ถ้ากล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น เราอาจคิดถึงประเทศที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีศิลปะที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับความทันสมัยสไตล์ประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยี แต่ในอีกด้านหนึ่ง ญี่ปุ่นยังมีมรดกอันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์พุทธศาสนาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ วัดโฮริวจิ(Horyu-ji) ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น มีความเป็นมาที่น่าสนใจ และเป็นหนึ่งในมรดกโลกด้วย
วัดวัดโฮริวจิตั้งอยู่ที่เมืองอิคะรุกะ ในเขตปกครองนารา เป็นวัดที่เจ้าชายโชโตกุ (Shotoku) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.607 เจ้าชายพระองค์นี้ได้ทรงยกย่องและเชิดชูพระพุทธศาสนา ถึงขนาดประกาศพระราชโองการเชิดชูพระรัตนตรัยขึ้นมา รวมทั้งได้ทรงแต่งคัมภีร์อรรถกถาขึ้นมาด้วย กล่าวได้ว่าในสมัยของพระองค์นั้นพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก ประชาชนต่างแข่งกันสร้างวัดและสำนักปฏิบัติธรรมเป็นอันมาก นอกจากนี้ยังทรงแสดงพระธรรมเทศนาซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นการแสดงเทศนาเกี่ยวกับพระสูตรในประเทศญี่ปุ่น
เจ้าชายโชโตกุสิ้นพระชนม์เมื่อปี 622 ประชาชนต่างเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก จึงได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปขนาดเท่าองค์เจ้าชายโชโตกุขึ้น 1 องค์ และประดิษฐานไว้เป็นอนุสรณ์ที่วัดโฮริวจิ
หลังสิ้นเจ้าชายโชโตกุ พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นก็ค่อยเสื่อมลง เช่นเดียวกับวัดโฮริวจิที่ได้ถูกไฟไหม้และพังทลายลงในช่วงปี ค.ศ.670 อาคารที่เหลือส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบของวัดด้านตะวันตกหรือที่เรียกว่า ไซอิน (Sai-in) จากนั้นวัดและอาคารเกือบทั้งหมดจึงได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งเรื่อยมา จนเสร็จสมบรูณ์ ในปี 711 ในขณะที่อาคารของวัดส่วนด้านตะวันตก ที่เรียกว่า โตอิน (To-in) ได้สร้างขึ้นเมื่อปี 739 ในพระราชวังของเจ้าชายโชโตกุที่อิคะรุกะ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับเจ้าชายโชโตกุนั่นเอง
หอประชุมหลักของไซอิน ที่เรียกว่า ‘คอนโดะ(Kondo)’ สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 680 ตามมาด้วยเจดีย์ ประตูด้านใน และระเบียง โดยตามระเบียงจะมีหอระฆังและหอฟังธรรมที่ดีที่สุดซึ่งเพิ่งสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในศตวรรษที่ 10 วัดและอาคารทั้งหมดนี้ มีบันทึกกล่าวว่าเป็นสิ่งก่อสร้างจากไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ จากการศึกษาพบว่า วัดนี้ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของจีนยุคศตวรรษที่ 6 โดยดูได้จากการโครงสร้างและการตกแต่งภายในวัดนี้นั่นเอง
ส่วนหอประชุมหลักของโตอิน เรียกว่า ‘ยูเมะโดะโนะ(Yumedono)’ หรือ ‘หอแห่งความฝัน(Dream Hall)’ ซึ่งเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยมที่มีความหรูหรางดงาม ระเบียงรอบๆ ยูเมะโดะโนะ เรียกว่า ‘ไรโดะ(Raido)’ ซึ่งคือ หอสวดมนต์ นั่นเอง นอกจากนี้ยังมี ‘เดนโปะโดะ(Denpodo)’ ซึ่งเป็นหอฟังธรรม ส่วนอาคารต่างๆได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในศตวรรษที่ 13
เนื่องจากโครงสร้างที่ทำจากไม้จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาอย่างประณีต ดังนั้น เพื่อที่จะถนอมรักษามรดกนี้ไว้ จึงมีการสร้างใหม่และซ่อมแซมขนานใหญ่ ในทุกๆ 100 ปี ซึ่งในระหว่าง ปี 1933 ถึง 1953 ได้มีการรื้ออาคารทุกอาคาร และทำการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับโครงสร้างเก่าดั้งเดิมทุกประการ
ในเดือนธันวาคม ปี 1993 วัดโฮริวจิและอาคารต่างๆที่อยู่ในบริเวณเดียวกันนั้นก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดก โลกของยูเนสโก(UNESCO’s World Heritage)ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นอาคารที่ทำจากโครงสร้างไม้ที่มีความโดดเด่นที่ สุดในโลก และเก่าแก่มาหลายยุคหลายสมัยนับแต่ศตวรรษที่ 7 จวบจนถึงศตวรรษที่ 19 และได้รับการดูแลรักษาอย่าง เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ทางการญี่ปุ่นได้นำภาพวัดโฮริวจิมาจัดทำเป็นแสตมป์ เมื่อเดือนเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1967 และจัดทำแสตมป์ ภาพพระฉายาลักษณ์ของเจ้าชายโชโตกุ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2000