ไม่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ไม่มีผัสสะหนักๆ ก็มีผัสสะละเอียดๆอย่างวิจิตรในแต่ละวัน อุปมาเหมือนกับนักดนตรีที่เล่นเปียโน ซึ่งจะพรมนิ้วของเขาไปที่คีย์เปียโนอย่างเป็นรหัส เป็นโค้ดทำนองของเพลงแต่ละเพลง ผัสสะที่พรมมาที่ปัญจทวารของเราก็เช่นกัน จะพรมมาที่ทวารทั้ง ๕ ของเราอย่างเป็นรหัส ซึ่งเป็นโค้ดเฉพาะของผลกรรมของแต่ละบุคคล ถ้าท่านเป็นผู้มีวิปัสสนาอยู่โดยปกติ ก็จะเห็นผัสสะในแต่ละวันได้อย่างวิจิตร
นัยที่ ๒ ผลกรรมในเชิงสิ่งแวดล้อม (รหัสสิ่งแวดล้อม)
สิ่งแวดล้อมที่ล้อมรอบตัวเราทุกคนนั้นแวดล้อมแล้ว อย่างเป็นรหัส ทั้งโดยคุณภาพ และตำแหน่งทิศทาง ขอให้เราลองสำรวจดูสิว่า ทิศเหนือ ทิศใต้ของตัวเรา มีสิ่งใดแวดล้อมอยู่ ทิศตะวันออก ตะวันตก มีสิ่งใด ทิศใหญ่ ทิศน้อยรอบๆตัวเรามีสิ่งใด และคุณภาพของสิ่งแวดล้อม นั้นๆเป็นอย่างไรบ้าง หยาบหรือประณีต ทรามหรือดี อย่างไร เมื่อมาสู่คลองผัสสะของเราแล้วก่อให้เกิดความ สุขหรือความทุกข์แค่ไหนบ้าง คนบางคนมีฝากล่องแฟ้บ กล่องบรีส ไม้อัดผุๆ ๒-๓ แผ่นเป็นฝาเรือน มีสังกะสีสนิมเขลอะ ๒-๓ แผ่น เป็นหลังคาพอให้เป็นที่ซุกหัวนอน ด้านทิศตะวันออกเป็นคลองน้ำครำ ทิศเหนือเป็นกองขยะ ทิศใต้เป็นชุมชนสลัมเพื่อนบ้าน บางคนมีชีวิตอยู่ในคฤหาสน์โอฬาร ทิศเหนือของบ้านเป็นสวนดอกไม้ ทิศใต้ เป็นสระน้ำใสสะอาด ทิศตะวันตกเป็นสนามกอล์ฟ ทั้งโดยคุณภาพและตำแหน่งทิศทางล้วนแวดล้อมอย่างเป็น รหัส โดยที่ในชั้นของรายละเอียดนั้น หมายถึงในขณะแห่งวินาทีหนึ่งๆ เราต้องไปอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมอย่างไร เรื่องการรับผลของกรรมนั้นอย่าไปนับเป็นเวลายาวๆ ทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปี เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วเรารับผลกันแค่วินาทีหนึ่งๆเท่านั้น และต้องเป็น ณ ขณะปัจจุบันคือวินาทีนี้เท่านั้นที่ดับไป เมื่อวินาทีที่แล้วไม่ใช่และที่ยังไม่มาถึงก็ยังไม่มี ที่มีจริงคือผัสสะ ณ วินาทีนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นกรรมจะให้ผลเป็นขณะปัจจุบันทีละ ขณะต่อเนื่องกันไป แรงกรรมจะส่งผลให้เกิดปัจจยาการ กำหนดเงื่อนไข ความจำเป็นให้เราต้องไปอยู่ในสิ่งแวด ล้อมใดสิ่งแวดล้อมหนึ่งอยู่ทุกวินาที แล้วก็จะต้องรับผัสสะจากสิ่งแวดล้อมนั้นในวินาทีนั้นๆ ถ้าเป็นผลของกรรมดีก็จะผัสสะกับอารมณ์ที่ดี(อิฏฐารมณ์) ถ้าเป็นผลของกรรมชั่วก็จะผัสสะกับอารมณ์ไม่ดี(อนิฏฐารมณ์) ขอย้ำว่าทุกวินาทีที่ผัสสะกระทบ ล้วนเกิดจากปัจจยาการกำหนดสิ่งแวดล้อม วัตถุ ทวารอารมณ์ ตามสมควรแก่เหตุ คือกรรมที่ทำมา โดยผลกรรมจะชักนำปัจจัยอุปกรณ์มาประชุมกันผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นในวินาทีหนึ่งๆ ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเป็นอารมณ์สามัญปานกลาง ผัสสะแล้วไม่สุข ไม่ทุกข์มากนัก นั่นเป็นเพราะว่าเวลาทำกรรมเราก็ไม่ได้ทำดีมากนักไม่ทำชั่วมากนัก ทำกรรมแบบกลางๆ แต่ถ้าเมื่อใดถูกรถชน ไฟคลอก แผ่นดินไหว ตึกถล่ม ทุเรียนหล่นใส่หัว ถูกลูกปืน ถูกมีด หอก แหลนหลาว ของมีคมแทงใส่ เหล่านี้ก็ให้ทราบว่าเป็นผลของอกุศลกรรมที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก หรือถ้าถูกรางวัลได้รถได้บ้านหรือถูกลอตเตอรี่รางวัลสำคัญ หรือร่ำรวยจากกิจกรรมใดๆ ก็ให้ทราบว่าเป็นผลของกุศลกรรมความดีที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเรื่องแรงกรรมที่ชักนำปัจจัยอุปกรณ์มาประชุมรวมกันเพื่อผลักดันให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นในครั้งหนึ่งๆ และบุคคลผู้ถึงวาระจะเสวยผลกรรมก็ จะต้องได้เสพผัสสะในเหตุการณ์นั้นๆ โดยหลีกหนีไม่พ้น ซึ่งเป็นการรับผลของกรรมในวินาทีหนึ่งๆ อย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อนมีหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า มีรถสิบ ล้อคันหนึ่งวิ่งชนราวสะพานพระปิ่นเกล้าร่วงลงไปในแม่ น้ำเจ้าพระยา เรือลำหนึ่งผ่านมาใต้สะพานพอดี รถสิบล้อ ตกใส่เรือเข้าอย่างจังทั้งคนในรถและคนในเรือต่างก็จมน้ำตายทั้งหมดไม่น่าเชื่อ ลำหนึ่งแล่นมาทางน้ำ อีกคันหนึ่งวิ่งมาทางบกแท้ๆ แต่กลับมาเจอกันได้ เมื่อผลกรรม สุกงอมแล้วจะสร้างปัจจยาการกำหนดผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นในวินาทีหนึ่งๆ เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพียงใดถ้าอยู่ๆมีใครมาบอกว่ารถแล่นไปชนกับเรือ ถ้าไม่ใช่ผลแห่งกรรมแล้วอะไรจะทำเรื่องประหลาดเช่นนี้ได้
ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง มีรถบรรทุกสิบล้อมาจอดพักรถเพื่อเติมน้ำมันและทานข้าว ในระหว่างที่จอดพักอยู่นั้นคนขับได้ใช้สันมีดพร้าดายหญ้าเคาะที่ล้อยางรถ ในขณะที่เคาะตั้งแต่ล้อยางเส้นแรกเรื่อยมาจนกระทั่งล้อยางเส้นสุดท้าย ล้อยางเส้นนั้นก็เกิดระเบิดตูมตามขึ้น แรงระเบิดทำให้มีดที่เขาใช้เคาะอยู่นั้นตีกลับผ่าเข้าที่กลางหน้าผากของตัวเองเหมือนผ่าแตงโม
ณ ที่สนามหน้าวัดแห่งหนึ่ง มีคนเอาไม้หน้าสาม ขนาดยาวเท่าแขนขว้างฝักมะขาม ไม้ท่อนนั้นขึ้นไปค้างอยู่บนกิ่งมะขามนั้น อีก ๒-๓ วันต่อมา สามเณรตัวน้อยลงไปเล่นแถวโคนต้นมะขาม ขณะนั้นได้เกิดลมพัดกรรโชก กิ่งไม้ไหว ไม้ท่อนนั้นตกลงมาถูกศีรษะสามเณรถึงแก่มรณภาพ
เครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านน่านฟ้าออสเตรเลียพอดีเกิด ขัดข้องทางเทคนิค กัปตันจำเป็นต้องตัดสินใจนำเครื่องลง สู่ภาคพื้นดิน เขามองหาทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ในแถบนั้น แล้วก็นำเครื่องบินร่อนลง ปรากฏว่ามีวัวฝูงใหญ่กำลัง เดินเล็มหญ้าอยู่ในทุ่งนั้น เครื่องบินลำขนาดมหึมาพุ่งเข้าชนฝูงวัวตายระเนระนาดเหมือนลูกโบว์ลิ่งกวาดพินส์
เวลารับผลกรรมนั้นใช้เวลาเพียงชั่วกระพริบตาเท่า นั้นเอง โดยให้ในรูปของผัสสะชั่วขณะหนึ่งๆ รุนแรงบ้าง ไม่รุนแรงบ้าง ทั้งในฝ่ายสุขและทุกข์ ในบางกรณีสถานการณ์ยืดเยื้อก็ให้ทราบว่าเป็นการรับผลโดยขณะย่อยๆ ต่อเนื่องกันไปนั่นเอง
(อ่านต่อฉบับหน้า)
สิ่งแวดล้อมสัมพันธ์กับผัสสะทางทวารทั้ง ๕
ในการรับผัสสะกับอารมณ์ที่ดีหรือไม่ดีนั้น จะขึ้นอยู่ กับสิ่งแวดล้อมที่ล้อมรอบเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราเป็นตัวกำหนดคือ ถ้าได้สิ่งแวดล้อมที่ดีผัสสะย่อมจะผัสสะกับอารมณ์ที่ดีไปด้วย ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่ดีอารมณ์ที่มาผัสสะก็พลอยไม่ดีไปด้วย คงจะไม่มีใครอยากผัสสะกับเปลวเพลิง หรือมีดปลายแหลม หรือของมีคม หรือผัสสะกับรถยนต์ที่วิ่งเข้ามาชน แต่เราก็พบว่าในโลกนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกไฟคลอกตาย หรือถูกของมีคมทิ่ม แทง หรือถูกฟันจนตาย หรือถูกรถชนตาย หรือพิการจน นับไม่ถ้วน ท่านทราบหรือไม่ว่าทำไมจึงต้องผัสสะกับสิ่งไม่พึงปรารถนาในโอกาสและวาระต่างๆเช่นนั้น ทั้งนี้ก็เพราะเหตุว่าเป็นรหัสกรรมที่โปรแกรมรหัสของผล ให้ผลกรรมปรากฏขึ้นอย่างสอดคล้องกับเหตุที่ได้ทำมา ทุกๆวินาทีกรรมใหม่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกันไปไม่ ขาดสายจนกว่าจะเข้านอน กรรมที่ทำก็วิจิตรหลากหลาย ไปด้วยกุศลบ้าง อกุศลบ้าง จนมีลักษณะเหมือนรหัส ดังนั้นเมื่อเวลารับผลก็จะเกิดผัสสะที่ปัญจทวารอย่างเป็นรหัสชนิดที่สอดรับกับรหัสกรรมคือเหตุที่ทำมาอย่างไม่ผิดเพี้ยนกันเลย รหัสกรรมวิจิตรแค่ไหนรหัสผัสสะ ก็วิจิตรแค่นั้น และรหัสผัสสะวิจิตรแค่ไหนรหัสทวิปัญจวิญญาณจิตก็เกิดขึ้นอย่างวิจิตรแค่นั้นเช่นกัน ลองสังเกต ดูในแต่ละวันว่าเราจะรับรู้ผัสสะทางปัญจทวารอย่างวิจิตร เพียงใด น้ำจะท่วม ไฟจะคลอก รถจะชน คนจะทำร้าย สหายจะหักหลัง ฯลฯ ในวินาทีไหนก็ขึ้นอยู่กับรหัสกรรม ที่ทำมา หรือแม้ไม่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ไม่มีผัสสะหนักๆ ก็มีผัสสะละเอียดๆอย่างวิจิตรในแต่ละวัน อุปมาเหมือนกับนักดนตรีที่เล่นเปียโน ซึ่งจะพรมนิ้วของเขาไปที่คีย์เปียโนอย่างเป็นรหัส เป็นโค้ดทำนองของเพลงแต่ละเพลง ผัสสะที่พรมมาที่ปัญจทวารของเราก็เช่นกัน จะพรมมาที่ทวารทั้ง ๕ ของเราอย่างเป็นรหัส ซึ่งเป็นโค้ดเฉพาะของผลกรรมของแต่ละบุคคล ถ้าท่านเป็นผู้มีวิปัสสนาอยู่โดยปกติ ก็จะเห็นผัสสะในแต่ละวันได้อย่างวิจิตร
นัยที่ ๒ ผลกรรมในเชิงสิ่งแวดล้อม (รหัสสิ่งแวดล้อม)
สิ่งแวดล้อมที่ล้อมรอบตัวเราทุกคนนั้นแวดล้อมแล้ว อย่างเป็นรหัส ทั้งโดยคุณภาพ และตำแหน่งทิศทาง ขอให้เราลองสำรวจดูสิว่า ทิศเหนือ ทิศใต้ของตัวเรา มีสิ่งใดแวดล้อมอยู่ ทิศตะวันออก ตะวันตก มีสิ่งใด ทิศใหญ่ ทิศน้อยรอบๆตัวเรามีสิ่งใด และคุณภาพของสิ่งแวดล้อม นั้นๆเป็นอย่างไรบ้าง หยาบหรือประณีต ทรามหรือดี อย่างไร เมื่อมาสู่คลองผัสสะของเราแล้วก่อให้เกิดความ สุขหรือความทุกข์แค่ไหนบ้าง คนบางคนมีฝากล่องแฟ้บ กล่องบรีส ไม้อัดผุๆ ๒-๓ แผ่นเป็นฝาเรือน มีสังกะสีสนิมเขลอะ ๒-๓ แผ่น เป็นหลังคาพอให้เป็นที่ซุกหัวนอน ด้านทิศตะวันออกเป็นคลองน้ำครำ ทิศเหนือเป็นกองขยะ ทิศใต้เป็นชุมชนสลัมเพื่อนบ้าน บางคนมีชีวิตอยู่ในคฤหาสน์โอฬาร ทิศเหนือของบ้านเป็นสวนดอกไม้ ทิศใต้ เป็นสระน้ำใสสะอาด ทิศตะวันตกเป็นสนามกอล์ฟ ทั้งโดยคุณภาพและตำแหน่งทิศทางล้วนแวดล้อมอย่างเป็น รหัส โดยที่ในชั้นของรายละเอียดนั้น หมายถึงในขณะแห่งวินาทีหนึ่งๆ เราต้องไปอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมอย่างไร เรื่องการรับผลของกรรมนั้นอย่าไปนับเป็นเวลายาวๆ ทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปี เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วเรารับผลกันแค่วินาทีหนึ่งๆเท่านั้น และต้องเป็น ณ ขณะปัจจุบันคือวินาทีนี้เท่านั้นที่ดับไป เมื่อวินาทีที่แล้วไม่ใช่และที่ยังไม่มาถึงก็ยังไม่มี ที่มีจริงคือผัสสะ ณ วินาทีนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นกรรมจะให้ผลเป็นขณะปัจจุบันทีละ ขณะต่อเนื่องกันไป แรงกรรมจะส่งผลให้เกิดปัจจยาการ กำหนดเงื่อนไข ความจำเป็นให้เราต้องไปอยู่ในสิ่งแวด ล้อมใดสิ่งแวดล้อมหนึ่งอยู่ทุกวินาที แล้วก็จะต้องรับผัสสะจากสิ่งแวดล้อมนั้นในวินาทีนั้นๆ ถ้าเป็นผลของกรรมดีก็จะผัสสะกับอารมณ์ที่ดี(อิฏฐารมณ์) ถ้าเป็นผลของกรรมชั่วก็จะผัสสะกับอารมณ์ไม่ดี(อนิฏฐารมณ์) ขอย้ำว่าทุกวินาทีที่ผัสสะกระทบ ล้วนเกิดจากปัจจยาการกำหนดสิ่งแวดล้อม วัตถุ ทวารอารมณ์ ตามสมควรแก่เหตุ คือกรรมที่ทำมา โดยผลกรรมจะชักนำปัจจัยอุปกรณ์มาประชุมกันผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นในวินาทีหนึ่งๆ ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเป็นอารมณ์สามัญปานกลาง ผัสสะแล้วไม่สุข ไม่ทุกข์มากนัก นั่นเป็นเพราะว่าเวลาทำกรรมเราก็ไม่ได้ทำดีมากนักไม่ทำชั่วมากนัก ทำกรรมแบบกลางๆ แต่ถ้าเมื่อใดถูกรถชน ไฟคลอก แผ่นดินไหว ตึกถล่ม ทุเรียนหล่นใส่หัว ถูกลูกปืน ถูกมีด หอก แหลนหลาว ของมีคมแทงใส่ เหล่านี้ก็ให้ทราบว่าเป็นผลของอกุศลกรรมที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก หรือถ้าถูกรางวัลได้รถได้บ้านหรือถูกลอตเตอรี่รางวัลสำคัญ หรือร่ำรวยจากกิจกรรมใดๆ ก็ให้ทราบว่าเป็นผลของกุศลกรรมความดีที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเรื่องแรงกรรมที่ชักนำปัจจัยอุปกรณ์มาประชุมรวมกันเพื่อผลักดันให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นในครั้งหนึ่งๆ และบุคคลผู้ถึงวาระจะเสวยผลกรรมก็ จะต้องได้เสพผัสสะในเหตุการณ์นั้นๆ โดยหลีกหนีไม่พ้น ซึ่งเป็นการรับผลของกรรมในวินาทีหนึ่งๆ อย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อนมีหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า มีรถสิบ ล้อคันหนึ่งวิ่งชนราวสะพานพระปิ่นเกล้าร่วงลงไปในแม่ น้ำเจ้าพระยา เรือลำหนึ่งผ่านมาใต้สะพานพอดี รถสิบล้อ ตกใส่เรือเข้าอย่างจังทั้งคนในรถและคนในเรือต่างก็จมน้ำตายทั้งหมดไม่น่าเชื่อ ลำหนึ่งแล่นมาทางน้ำ อีกคันหนึ่งวิ่งมาทางบกแท้ๆ แต่กลับมาเจอกันได้ เมื่อผลกรรม สุกงอมแล้วจะสร้างปัจจยาการกำหนดผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นในวินาทีหนึ่งๆ เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพียงใดถ้าอยู่ๆมีใครมาบอกว่ารถแล่นไปชนกับเรือ ถ้าไม่ใช่ผลแห่งกรรมแล้วอะไรจะทำเรื่องประหลาดเช่นนี้ได้
ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง มีรถบรรทุกสิบล้อมาจอดพักรถเพื่อเติมน้ำมันและทานข้าว ในระหว่างที่จอดพักอยู่นั้นคนขับได้ใช้สันมีดพร้าดายหญ้าเคาะที่ล้อยางรถ ในขณะที่เคาะตั้งแต่ล้อยางเส้นแรกเรื่อยมาจนกระทั่งล้อยางเส้นสุดท้าย ล้อยางเส้นนั้นก็เกิดระเบิดตูมตามขึ้น แรงระเบิดทำให้มีดที่เขาใช้เคาะอยู่นั้นตีกลับผ่าเข้าที่กลางหน้าผากของตัวเองเหมือนผ่าแตงโม
ณ ที่สนามหน้าวัดแห่งหนึ่ง มีคนเอาไม้หน้าสาม ขนาดยาวเท่าแขนขว้างฝักมะขาม ไม้ท่อนนั้นขึ้นไปค้างอยู่บนกิ่งมะขามนั้น อีก ๒-๓ วันต่อมา สามเณรตัวน้อยลงไปเล่นแถวโคนต้นมะขาม ขณะนั้นได้เกิดลมพัดกรรโชก กิ่งไม้ไหว ไม้ท่อนนั้นตกลงมาถูกศีรษะสามเณรถึงแก่มรณภาพ
เครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านน่านฟ้าออสเตรเลียพอดีเกิด ขัดข้องทางเทคนิค กัปตันจำเป็นต้องตัดสินใจนำเครื่องลง สู่ภาคพื้นดิน เขามองหาทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ในแถบนั้น แล้วก็นำเครื่องบินร่อนลง ปรากฏว่ามีวัวฝูงใหญ่กำลัง เดินเล็มหญ้าอยู่ในทุ่งนั้น เครื่องบินลำขนาดมหึมาพุ่งเข้าชนฝูงวัวตายระเนระนาดเหมือนลูกโบว์ลิ่งกวาดพินส์
เวลารับผลกรรมนั้นใช้เวลาเพียงชั่วกระพริบตาเท่า นั้นเอง โดยให้ในรูปของผัสสะชั่วขณะหนึ่งๆ รุนแรงบ้าง ไม่รุนแรงบ้าง ทั้งในฝ่ายสุขและทุกข์ ในบางกรณีสถานการณ์ยืดเยื้อก็ให้ทราบว่าเป็นการรับผลโดยขณะย่อยๆ ต่อเนื่องกันไปนั่นเอง
(อ่านต่อฉบับหน้า)