เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โครงการ ผู้จัดการสุขภาพได้จัดงานอุทยานอนุรักษ์สุขภาพ ครั้งที่ 8 ณ บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ กทม. ซึ่งภายในงานได้จัดให้มีการเสวนาธรรมเรื่องรหัสกรรม โดยมี พระอาจารย์วัลลภ ชวนปัญโญ วัดสุวรรณประสิทธิ์ กรุงเทพฯ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ร่วมเสวนา
นสพ.ธรรมลีลาเห็นว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก จึงขอนำมาถ่ายทอดไว้ ณ ที่นี้
คุณสนธิ : การเกิดของศาสนานั้นไม่เหมือนกัน ศาสนาพุทธเกิดในช่วงที่แผ่นดินเป็นสุข คนเห็นแก่ สุข แต่พระพุทธเจ้าซึ่งละจากเพศฆราวาส มาเป็นนักบวช บอกว่าสุขที่เห็นนั้นไม่ใช่สุขที่แท้จริง แต่ศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามเกิดในยุคที่บ้านเมือง ลุกเป็นไฟ มีการฆ่ากัน มีการชิงดีชิงเด่นกัน
มีคนพูดกันว่าศาสนาพุทธเป็น passive เข้าไปนับถือแล้วถอยหลัง หยุดอยู่กับที่ มันไม่สามารถที่จะพัฒนาชาติบ้านเมืองไปได้ ส่วนศาสนาคริสต์เป็น active ต่างกันยังไง พุทธสอนให้คนทำมาหากิน ประกอบอาชีพสุจริต มีพรหมวิหาร 4 แต่ศาสนาคริสต์เริ่มจากการสอนว่าให้ขยันเอาไว้ ซึ่งพุทธก็สอนเหมือนกันว่าให้ขยัน แต่ขยันแบบมีอิทธิบาท 4 ฝรั่งและคนไทยตอนนี้บ้าเรื่อง MBA กันมาก พูดกันแต่เรื่องธรรมรัฐ แต่ผมว่าสู้ ‘มรรคแปด’ไม่ได้ แต่พอเรียนบริหารเพื่อศึกษาการบริหารที่บรรลุเป้าหมายทำอย่างไร เสียเงินกันมาก แต่ทุกคนก็มาตายกันที่ธรรมง่ายๆคือ อิทธิบาท 4 พระพุทธเจ้าสอนให้ เรารักในงานที่เราทำ มีความเพียร วิริยะ จิตใจมุ่งมั่น และมีการวางแผนในการทำงาน เรากลับไม่สน ใจ ซึ่งเป็นหลักของการบริหาร
ครูบาอาจารย์สอนว่า 1.คนเราให้คิดดีทำดีเข้าไว้ 2.หลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่ทำให้สัตว์โลกและคนอื่นเดือนร้อน ผมเคยเจอในเรื่องของกรรม สมัยตอน 10 ขวบ ซนมาก ผมเตะแมวที่ท้อง แมวปวดท้อง และตาย พอโตแล้วธาตุทางท้องผมอ่อนมาก ท้องเสียบ่อย วันดีคืนดีเหมือนคนไวรัสลงท้อง การถ่ายไม่ปกติ จนบวชเมื่อปี 2540 ผมเล่าให้หลวงพ่อฟัง ท่านบอกว่า คนเราวันหนึ่งต้องใช้กรรม ผมถามว่า ผมต้องทำยังไง ท่านบอกว่า เวลานั่งสมาธิ เดินจงกรม ทำอะไรก็ ตาม ให้แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้แมวตัวนั้นตลอด เวลา ผมทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงหลังธาตุอ่อนที่เคยมีมาเพิ่งจะทยอยหายไป เพิ่งจะหายหลังจากปฏิบัติมาตลอด ผมอยากจะถามท่านอาจารย์วัลลภว่าเป็นลักษณะการล้างบาปแบบของพุทธหรือเปล่า เพราะว่าทางคริสต์เขาถือว่าพอเข้าไปคุยกับหลวงพ่อ ก็ตัวปลิวออกมาแล้ว บาปหมดแล้ว
เท่าที่ฆราวาสอย่างผมจะเข้าใจ ผมพยายามนำหลักวิทยาศาสตร์เข้ากับหลักทางพุทธศาสนา ผมใช้ กระบวนทัศน์ของ Law of Compensation คือหลักกฎแห่งกรรม ในแง่ของวิทยาศาสตร์ก็คือว่า ถ้าเราเอามือเราชกกำแพง กำแพงก็จะมีความแข็งสะท้อนทำให้เราเจ็บ หมายความว่าเราทำกรรมอะไรไว้กรรม ก็จะย้อนกลับมาที่ตัวเรา แต่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไป มาก เกิดการเอาชนะธรรมชาติขึ้นมา มีการโคลนนิ่ง สร้างตัวอ่อนขึ้นมาแล้วเอาผสมกัน สร้างคนขึ้นมาได้ มีลักษณะเหมือนผมทุกอย่าง แล้วจิตใจจะเหมือนหรือไม่ จิตใจรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือไม่ ว่ากันว่า ในเกาะแห่งหนึ่งทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีสถาบันวิจัยทำโคลนนิ่งมนุษย์ได้แล้ว แต่ยังไม่กล้าประกาศออกมา เราจะถามท่านอาจารย์วัลลภในเรื่องนี้ด้วย
กราบนิมนต์อาจารย์อธิบายให้พวกเราฟังเรื่องรหัสกรรมในความเข้าใจของพระอาจารย์วัลลภครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องของรหัสกรรมในพุทธศาสนา การกระทำและคำพูดยังไม่ใช่กรรม เจตนาต่างหากที่เป็นตัวกรรม การกระทำและคำพูดเป็นอุปกรณ์ให้เจตนาใช้ไปทำกรรม เวลารักษาผู้ป่วยเอา อุปกรณ์การแพทย์ไปรักษา ถามว่าระหว่างอุปกรณ์ และแพทย์ ใครเป็นผู้รักษา ก็ต้องตอบว่า แพทย์เป็นผู้รักษา แพทย์ใช้เครื่องมือรักษาคนป่วยฉันใด เจตนาก็ใช้กายวาจาใจไปทำกรรมฉันนั้นแหละ พระ พุทธเจ้าตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตกล่าวว่า เจตนานั้นแหละเป็นกรรม
คุณสนธิ : ถ้าอย่างนั้นแล้วคนคนหนึ่งเกลียดคนหนึ่ง แล้วก็พูดให้ร้ายป้ายสีตลอดเวลา ปล่อยให้เขาเสียหาย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง คนนี้ก็ผิดศีลข้อมุสาวาจา เมื่อผิดศีลแล้วนี้อาจารย์ว่าคนนี้ไม่ทำกรรมหรือครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ทำโดยเจตนาเป็นตัวกรรม ไม่เอาเสียง กล่องเสียง หรือสายเสียง องคาพยพเป็น ตัวกรรม
คุณสนธิ : ถ้าจิตคิดก็ถือว่ากรรมแล้วเหรอครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ถ้าจิตคิดเข้าข่าย 3 อย่าง เป็นการพยาบาทให้เขาพินาศ อยากได้ของเขามาเป็นของตัวโดยไม่ชอบธรรม มิจฉาทิฐิว่านรกสวรรค์ ไม่มีจริง กฎแห่งกรรมไม่มีจริง 3 อย่างนี้เข้าข่ายมโนกรรม ที่ระบุเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาเราตักข้าวใส่ บาตรพระ หยิบไม้ตีหมาหรือพูดด่าคน บาปไม่ได้เกิด ที่เนื้อเยื่อ กระดูก กล่องเสียง สายเสียง หรือคลื่นเสียง บาปเกิดที่ใจ เพราะเจตนาเป็นเหตุ เจตนา เมื่อจะทำกายวาจาใจให้สำเร็จต้องพึ่งปาก พึ่งวาจาเพื่อเป็นอุปกรณ์ เจตนาเมื่อจะทำทางกายต้องพึ่งกายภาพให้เคลื่อนไหว อย่างนั้นคือใช้กายไปทำกรรม แม้อย่างนั้นเขาก็ไม่ได้นับกรรมกันที่กายที่เคลื่อนไหว ไม่ได้นับเป็นกรรมที่วาจาที่เป็นคลื่นเสียง ยังคงนับเป็นกรรมที่มโนกรรม ถ้านับกันจริงๆแล้ว ลึกๆคือ การกระทำและคำพูดเป็นผลของกรรม ที่เขาเรียกว่า “สหชาตผล” ผลที่เกิดพร้อมเจตนา ผลที่เกิดพร้อมกรรม เวลาเราทำกรรมแล้วให้ผล จะเกิดผล 2 ชนิด
ผลที่เกิดพร้อม “สหชาตะ” ผลที่เกิดร่วมพร้อม หลังจากนั้นแล้วเป็นผลที่ให้ตามหลัง ไปเวียนว่ายตายเกิดในนรกสวรรค์ สุขทุกข์ยากดีมีจน ทำไมนับกายที่เคลื่อนไหวว่าสหชาตผล เพราะมันเกิดร่วมกับเจตนา แล้วมันไปประกาศให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองทำชั่ว อย่างท่านทั้งหลายมานั่งอยู่นี่ก็เป็นการประกาศให้รู้ว่ามาฟังธรรมอยู่นะ เลยกลายเป็นว่าคนให้เกียรติ ยกย่อง สมาธิเป็นอากัปกิริยาทางกาย เป็นสหชาตผล ที่ทรงเกียรติ ศักดิ์สิทธิ์มาก ในวัฒนธรรมเรา คนจะยกย่อง แต่ถ้าเราไปจั่วไพ่ กินเหล้า คนเขามองว่าไม่ได้เรื่อง เขาก็ไม่นับถือ..นี่เป็นผล
ขอบเขตและความหมายของคำว่ากรรม หมายถึง เจตนาทางใจ ที่นี้เวลาทำกรรมเราจะทำอย่างเป็นรหัส รหัสอย่างไร ยกตัวอย่างใครคนหนึ่งตื่นนอนขึ้นมา 6 โมงเช้า หุงข้าวไปใส่บาตรตอน 6 โมงครึ่ง เสร็จแล้ว กลับมาหาข้าวให้พ่อแม่ทาน 6 โมง 45 อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวไปทำงาน เปิดประตูออกมา เจอหมาขวาง ทางอยู่ หนำซ้ำกัดรองเท้าอีกต่างหาก เลยเตะหมา ไป ทีนี้ไปขึ้นรถเมล์นั่งไปสักพักเห็นคนแก่ขึ้นมาไม่มีที่นั่งเลยลุกขึ้นสละที่ให้คนแก่นั่ง 7 โมง 15 เดินไปสักพักมีคนเหยียบเท้า เลยด่ามันไปตอน 7 โมงครึ่ง มนุษย์เราก็จะอย่างนี้ ทำดีทำชั่วสลับกัน ไม่มีใคร เลยที่ทำดีอย่างเดียว ไม่มีใครเลยที่ทำชั่วอย่างเดียวตลอดเวลา
ทีนี้เราเอาชีวิตของคนนี้มาทำเป็นกราฟ เลข 1-12 แทนค่าบุญและบาป เลขยิ่งสูงบุญก็ยิ่งมาก เลขยิ่งต่ำ บาปก็ยิ่งแรง อย่างเราเข้าวิปัสสนากรรมฐานนี่ เลขสูง 11-12 จากผลดังกล่าวนี่ ตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า บุญก็ไม่ใช่ บาปก็ไม่เชิงนะ ก็เป็นเลข 6 กลางๆ คำว่ากลางๆในที่นี้หมายความว่าบุญบาปไม่ปรากฏชัด แต่กรรมกลางๆที่ไม่บุญไม่บาปไม่มีในโลก จะต้องเป็นกุศลและอกุศลอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ผู้ที่จะทำอะไรแล้วเป็นกรรมกลางๆไม่บุญไม่บาปมีอยู่พวกเดียวเท่านั้น คือ อรหันต์ เพราะทำอะไรแล้วเป็นกิริยา พูดอะไรแล้วเป็นกิริยา
ตื่นมาอยู่ที่เลข 6 ไปใส่บาตรอยู่ที่เลข 8 หาข้าวให้พ่อแม่ทานขึ้นเลข 10 แล้ว พ่อแม่เป็นอรหันต์ของ ลูก ห้ามล่วงเกิน ห้ามทำร้ายน้ำใจ ต้องปรนนิบัติดูแล สุดความสามารถของเรา ทีนี้ไปเตะหมา กราฟจะลง ลุกให้นั่งกราฟขึ้น ด่าเขาอีก กราฟก็ลงอีก มีลักษณะอย่างนี้
ถ้าเปลี่ยนจากกราฟมาเป็นบาร์โค้ด ก็ได้รหัสบาร์โค้ดอย่างนี้ แท่งยิ่งหนาบุญยิ่งมาก แท่งยิ่งผอมบางบาปก็ยิ่งมาก มันแสดงค่าความหมายได้ว่า บุญ-บุญ-บุญ-บาป-บุญ-บาป-บาป ชีวิตจะเป็นอย่างนี้ ผลของกรรมก็ต่างกัน ถ้าเราทำสลับ ชีวิตก็เจอเรื่องดีบ้างเลวบ้างสลับกันไป ถ้าเราทำดีชีวิตก็พบเจอเรื่องดีๆตลอดเวลา ดังนั้นในชีวิตก็ขอให้ทำดีมากที่สุด ให้ตลอดเวลาคงเป็นไปไม่ได้ แต่ให้มากที่สุด เวลาผลที่ได้รับก็จะได้สุขยิ่งต่อไป
เอาล่ะ ..ก่อนหน้านี้ตัวเลขไม่มีที่สิ้นสุด บาร์โค้ดนี้ถ้าเปรียบไปก็เหมือนทางม้าลาย ทางม้าลายของแต่ ละคนยาวมาก มันสามารถพันรอบโลกได้เป็นอินฟินิตี้ ไม่มีที่สิ้นสุด เอ๊ะ.. ทำไมเราไม่หยุดทำกรรมสักที ทำไม่ได้ มันอยากทำ
คุณสนธิ : รวมถึงชาติที่แล้วหรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : รวม.. เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง กรรมคือปัจจุบันเดี๋ยวนี้ เพราะอยากพูดตลอดเวลา อยากทำตลอดเลวลา ทำไมไม่หยุดพูด เพราะเราอยาก กรรมใหม่ๆเกิดทุกวินาที ดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นรหัสตัวเลขสูงบ้างต่ำบ้าง ทำแล้วเกิดกรรมใหม่ โดยทั่วไปแล้วกิจกรรมของมนุษย์มักไม่มีความ หมายอยู่ในบุญและบาปมาก อาบน้ำ กินข้าว ขึ้นรถ พิมพ์คอมพิวเตอร์ กรรมพวกนี้ไม่มีน้ำหนักบุญและบาป ไปสูญหายอยู่ในสังสารวัฏ ไม่ส่งผลอยู่เป็น อันมาก แต่หลังจากนั้นจะมีน้ำหนัก ต้องระวัง ถ้ามีบุญมากทำไปเลย แต่ถ้าบาปมากต้องระวัง
คุณสนธิ : แล้วรหัสนี้เข้าไปยังไง
พระอาจารย์วัลลภ : คงไม่มีใครกำหนดหรอก มันเกิดของมันเอง เป็นธรรมชาติ
คุณสนธิ : คล้ายๆพวกเรามีแคชเชียร์ประจำตัว แล้วพวกเราก็มีกรรมเป็นตัวคิด นี่บาปนี่บุญ ตลอดเวลา แล้วก็เอารวมไปในศูนย์คอมพิวเตอร์ของจักรวาล เชื่อมต่อ
พระอาจารย์วัลลภ : เราจะไปหาว่าจักรวาลส่วนไหนที่เป็นข้อมูลกรรมของมนุษย์เรา ไปหาไม่ได้ มันเป็นกระบวนการธรรมชาติว่า ณ วินาทีนี้ เจตนานี่เป็น บาป ณ วินาทีนี้ เจตนานี้เป็นบุญ
ในฐานะชาวพุทธเราพูดกันอยู่เสมอว่า ทำกรรมแล้วต้องได้ผล ให้ผลในรูปลักษณ์แบบไหน ลองตอบ ดูว่าให้ผลแบบไหน ลองคิดเองแล้วดูว่าตรงกับที่อาตมา คิดหรือเปล่า
1.ให้ผลในรูปลักษณ์ของผัสสะ รู้อารมณ์ทางตา รู้อารมณ์ทางหู รู้อารมณ์ทางจมูก รู้อารมณ์ทางลิ้น เว้นมโนทวารเสีย เพราะ มโนทวารเป็นตัวทำกรรม จักรวาลเป็นตัวทำผล ผัสสะกระทบ แล้วเกิดการรู้ เรื่องของผัสสะที่มากระทบมันดีกับไม่ดี ถ้าดีก็สุข ไม่ดีก็ทุกข์ เราจะรู้ว่าดีบ้างไม่ดีบ้างตามเหตุที่เราทำมา สุขบ้างทุกข์บ้างเป็นโค้ดไปเลย เหมือนเล่นเปียโนมันมีนิ้วพรมลงไปตามรหัส และออกมาเป็นเสียงอย่าง นั้น หลายๆรหัสก็หลายเพลง ฉันใดก็ฉันนั้น ปัจจุบันมนุษย์หกพันล้านคน ในจักรวาลของเขามีผัสสะ 6 พันล้านรหัส ไม่เหมือนกันเลย ขนาดสามีภรรยาอยู่ในบ้านเดียวกันยังเป็นไปไม่ได้เลยที่ผัสสะจะเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดจนตาย ให้เหมือนเป๊ะเป็นไปไม่ได้เลย นี่แหละโค้ดและรหัสผัสสะจะเปิดขึ้นตามเหตุที่เราทำมา หลายคนอาจจะบอก งั้นกฎแห่งกรรมไม่เห็นน่ากลัว มันไม่น่ากลัวหรอกสำหรับคนทำบุญ มามาก ยิ่งทำบุญเยอะผัสสะยิ่งน่าชื่นใจ แต่ถ้าทำบาป ผัสสะน่ากลัวนะ
คุณสนธิ : คลื่นสึนามินี่ เราอธิบายตามกฎแห่งกรรมได้ไหมว่า คนมาจากทั่วโลกไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ตายในที่เดียวกัน มันเป็นกรรมที่ทำร่วมกันมาก่อน หรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : 1.เวลาคนทำกรรมหนักทำในเหตุการณ์เดียวกันก็มี สมัยก่อนคือสงคราม ทำกรรมตัวเดียวกัน เวลารับผลอาจจะรับในสถาน- การณ์เดียวกัน 2.แม้ไม่ทำกรรมในที่เดียวกัน แต่พร้อมกันในทุกมุมโลก วินาทีนี้คาดว่ามีคนฆ่าสัตว์พร้อมกัน กินเหล้าพร้อมกันทั่วโลกไม่ต่ำกว่ารายละ 1 ล้านคน ก็มีโอกาสจะไปรับกรรมในสถานการณ์เดียวกัน มนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์มาก ทวีปมีเยอะแยะ มาก แต่เวลาทำกรรมฆ่าสัตว์แล้ว คุณค่าของการ ฆ่าสัตว์ โทษของฆ่าสัตว์มีเท่าๆกัน แม้จะทำต่างที่ แต่เวลาตายไปตกกระทะทองแดงที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน ก็ไปรับผลพร้อมๆกัน
แต่อะไรที่ทำให้การรับต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกรรม เก่าที่ท่านได้ทำมา มันจะร่วมกันไปอย่างนี้ กรรมใหม่ดี กรรมเก่าชั่ว กรรมเก่าหมายความว่าสิ่งที่เราทำแล้วมากมายมหาศาล จะเป็นขนาดอย่างนี้ สมมติว่ากรรม ที่แต่ละคนทำเท่ากับทราย 1 กำมือ กรรมที่แต่ละคน ทำมาแล้วจะมากกว่าเม็ดทรายในท้องสมุทรและเม็ด ทรายในปฐพีรวมกัน แล้วก็ลองลำดับดูที่ผล ให้ แล้วหมดกำลัง ตัวใหม่ก็ให้ต่อ ทีนี้พอมาถึงกรรมชั่ว ลำดับคิวในที่กรรมชั่วให้ผล แล้วเราทำชั่วความพินาศ ของกายจะยิ่งกว่านี้อีก เพราะฉะนั้นถ้าชั่วมาเจอดีมันจะมาเบียดเบียนกัน ทำให้อีกฝ่ายอ่อนลง ถ้าชั่วมาเจอชั่วมันก็ยิ่งหนักไปอีก
คุณสนธิ : ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคนที่ทำชั่วโกงกินแผ่นดิน ชาติก่อนเขาทำบุญเอาไว้มาก ทั้งที่วันนี้ทำความชั่วร้ายไว้เยอะแต่ยังได้ลาภยศสรรเสริญ หรือว่าการได้ลาภยศสรรเสริญนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นกรรมที่ไม่ค่อยดี
พระอาจารย์วัลลภ : ไม่ได้เกิดจากกรรมชั่ว ไม่ว่าลาภยศสรรเสริญจะเกิดมากปานใด หรือความเลวร้ายของชีวิต เจ็บไข้ได้ป่วย ถูกด่า เกิดมากปานใด จะต้องให้ผลตรงกับเหตุที่ทำเสมอ หมายความว่าลาภ ยศสรรเสริญเกิดจากผลที่ทำกรรมดีนี่มันล็อคตายตัว ถ้ามันวิบัติล่มจมถูกด่า เกิดจากผลของการที่ทำชั่ว แต่เนื่องจากมันมีการสลับเบียดเบียนกันไป ทั้งใหม่และเก่า ซึ่งมีหลายเงื่อนไข ที่ใหม่ก็ดี เกิดก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง ใหม่ดีเก่าชั่วก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวปัจจุบันกรรมก็ประเสริฐ อดีตกรรมก็ประเสริฐ รวมกันก็เป็นอุปถัมภ์กรรมที่ประเสริฐ แปลว่า ของเก่าก็ดี ของใหม่ก็ดีหนุนไปรุ่งเรืองกันไป
พวกสุดท้ายของเก่าก็เลวของใหม่ก็เลว อันนี้ถือ ว่าไม่ไหว พวกนี้สังเกตให้ดี อย่างพวกค้ายาเสพติด ทำครั้งแรกถูกวิสามัญฆาตกรรมหรือไปติดคุกเลย อันนี้ของเก่ามันเลวอยู่แล้ว พอทำเลวใหม่ก็เลยไป เลย อุปมาเหมือนเรือที่บรรทุกน้ำหนักมาเต็มที่
คุณสนธิ : ที่เขาบอกว่ากรรมติดจรวดในทุกวันนี้ รับกรรมทันที่ แท้ที่จริงแล้ว เป็นเพราะว่าบุญกรรม หมดพอดีเลยใช่ไหม
พระอาจารย์วัลลภ : เป็นพวกสุดท้าย บรรทุกหนักมาเต็มลำเรือ พอรับอีกก็จม ไม่ใช่กรรมติดจรวด แต่บุญเก่าหมด
คุณสนธิ : ไม่ใช่กรรมติดจรวด เพราะคนที่ทำ กรรมชั่วแล้วยังไม่ได้รับผล เพราะยังมีกรรมดีเก่าสะสมอยู่คอยทานกันไว้
พระอาจารย์วัลลภ : ในพุทธศาสนาไม่มีการล้าง กรรม ทำดีให้มากเข้าไว้ เวลาถึงคราวที่ต้องรับผลกรรมชั่วมันจะเบียดเบียนทางกันไว้ ผ่อนหนักเป็นเบา เจือจางลง เหมือนน้ำในอ่างมีเกลืออยู่ หมั่นเติม น้ำสะอาดเข้าไป เกลือนั้นยังอยู่แต่ความเค็มเจือจาง กลับกันบุรุษผู้ไม่ค่อยฉลาดหมั่นเติมเกลือเข้าไป ความ เค็มก็เพิ่มมากขึ้น ล้างไม่ได้แต่เจือจางลงได้ หมั่นฝึก ให้เราเป็นคนนิสัยละอายเกรงกลัวต่อบาปเถิด มันจะเป็นที่พึ่งของเรา
การตัดสินใจทำเฉพาะหน้าจะมีผลมากร่วมกับกรรมที่ทำในอดีต และอะไรที่อยู่เบื้องหลังให้เราตัดสินใจทำดีหรือไม่ดี กรรมที่เราทำแล้วแต่ละครั้งจะก่อให้เกิดผลอีกชนิดหนึ่ง เป็นการสืบสันดานนิสัย เช่น คนที่ทำชั่ว เป็นอันธพาล ความชั่วทำให้เขาตัด สินใจทำชั่วต่อไปได้ง่ายๆ ในเหตุการณ์เดียวกันเราไม่อยากทำชั่วเพราะเราสะสมกรรมดีมา เรียกว่ากรรม ให้ผลในรูปของสันดาน เมื่อสั่งสมสันดานในการมัวเมาเราจะอยู่ตรงนั้นมาก บั่นทอนความรุ่งเรืองไปเรื่อยๆ ถ้าทำชั่วหนักๆก็ไปเร็ว ฉะนั้นตราบใดที่ดีกรีความเมาของเขานำไปสู่บาปใหญ่ที่มีอานุภาพ เขาจะมีอันเป็นไปเร็ว
ต่อไปกรรมให้ผลในรูปของรหัสอัตภาพร่างกาย ที่มีอยู่บนใบหน้าเรา ปาก คิ้ว จมูก แก้ม นิ้วมือ นิ้วเท้า ถูกวางไว้อย่างเป็นรหัส
คุณสนธิ : คนเราเกิดมาในรูปร่างแบบใดถูกกำหนดไว้ในรหัสกรรมเก่า ออกแบบมาให้เรียบร้อย คนไปแก้รหัสด้วยการทำจมูกกรีดตา
พระอาจารย์วัลลภ : อันนี้ตั้งใจจะพูดอยู่แล้ว อัตภาพร่างกาย ถูกออกแบบทุกตารางเชนติเมตร แม้ แต่ตรงไหนมีไฝ กรรมก็เป็นคนออกแบบ แล้วการที่ จะได้รับผลครั้งต่อไป การรับผลจะขึ้นอยู่กับอยู่ไปแล้วดี อยู่ไปแล้วไม่ดี ซึ่งจะเป็นผลของกรรมเป็นขณะๆตามหลังมาอีก ไม่ใช่เฉพาะแต่ตอนเกิดเท่านั้น ตอนเกิดให้ในผลของรูป แต่พอใช้ชีวิตไปแล้ว เช่น โดนไฟคลอก รถชน รูปหล่อหายไปแล้ว คือ หลังจาก ใช้ชีวิตไปแล้วพอถึงลำดับคิวที่กรรมชั่วจะแสดงผล ถ้าฝ่ายกุศลให้ผล เกิดอยู่ในช่วงที่มีเทคโนโลยีสามารถ ที่จะปรับปรุงให้ดูดีขึ้น ก็ไปทำให้ดูดีขึ้น แต่ว่าพออยู่ ไปสักช่วงหนึ่ง อย่านึกว่าศัลยกรรมแล้วสำเร็จเป็นความหล่อเสมอไปนะ ทำออกมาแล้วเน่าก็เยอะ มันต้องมีบุญพอจะให้แก้ได้ด้วย วิธีการแก้ผลกรรมที่ ไม่ดีให้ดูดี หมายความว่าต้องมีผลของบุญได้ลำดับ คิว ส่งผลให้มันดีขึ้นได้ 1.มีผลของบุญพอ 2.เกิดในยุคที่มีเทคโนโลยี
กรรมออกแบบร่างกายเราทุกตารางเซนติเมตร แม้แต่ไฝตามร่างกาย ใครมีไฝที่ปลายนิ้วสังเกตให้ดี ชีวิตนี้จะมีบริวารมาให้ใช้สอยไม่ขาดเลย
คุณสนธิ : จมูกคุณสมัครเป็นรูปชมพู่ หมายความว่ายังไง
พระอาจารย์วัลลภ : บ่งชี้วาสนาของแกนะ องคาพยพที่ดีเหมือนกัน ทำให้ดูมีอำนาจ บางครั้งโหงวเฮ้ง ดีแต่ไม่สวย บางคนรูปหล่อสวยดี แต่โหงวเฮ้งไม่ดี คนที่ทำบุญมาถึงพร้อมทั้งดูสวยและโหงวเฮ้งดี คนส่วนใหญ่จะคละๆกัน ในด้านเดียวกันบางส่วนจะดี บางส่วนจะไม่ดี
คุณสนธิ : แต่ความสวยไม่สวยมันอยู่ที่การปรุงแต่งของเราเองไม่ใช่เหรอครับ
พระอาจารย์วัลลภ : บางคนดีพอแต่งดีก็ยิ่งดี บางคนไม่สวยอยู่แล้ว พอไปทำเหมือนแดร๊กคิวล่าไปก็มี
คุณสนธิ : ในทางพุทธศาสนาเราเช็คได้ไหมว่าผล ที่ทำในชาติก่อนเหลืออยู่แค่ไหน
พระอาจารย์วัลลภ : ถ้านับเป็นว่าจะตายเมื่อไหร่คงไม่ได้ แต่ถ้าจะดูว่าเป็นผลบุญหรือบาปให้เช็คดูที่ผัสสะ ถ้าคุณภาพผัสสะดีเป็นผลบุญ ถ้าคุณภาพผัสสะแย่เป็นบาป ผลกรรมต้องเช็ครายวัน เช็คทุกวินาที
หญิงกับชายก็เป็นผลของกรรมนะ คนใดที่เกิดเป็นหญิงก็เพราะว่า 1.เวลาทำบุญกุศลทำอย่างอ่อน มาอย่างนั้น ไม่ตั้งใจ หลับๆตื่นๆ 2.เคยไปล่วงละเมิด ผิดศีลข้อที่ 3 มีเศษของกรรมตามมาหลังจากไปใช้กรรมในนรกแล้ว มาเกิดในโลกมนุษย์ เศษของกรรม คือ เกิดเป็นแต๋ว ทอม กะเทย ดี้ มักจะเกิดเป็นหญิง มีความรักไม่สมหวัง หย่าร้างอยู่เสมอ
ในพระไตรปิฎกพูดเรื่องนิวเคลียส ดีเอ็นเอ โคร- โมโซม น่าแปลกที่ 2,500 กว่าปีมาแล้วมีคนพูดเรื่องนี้ วิทยาศาสตร์ที่ค้นพบในปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้ นายเมนเดล เฮเกล เป็นบิดาของพันธุศาสตร์ เมื่อร้อยกว่า ปีมาแล้วที่ค้นพบ แล้ว 2,500 ปีกว่าก่อนหน้านั้นจะเรียกว่าอะไร น่าทึ่งไหม อัศจรรย์มาก
กรรมให้ผลหลายทาง ผลในทางรูปธรรม ผลใน ทางรู้ผัสสะ ผลในทางสืบสันดานนิสัย ถ้าผลในทาง นามธรรม ในเชิงปฏิสนธิ ไปเกิดเป็นโน่นเป็นนี่ ให้ผล ในรูปธรรมคือบอดี้(ร่างกาย) กรรมจะให้ผลผ่านร่าง กายของเราในรูปของดีเอ็นเอ กรรมไม่ได้ให้ผลกับเนื้อตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งหมด บางส่วนได้มากจาก กินข้าว กรรมให้ผลทางตัวสารพันธุกรรม เมื่อมีสารพันธุกรรมแล้วกรรมทำหน้าที่โปรแกรมเหมือนการวาดแปลนบ้าน ต้องมีรูปทรงนี้นะ ส่วนที่มาก่อสร้างคือ อาหาร น้ำที่กินเข้าไป มนุษย์เราจึงมีรหัสอัตภาพร่างกายอย่างนี้
คุณสนธิ : ถ้าอย่างนั้นในเชิงวิทยาศาสตร์ ที่เขาตัดต่อพันธุกรรมถึงจุดจุดหนึ่งที่เขาค้นพบแล้ว เขาเปลี่ยนรหัสกรรมได้ไหมครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ในการที่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับอณูชีวโมเลกุล หรือสารพันธุกรรมนี้ สิ่งที่ทำ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้มีกฎแห่งกรรมมาชักจูงให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างกาย นี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเดิมที่ได้กล่าวไว้แล้ว คือ เกิดในยุคที่เทคโนโลยีทำได้พอดี สมัยก่อนทำไม่ได้ เหมือนคนผ่าตัดร่างกาย บุญส่งผลให้แก้ไขสำเร็จ ถ้าบาปส่ง ผล ผ่าตัดไม่สำเร็จ
คุณสนธิ : ศาสนาพุทธบอกว่าทำกรรมชั่วตายแล้ว ต้องไปตกนรก คนที่ไม่ได้นับถือพุทธทำกรรมชั่วแล้ว ต้องไปลงนรกหรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : เนื่องจากว่าสิ่งมีชีวิตมีหลากหลายรูปแบบอัตภาพ มีสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วย เช่น แบคทีเรีย มีรูปแบบสิ่งมีชีวิตเยอะมาก โดยเฉพาะพวกโอปาติกะสัตว์ สัตว์ในโลกของวิญญาณ จะเป็นชีวภาพที่มีรูปแบบวิจิตรพิสดารมากตามกรรม ที่ได้ทำหน้าที่ออกแบบโครงสร้างทางชีวภาพให้มีรูปร่างอย่างนั้น เมื่อรูปแบบหลากหลาย สถานที่อยู่ของ มันก็หลากหลายตามไปด้วยโดยกระบวนการธรรมชาติ และสอดสัมพันธ์กันตาม
ถ้าทำดีรูปแบบก็อยู่สบาย ออกแบบในรูปแบบที่มีความสุข อยู่ในสิ่งแวดล้อมภูมิศาสตร์ที่ดีไปด้วย ถ้าทำชั่วมามาก กรรมออกแบบโครงสร้างชีวภาพให้เป็นสัตว์ทรมาน และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทรมาน สิ่งแวดล้อมเหล่านี้เราไปตั้งชื่อเรียกว่านรก ว่าสวรรค์ ติ๊งต่างเรียกนะ อย่างพวกแบคทีเรีย จุลินทรีย์ ชอบไปอยู่ในของบูดเน่า ให้มาอยู่ในดอกไม้หอมมันก็ไม่อยู่
ทำนองเดียวกันนั้นแหละ คนที่ทำบาปมามาก แล้วได้โครงสร้างชีวภาพที่ทุเรศๆ มันก็ชอบอยู่ในที่ทุเรศ ด้วยนะ ดังนั้นคนจะนับถือศาสนาอะไร เชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ไม่มีผล เมื่อทำกรรมไว้อย่างไร ก็จะได้ผล กรรมอย่างนั้น การที่เราทำบาปมาจะส่งผลให้เรายิน ดีในบาป สนุกกับผลของบาป อาตมาดูข่าว เด็กอายุ 15 บ้านใครเผลอไม่ได้ เอาผ้าขี้ริ้วเคี้ยวกินเป็นอาหาร บอกว่าอร่อย อย่างนี้ยินดีในผลของบาป ทำให้นึกถึง คัมภีร์กล่าวถึงตระกูลของสัตว์นรกเผ่าหนึ่งอร่อยในการแลบลิ้นเลียเปลวไฟ เกิดเป็นพรหมก็กินอีกแบบ หนึ่ง กินปีติเป็นอาหาร สัตว์มีความหลากวิจิตรตามกายภาพ อาหารก็หลากวิจิตรตามกรรม ที่อยู่ก็หลาก วิจิตรตามกรรม
คนที่คิดว่าอะไรที่ฉันไม่เห็นไม่มีจริง คนนั้นก็โง่มากๆเลย อหังการ์ เพราะเอาประสาทสัมผัสของตัวเองเป็นเพดานวัดค่าว่าอะไรมีจริงไม่มีจริง เท่ากับปฏิเสธความจริงมหาศาล เพราะศักยภาพการรับรู้ของเรามีจำกัด เรานั่งอยู่ริมตลิ่งยังไม่รู้เลยว่าตรงไหนมีปลา แต่นกเห็นและพุ่งมาจิกปลาได้ ที่นั่งอยู่มีคลื่นเสียงเยอะมาก เราไม่รู้เอง
คุณสนธิ : ถ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วดับขันธปรินิพพานแล้ว กรรมทั้งหมดจะเป็นอโหสิกรรมจริง หรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : เป็นอโหสิหรรม
คุณสนธิ : ปาณาติบาตเป็นกรรมที่ทำให้คนอ่อน แออายุสั้น กรรมใดที่ทำให้คนอายุยืนยาว ช่วงก่อนตายทรมานด้วยโรคต่างๆ เช่น อัมพาต อยากทราบว่าเป็นเนื่องจากเหตุใด
พระอาจารย์วัลลภ : พวกที่ตัดชีวิตอายุสั้น พวกที่ทรมานกรรมส่งผลให้เราทรมานนาน เป็นโรคนาน ตายยาก พวกทรมานสัตว์จะทรมานกายอยู่นาน กรรมใครทำใครได้ คนไม่ทำไม่เกี่ยว จะเป็นคนเก่งต้องทำกรรมดีอะไรบ้าง ให้นึกเสมอว่าเราโง่ตลอดเวลา อย่าไปคิดว่าน้ำเต็มแก้ว ต้องเติมตลอดเวลา
การตั้งเวลาคลอดลูกไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนกรรม เพราะกรรมทำให้เกิดเวลานั้น ได้อวัยวะนั้น ความเป็น ไปของชีวิตยังเป็นไปตามกรรม ไม่มีผลการไปผ่าเอา ออกตามเวลา
คุณสนธิ : สิ่งมีชีวิตเวียนว่ายตายเกิด ทำไมประชากรมีเยอะ
พระอาจารย์วัลลภ : วิญญาณที่จะเกิดใหม่นับไม่ได้ มีมากจนไม่มีตัวเลข ปัจจัยที่ทำให้เกิดใหม่ตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีการแพทย์มีมากมันเอื้อ ปฏิสนธิก็มาก สัตว์ที่จะต้องเกิดเป็นมนุษย์ก็มาก จักรวาลมีเยอะ มีดาวดวงอื่นด้วย การเกิดก็ถ่ายเทไปได้ แต่ก็ไม่มากตลอดไป เกิดคราววิบัติของมนุษย์ทั้งโลก ก็มี คนจะเกิดเป็นมนุษย์มีมาก ขึ้นอยู่กับว่าดาวดวงไหนจะเอื้อให้เกิดได้มาก การถ่ายเทเกิดได้ตลอดเวลา จักรวาลอื่นก็มีพระพุทธเจ้าด้วย แต่จักรวาลเรามี 5 องค์
คุณสนธิ : ทำไมคนทำดียังต้องผจญกับกรรม เช่น อ.ปรีดี (ปรีดี พนมยงค์) อ.ป๋วย (ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์)
พระอาจารย์วัลลภ : เป็นวิบากกรรม กรรมเก่า
.....
หนังสือพิมพ์ธรรมลีลาจะนำเรื่อง ‘รหัสกรรม’ ที่เขียนโดยพระอาจารย์วัลลภ ชวนปัญโญ มาลงตีพิมพ์ให้อ่านตั้งแต่ฉบับเดือนเมษายน 48 เป็นต้นไป โปรดติดตาม
( คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบน เพื่อฟังการสนทนาทั้งหมด )
นสพ.ธรรมลีลาเห็นว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก จึงขอนำมาถ่ายทอดไว้ ณ ที่นี้
คุณสนธิ : การเกิดของศาสนานั้นไม่เหมือนกัน ศาสนาพุทธเกิดในช่วงที่แผ่นดินเป็นสุข คนเห็นแก่ สุข แต่พระพุทธเจ้าซึ่งละจากเพศฆราวาส มาเป็นนักบวช บอกว่าสุขที่เห็นนั้นไม่ใช่สุขที่แท้จริง แต่ศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามเกิดในยุคที่บ้านเมือง ลุกเป็นไฟ มีการฆ่ากัน มีการชิงดีชิงเด่นกัน
มีคนพูดกันว่าศาสนาพุทธเป็น passive เข้าไปนับถือแล้วถอยหลัง หยุดอยู่กับที่ มันไม่สามารถที่จะพัฒนาชาติบ้านเมืองไปได้ ส่วนศาสนาคริสต์เป็น active ต่างกันยังไง พุทธสอนให้คนทำมาหากิน ประกอบอาชีพสุจริต มีพรหมวิหาร 4 แต่ศาสนาคริสต์เริ่มจากการสอนว่าให้ขยันเอาไว้ ซึ่งพุทธก็สอนเหมือนกันว่าให้ขยัน แต่ขยันแบบมีอิทธิบาท 4 ฝรั่งและคนไทยตอนนี้บ้าเรื่อง MBA กันมาก พูดกันแต่เรื่องธรรมรัฐ แต่ผมว่าสู้ ‘มรรคแปด’ไม่ได้ แต่พอเรียนบริหารเพื่อศึกษาการบริหารที่บรรลุเป้าหมายทำอย่างไร เสียเงินกันมาก แต่ทุกคนก็มาตายกันที่ธรรมง่ายๆคือ อิทธิบาท 4 พระพุทธเจ้าสอนให้ เรารักในงานที่เราทำ มีความเพียร วิริยะ จิตใจมุ่งมั่น และมีการวางแผนในการทำงาน เรากลับไม่สน ใจ ซึ่งเป็นหลักของการบริหาร
ครูบาอาจารย์สอนว่า 1.คนเราให้คิดดีทำดีเข้าไว้ 2.หลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่ทำให้สัตว์โลกและคนอื่นเดือนร้อน ผมเคยเจอในเรื่องของกรรม สมัยตอน 10 ขวบ ซนมาก ผมเตะแมวที่ท้อง แมวปวดท้อง และตาย พอโตแล้วธาตุทางท้องผมอ่อนมาก ท้องเสียบ่อย วันดีคืนดีเหมือนคนไวรัสลงท้อง การถ่ายไม่ปกติ จนบวชเมื่อปี 2540 ผมเล่าให้หลวงพ่อฟัง ท่านบอกว่า คนเราวันหนึ่งต้องใช้กรรม ผมถามว่า ผมต้องทำยังไง ท่านบอกว่า เวลานั่งสมาธิ เดินจงกรม ทำอะไรก็ ตาม ให้แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้แมวตัวนั้นตลอด เวลา ผมทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงหลังธาตุอ่อนที่เคยมีมาเพิ่งจะทยอยหายไป เพิ่งจะหายหลังจากปฏิบัติมาตลอด ผมอยากจะถามท่านอาจารย์วัลลภว่าเป็นลักษณะการล้างบาปแบบของพุทธหรือเปล่า เพราะว่าทางคริสต์เขาถือว่าพอเข้าไปคุยกับหลวงพ่อ ก็ตัวปลิวออกมาแล้ว บาปหมดแล้ว
เท่าที่ฆราวาสอย่างผมจะเข้าใจ ผมพยายามนำหลักวิทยาศาสตร์เข้ากับหลักทางพุทธศาสนา ผมใช้ กระบวนทัศน์ของ Law of Compensation คือหลักกฎแห่งกรรม ในแง่ของวิทยาศาสตร์ก็คือว่า ถ้าเราเอามือเราชกกำแพง กำแพงก็จะมีความแข็งสะท้อนทำให้เราเจ็บ หมายความว่าเราทำกรรมอะไรไว้กรรม ก็จะย้อนกลับมาที่ตัวเรา แต่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไป มาก เกิดการเอาชนะธรรมชาติขึ้นมา มีการโคลนนิ่ง สร้างตัวอ่อนขึ้นมาแล้วเอาผสมกัน สร้างคนขึ้นมาได้ มีลักษณะเหมือนผมทุกอย่าง แล้วจิตใจจะเหมือนหรือไม่ จิตใจรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือไม่ ว่ากันว่า ในเกาะแห่งหนึ่งทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีสถาบันวิจัยทำโคลนนิ่งมนุษย์ได้แล้ว แต่ยังไม่กล้าประกาศออกมา เราจะถามท่านอาจารย์วัลลภในเรื่องนี้ด้วย
กราบนิมนต์อาจารย์อธิบายให้พวกเราฟังเรื่องรหัสกรรมในความเข้าใจของพระอาจารย์วัลลภครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องของรหัสกรรมในพุทธศาสนา การกระทำและคำพูดยังไม่ใช่กรรม เจตนาต่างหากที่เป็นตัวกรรม การกระทำและคำพูดเป็นอุปกรณ์ให้เจตนาใช้ไปทำกรรม เวลารักษาผู้ป่วยเอา อุปกรณ์การแพทย์ไปรักษา ถามว่าระหว่างอุปกรณ์ และแพทย์ ใครเป็นผู้รักษา ก็ต้องตอบว่า แพทย์เป็นผู้รักษา แพทย์ใช้เครื่องมือรักษาคนป่วยฉันใด เจตนาก็ใช้กายวาจาใจไปทำกรรมฉันนั้นแหละ พระ พุทธเจ้าตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตกล่าวว่า เจตนานั้นแหละเป็นกรรม
คุณสนธิ : ถ้าอย่างนั้นแล้วคนคนหนึ่งเกลียดคนหนึ่ง แล้วก็พูดให้ร้ายป้ายสีตลอดเวลา ปล่อยให้เขาเสียหาย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง คนนี้ก็ผิดศีลข้อมุสาวาจา เมื่อผิดศีลแล้วนี้อาจารย์ว่าคนนี้ไม่ทำกรรมหรือครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ทำโดยเจตนาเป็นตัวกรรม ไม่เอาเสียง กล่องเสียง หรือสายเสียง องคาพยพเป็น ตัวกรรม
คุณสนธิ : ถ้าจิตคิดก็ถือว่ากรรมแล้วเหรอครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ถ้าจิตคิดเข้าข่าย 3 อย่าง เป็นการพยาบาทให้เขาพินาศ อยากได้ของเขามาเป็นของตัวโดยไม่ชอบธรรม มิจฉาทิฐิว่านรกสวรรค์ ไม่มีจริง กฎแห่งกรรมไม่มีจริง 3 อย่างนี้เข้าข่ายมโนกรรม ที่ระบุเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาเราตักข้าวใส่ บาตรพระ หยิบไม้ตีหมาหรือพูดด่าคน บาปไม่ได้เกิด ที่เนื้อเยื่อ กระดูก กล่องเสียง สายเสียง หรือคลื่นเสียง บาปเกิดที่ใจ เพราะเจตนาเป็นเหตุ เจตนา เมื่อจะทำกายวาจาใจให้สำเร็จต้องพึ่งปาก พึ่งวาจาเพื่อเป็นอุปกรณ์ เจตนาเมื่อจะทำทางกายต้องพึ่งกายภาพให้เคลื่อนไหว อย่างนั้นคือใช้กายไปทำกรรม แม้อย่างนั้นเขาก็ไม่ได้นับกรรมกันที่กายที่เคลื่อนไหว ไม่ได้นับเป็นกรรมที่วาจาที่เป็นคลื่นเสียง ยังคงนับเป็นกรรมที่มโนกรรม ถ้านับกันจริงๆแล้ว ลึกๆคือ การกระทำและคำพูดเป็นผลของกรรม ที่เขาเรียกว่า “สหชาตผล” ผลที่เกิดพร้อมเจตนา ผลที่เกิดพร้อมกรรม เวลาเราทำกรรมแล้วให้ผล จะเกิดผล 2 ชนิด
ผลที่เกิดพร้อม “สหชาตะ” ผลที่เกิดร่วมพร้อม หลังจากนั้นแล้วเป็นผลที่ให้ตามหลัง ไปเวียนว่ายตายเกิดในนรกสวรรค์ สุขทุกข์ยากดีมีจน ทำไมนับกายที่เคลื่อนไหวว่าสหชาตผล เพราะมันเกิดร่วมกับเจตนา แล้วมันไปประกาศให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองทำชั่ว อย่างท่านทั้งหลายมานั่งอยู่นี่ก็เป็นการประกาศให้รู้ว่ามาฟังธรรมอยู่นะ เลยกลายเป็นว่าคนให้เกียรติ ยกย่อง สมาธิเป็นอากัปกิริยาทางกาย เป็นสหชาตผล ที่ทรงเกียรติ ศักดิ์สิทธิ์มาก ในวัฒนธรรมเรา คนจะยกย่อง แต่ถ้าเราไปจั่วไพ่ กินเหล้า คนเขามองว่าไม่ได้เรื่อง เขาก็ไม่นับถือ..นี่เป็นผล
ขอบเขตและความหมายของคำว่ากรรม หมายถึง เจตนาทางใจ ที่นี้เวลาทำกรรมเราจะทำอย่างเป็นรหัส รหัสอย่างไร ยกตัวอย่างใครคนหนึ่งตื่นนอนขึ้นมา 6 โมงเช้า หุงข้าวไปใส่บาตรตอน 6 โมงครึ่ง เสร็จแล้ว กลับมาหาข้าวให้พ่อแม่ทาน 6 โมง 45 อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวไปทำงาน เปิดประตูออกมา เจอหมาขวาง ทางอยู่ หนำซ้ำกัดรองเท้าอีกต่างหาก เลยเตะหมา ไป ทีนี้ไปขึ้นรถเมล์นั่งไปสักพักเห็นคนแก่ขึ้นมาไม่มีที่นั่งเลยลุกขึ้นสละที่ให้คนแก่นั่ง 7 โมง 15 เดินไปสักพักมีคนเหยียบเท้า เลยด่ามันไปตอน 7 โมงครึ่ง มนุษย์เราก็จะอย่างนี้ ทำดีทำชั่วสลับกัน ไม่มีใคร เลยที่ทำดีอย่างเดียว ไม่มีใครเลยที่ทำชั่วอย่างเดียวตลอดเวลา
ทีนี้เราเอาชีวิตของคนนี้มาทำเป็นกราฟ เลข 1-12 แทนค่าบุญและบาป เลขยิ่งสูงบุญก็ยิ่งมาก เลขยิ่งต่ำ บาปก็ยิ่งแรง อย่างเราเข้าวิปัสสนากรรมฐานนี่ เลขสูง 11-12 จากผลดังกล่าวนี่ ตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า บุญก็ไม่ใช่ บาปก็ไม่เชิงนะ ก็เป็นเลข 6 กลางๆ คำว่ากลางๆในที่นี้หมายความว่าบุญบาปไม่ปรากฏชัด แต่กรรมกลางๆที่ไม่บุญไม่บาปไม่มีในโลก จะต้องเป็นกุศลและอกุศลอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ผู้ที่จะทำอะไรแล้วเป็นกรรมกลางๆไม่บุญไม่บาปมีอยู่พวกเดียวเท่านั้น คือ อรหันต์ เพราะทำอะไรแล้วเป็นกิริยา พูดอะไรแล้วเป็นกิริยา
ตื่นมาอยู่ที่เลข 6 ไปใส่บาตรอยู่ที่เลข 8 หาข้าวให้พ่อแม่ทานขึ้นเลข 10 แล้ว พ่อแม่เป็นอรหันต์ของ ลูก ห้ามล่วงเกิน ห้ามทำร้ายน้ำใจ ต้องปรนนิบัติดูแล สุดความสามารถของเรา ทีนี้ไปเตะหมา กราฟจะลง ลุกให้นั่งกราฟขึ้น ด่าเขาอีก กราฟก็ลงอีก มีลักษณะอย่างนี้
ถ้าเปลี่ยนจากกราฟมาเป็นบาร์โค้ด ก็ได้รหัสบาร์โค้ดอย่างนี้ แท่งยิ่งหนาบุญยิ่งมาก แท่งยิ่งผอมบางบาปก็ยิ่งมาก มันแสดงค่าความหมายได้ว่า บุญ-บุญ-บุญ-บาป-บุญ-บาป-บาป ชีวิตจะเป็นอย่างนี้ ผลของกรรมก็ต่างกัน ถ้าเราทำสลับ ชีวิตก็เจอเรื่องดีบ้างเลวบ้างสลับกันไป ถ้าเราทำดีชีวิตก็พบเจอเรื่องดีๆตลอดเวลา ดังนั้นในชีวิตก็ขอให้ทำดีมากที่สุด ให้ตลอดเวลาคงเป็นไปไม่ได้ แต่ให้มากที่สุด เวลาผลที่ได้รับก็จะได้สุขยิ่งต่อไป
เอาล่ะ ..ก่อนหน้านี้ตัวเลขไม่มีที่สิ้นสุด บาร์โค้ดนี้ถ้าเปรียบไปก็เหมือนทางม้าลาย ทางม้าลายของแต่ ละคนยาวมาก มันสามารถพันรอบโลกได้เป็นอินฟินิตี้ ไม่มีที่สิ้นสุด เอ๊ะ.. ทำไมเราไม่หยุดทำกรรมสักที ทำไม่ได้ มันอยากทำ
คุณสนธิ : รวมถึงชาติที่แล้วหรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : รวม.. เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง กรรมคือปัจจุบันเดี๋ยวนี้ เพราะอยากพูดตลอดเวลา อยากทำตลอดเลวลา ทำไมไม่หยุดพูด เพราะเราอยาก กรรมใหม่ๆเกิดทุกวินาที ดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นรหัสตัวเลขสูงบ้างต่ำบ้าง ทำแล้วเกิดกรรมใหม่ โดยทั่วไปแล้วกิจกรรมของมนุษย์มักไม่มีความ หมายอยู่ในบุญและบาปมาก อาบน้ำ กินข้าว ขึ้นรถ พิมพ์คอมพิวเตอร์ กรรมพวกนี้ไม่มีน้ำหนักบุญและบาป ไปสูญหายอยู่ในสังสารวัฏ ไม่ส่งผลอยู่เป็น อันมาก แต่หลังจากนั้นจะมีน้ำหนัก ต้องระวัง ถ้ามีบุญมากทำไปเลย แต่ถ้าบาปมากต้องระวัง
คุณสนธิ : แล้วรหัสนี้เข้าไปยังไง
พระอาจารย์วัลลภ : คงไม่มีใครกำหนดหรอก มันเกิดของมันเอง เป็นธรรมชาติ
คุณสนธิ : คล้ายๆพวกเรามีแคชเชียร์ประจำตัว แล้วพวกเราก็มีกรรมเป็นตัวคิด นี่บาปนี่บุญ ตลอดเวลา แล้วก็เอารวมไปในศูนย์คอมพิวเตอร์ของจักรวาล เชื่อมต่อ
พระอาจารย์วัลลภ : เราจะไปหาว่าจักรวาลส่วนไหนที่เป็นข้อมูลกรรมของมนุษย์เรา ไปหาไม่ได้ มันเป็นกระบวนการธรรมชาติว่า ณ วินาทีนี้ เจตนานี่เป็น บาป ณ วินาทีนี้ เจตนานี้เป็นบุญ
ในฐานะชาวพุทธเราพูดกันอยู่เสมอว่า ทำกรรมแล้วต้องได้ผล ให้ผลในรูปลักษณ์แบบไหน ลองตอบ ดูว่าให้ผลแบบไหน ลองคิดเองแล้วดูว่าตรงกับที่อาตมา คิดหรือเปล่า
1.ให้ผลในรูปลักษณ์ของผัสสะ รู้อารมณ์ทางตา รู้อารมณ์ทางหู รู้อารมณ์ทางจมูก รู้อารมณ์ทางลิ้น เว้นมโนทวารเสีย เพราะ มโนทวารเป็นตัวทำกรรม จักรวาลเป็นตัวทำผล ผัสสะกระทบ แล้วเกิดการรู้ เรื่องของผัสสะที่มากระทบมันดีกับไม่ดี ถ้าดีก็สุข ไม่ดีก็ทุกข์ เราจะรู้ว่าดีบ้างไม่ดีบ้างตามเหตุที่เราทำมา สุขบ้างทุกข์บ้างเป็นโค้ดไปเลย เหมือนเล่นเปียโนมันมีนิ้วพรมลงไปตามรหัส และออกมาเป็นเสียงอย่าง นั้น หลายๆรหัสก็หลายเพลง ฉันใดก็ฉันนั้น ปัจจุบันมนุษย์หกพันล้านคน ในจักรวาลของเขามีผัสสะ 6 พันล้านรหัส ไม่เหมือนกันเลย ขนาดสามีภรรยาอยู่ในบ้านเดียวกันยังเป็นไปไม่ได้เลยที่ผัสสะจะเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดจนตาย ให้เหมือนเป๊ะเป็นไปไม่ได้เลย นี่แหละโค้ดและรหัสผัสสะจะเปิดขึ้นตามเหตุที่เราทำมา หลายคนอาจจะบอก งั้นกฎแห่งกรรมไม่เห็นน่ากลัว มันไม่น่ากลัวหรอกสำหรับคนทำบุญ มามาก ยิ่งทำบุญเยอะผัสสะยิ่งน่าชื่นใจ แต่ถ้าทำบาป ผัสสะน่ากลัวนะ
คุณสนธิ : คลื่นสึนามินี่ เราอธิบายตามกฎแห่งกรรมได้ไหมว่า คนมาจากทั่วโลกไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ตายในที่เดียวกัน มันเป็นกรรมที่ทำร่วมกันมาก่อน หรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : 1.เวลาคนทำกรรมหนักทำในเหตุการณ์เดียวกันก็มี สมัยก่อนคือสงคราม ทำกรรมตัวเดียวกัน เวลารับผลอาจจะรับในสถาน- การณ์เดียวกัน 2.แม้ไม่ทำกรรมในที่เดียวกัน แต่พร้อมกันในทุกมุมโลก วินาทีนี้คาดว่ามีคนฆ่าสัตว์พร้อมกัน กินเหล้าพร้อมกันทั่วโลกไม่ต่ำกว่ารายละ 1 ล้านคน ก็มีโอกาสจะไปรับกรรมในสถานการณ์เดียวกัน มนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์มาก ทวีปมีเยอะแยะ มาก แต่เวลาทำกรรมฆ่าสัตว์แล้ว คุณค่าของการ ฆ่าสัตว์ โทษของฆ่าสัตว์มีเท่าๆกัน แม้จะทำต่างที่ แต่เวลาตายไปตกกระทะทองแดงที่เดียวกัน เวลาเดียวกัน ก็ไปรับผลพร้อมๆกัน
แต่อะไรที่ทำให้การรับต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกรรม เก่าที่ท่านได้ทำมา มันจะร่วมกันไปอย่างนี้ กรรมใหม่ดี กรรมเก่าชั่ว กรรมเก่าหมายความว่าสิ่งที่เราทำแล้วมากมายมหาศาล จะเป็นขนาดอย่างนี้ สมมติว่ากรรม ที่แต่ละคนทำเท่ากับทราย 1 กำมือ กรรมที่แต่ละคน ทำมาแล้วจะมากกว่าเม็ดทรายในท้องสมุทรและเม็ด ทรายในปฐพีรวมกัน แล้วก็ลองลำดับดูที่ผล ให้ แล้วหมดกำลัง ตัวใหม่ก็ให้ต่อ ทีนี้พอมาถึงกรรมชั่ว ลำดับคิวในที่กรรมชั่วให้ผล แล้วเราทำชั่วความพินาศ ของกายจะยิ่งกว่านี้อีก เพราะฉะนั้นถ้าชั่วมาเจอดีมันจะมาเบียดเบียนกัน ทำให้อีกฝ่ายอ่อนลง ถ้าชั่วมาเจอชั่วมันก็ยิ่งหนักไปอีก
คุณสนธิ : ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคนที่ทำชั่วโกงกินแผ่นดิน ชาติก่อนเขาทำบุญเอาไว้มาก ทั้งที่วันนี้ทำความชั่วร้ายไว้เยอะแต่ยังได้ลาภยศสรรเสริญ หรือว่าการได้ลาภยศสรรเสริญนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นกรรมที่ไม่ค่อยดี
พระอาจารย์วัลลภ : ไม่ได้เกิดจากกรรมชั่ว ไม่ว่าลาภยศสรรเสริญจะเกิดมากปานใด หรือความเลวร้ายของชีวิต เจ็บไข้ได้ป่วย ถูกด่า เกิดมากปานใด จะต้องให้ผลตรงกับเหตุที่ทำเสมอ หมายความว่าลาภ ยศสรรเสริญเกิดจากผลที่ทำกรรมดีนี่มันล็อคตายตัว ถ้ามันวิบัติล่มจมถูกด่า เกิดจากผลของการที่ทำชั่ว แต่เนื่องจากมันมีการสลับเบียดเบียนกันไป ทั้งใหม่และเก่า ซึ่งมีหลายเงื่อนไข ที่ใหม่ก็ดี เกิดก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง ใหม่ดีเก่าชั่วก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวปัจจุบันกรรมก็ประเสริฐ อดีตกรรมก็ประเสริฐ รวมกันก็เป็นอุปถัมภ์กรรมที่ประเสริฐ แปลว่า ของเก่าก็ดี ของใหม่ก็ดีหนุนไปรุ่งเรืองกันไป
พวกสุดท้ายของเก่าก็เลวของใหม่ก็เลว อันนี้ถือ ว่าไม่ไหว พวกนี้สังเกตให้ดี อย่างพวกค้ายาเสพติด ทำครั้งแรกถูกวิสามัญฆาตกรรมหรือไปติดคุกเลย อันนี้ของเก่ามันเลวอยู่แล้ว พอทำเลวใหม่ก็เลยไป เลย อุปมาเหมือนเรือที่บรรทุกน้ำหนักมาเต็มที่
คุณสนธิ : ที่เขาบอกว่ากรรมติดจรวดในทุกวันนี้ รับกรรมทันที่ แท้ที่จริงแล้ว เป็นเพราะว่าบุญกรรม หมดพอดีเลยใช่ไหม
พระอาจารย์วัลลภ : เป็นพวกสุดท้าย บรรทุกหนักมาเต็มลำเรือ พอรับอีกก็จม ไม่ใช่กรรมติดจรวด แต่บุญเก่าหมด
คุณสนธิ : ไม่ใช่กรรมติดจรวด เพราะคนที่ทำ กรรมชั่วแล้วยังไม่ได้รับผล เพราะยังมีกรรมดีเก่าสะสมอยู่คอยทานกันไว้
พระอาจารย์วัลลภ : ในพุทธศาสนาไม่มีการล้าง กรรม ทำดีให้มากเข้าไว้ เวลาถึงคราวที่ต้องรับผลกรรมชั่วมันจะเบียดเบียนทางกันไว้ ผ่อนหนักเป็นเบา เจือจางลง เหมือนน้ำในอ่างมีเกลืออยู่ หมั่นเติม น้ำสะอาดเข้าไป เกลือนั้นยังอยู่แต่ความเค็มเจือจาง กลับกันบุรุษผู้ไม่ค่อยฉลาดหมั่นเติมเกลือเข้าไป ความ เค็มก็เพิ่มมากขึ้น ล้างไม่ได้แต่เจือจางลงได้ หมั่นฝึก ให้เราเป็นคนนิสัยละอายเกรงกลัวต่อบาปเถิด มันจะเป็นที่พึ่งของเรา
การตัดสินใจทำเฉพาะหน้าจะมีผลมากร่วมกับกรรมที่ทำในอดีต และอะไรที่อยู่เบื้องหลังให้เราตัดสินใจทำดีหรือไม่ดี กรรมที่เราทำแล้วแต่ละครั้งจะก่อให้เกิดผลอีกชนิดหนึ่ง เป็นการสืบสันดานนิสัย เช่น คนที่ทำชั่ว เป็นอันธพาล ความชั่วทำให้เขาตัด สินใจทำชั่วต่อไปได้ง่ายๆ ในเหตุการณ์เดียวกันเราไม่อยากทำชั่วเพราะเราสะสมกรรมดีมา เรียกว่ากรรม ให้ผลในรูปของสันดาน เมื่อสั่งสมสันดานในการมัวเมาเราจะอยู่ตรงนั้นมาก บั่นทอนความรุ่งเรืองไปเรื่อยๆ ถ้าทำชั่วหนักๆก็ไปเร็ว ฉะนั้นตราบใดที่ดีกรีความเมาของเขานำไปสู่บาปใหญ่ที่มีอานุภาพ เขาจะมีอันเป็นไปเร็ว
ต่อไปกรรมให้ผลในรูปของรหัสอัตภาพร่างกาย ที่มีอยู่บนใบหน้าเรา ปาก คิ้ว จมูก แก้ม นิ้วมือ นิ้วเท้า ถูกวางไว้อย่างเป็นรหัส
คุณสนธิ : คนเราเกิดมาในรูปร่างแบบใดถูกกำหนดไว้ในรหัสกรรมเก่า ออกแบบมาให้เรียบร้อย คนไปแก้รหัสด้วยการทำจมูกกรีดตา
พระอาจารย์วัลลภ : อันนี้ตั้งใจจะพูดอยู่แล้ว อัตภาพร่างกาย ถูกออกแบบทุกตารางเชนติเมตร แม้ แต่ตรงไหนมีไฝ กรรมก็เป็นคนออกแบบ แล้วการที่ จะได้รับผลครั้งต่อไป การรับผลจะขึ้นอยู่กับอยู่ไปแล้วดี อยู่ไปแล้วไม่ดี ซึ่งจะเป็นผลของกรรมเป็นขณะๆตามหลังมาอีก ไม่ใช่เฉพาะแต่ตอนเกิดเท่านั้น ตอนเกิดให้ในผลของรูป แต่พอใช้ชีวิตไปแล้ว เช่น โดนไฟคลอก รถชน รูปหล่อหายไปแล้ว คือ หลังจาก ใช้ชีวิตไปแล้วพอถึงลำดับคิวที่กรรมชั่วจะแสดงผล ถ้าฝ่ายกุศลให้ผล เกิดอยู่ในช่วงที่มีเทคโนโลยีสามารถ ที่จะปรับปรุงให้ดูดีขึ้น ก็ไปทำให้ดูดีขึ้น แต่ว่าพออยู่ ไปสักช่วงหนึ่ง อย่านึกว่าศัลยกรรมแล้วสำเร็จเป็นความหล่อเสมอไปนะ ทำออกมาแล้วเน่าก็เยอะ มันต้องมีบุญพอจะให้แก้ได้ด้วย วิธีการแก้ผลกรรมที่ ไม่ดีให้ดูดี หมายความว่าต้องมีผลของบุญได้ลำดับ คิว ส่งผลให้มันดีขึ้นได้ 1.มีผลของบุญพอ 2.เกิดในยุคที่มีเทคโนโลยี
กรรมออกแบบร่างกายเราทุกตารางเซนติเมตร แม้แต่ไฝตามร่างกาย ใครมีไฝที่ปลายนิ้วสังเกตให้ดี ชีวิตนี้จะมีบริวารมาให้ใช้สอยไม่ขาดเลย
คุณสนธิ : จมูกคุณสมัครเป็นรูปชมพู่ หมายความว่ายังไง
พระอาจารย์วัลลภ : บ่งชี้วาสนาของแกนะ องคาพยพที่ดีเหมือนกัน ทำให้ดูมีอำนาจ บางครั้งโหงวเฮ้ง ดีแต่ไม่สวย บางคนรูปหล่อสวยดี แต่โหงวเฮ้งไม่ดี คนที่ทำบุญมาถึงพร้อมทั้งดูสวยและโหงวเฮ้งดี คนส่วนใหญ่จะคละๆกัน ในด้านเดียวกันบางส่วนจะดี บางส่วนจะไม่ดี
คุณสนธิ : แต่ความสวยไม่สวยมันอยู่ที่การปรุงแต่งของเราเองไม่ใช่เหรอครับ
พระอาจารย์วัลลภ : บางคนดีพอแต่งดีก็ยิ่งดี บางคนไม่สวยอยู่แล้ว พอไปทำเหมือนแดร๊กคิวล่าไปก็มี
คุณสนธิ : ในทางพุทธศาสนาเราเช็คได้ไหมว่าผล ที่ทำในชาติก่อนเหลืออยู่แค่ไหน
พระอาจารย์วัลลภ : ถ้านับเป็นว่าจะตายเมื่อไหร่คงไม่ได้ แต่ถ้าจะดูว่าเป็นผลบุญหรือบาปให้เช็คดูที่ผัสสะ ถ้าคุณภาพผัสสะดีเป็นผลบุญ ถ้าคุณภาพผัสสะแย่เป็นบาป ผลกรรมต้องเช็ครายวัน เช็คทุกวินาที
หญิงกับชายก็เป็นผลของกรรมนะ คนใดที่เกิดเป็นหญิงก็เพราะว่า 1.เวลาทำบุญกุศลทำอย่างอ่อน มาอย่างนั้น ไม่ตั้งใจ หลับๆตื่นๆ 2.เคยไปล่วงละเมิด ผิดศีลข้อที่ 3 มีเศษของกรรมตามมาหลังจากไปใช้กรรมในนรกแล้ว มาเกิดในโลกมนุษย์ เศษของกรรม คือ เกิดเป็นแต๋ว ทอม กะเทย ดี้ มักจะเกิดเป็นหญิง มีความรักไม่สมหวัง หย่าร้างอยู่เสมอ
ในพระไตรปิฎกพูดเรื่องนิวเคลียส ดีเอ็นเอ โคร- โมโซม น่าแปลกที่ 2,500 กว่าปีมาแล้วมีคนพูดเรื่องนี้ วิทยาศาสตร์ที่ค้นพบในปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้ นายเมนเดล เฮเกล เป็นบิดาของพันธุศาสตร์ เมื่อร้อยกว่า ปีมาแล้วที่ค้นพบ แล้ว 2,500 ปีกว่าก่อนหน้านั้นจะเรียกว่าอะไร น่าทึ่งไหม อัศจรรย์มาก
กรรมให้ผลหลายทาง ผลในทางรูปธรรม ผลใน ทางรู้ผัสสะ ผลในทางสืบสันดานนิสัย ถ้าผลในทาง นามธรรม ในเชิงปฏิสนธิ ไปเกิดเป็นโน่นเป็นนี่ ให้ผล ในรูปธรรมคือบอดี้(ร่างกาย) กรรมจะให้ผลผ่านร่าง กายของเราในรูปของดีเอ็นเอ กรรมไม่ได้ให้ผลกับเนื้อตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งหมด บางส่วนได้มากจาก กินข้าว กรรมให้ผลทางตัวสารพันธุกรรม เมื่อมีสารพันธุกรรมแล้วกรรมทำหน้าที่โปรแกรมเหมือนการวาดแปลนบ้าน ต้องมีรูปทรงนี้นะ ส่วนที่มาก่อสร้างคือ อาหาร น้ำที่กินเข้าไป มนุษย์เราจึงมีรหัสอัตภาพร่างกายอย่างนี้
คุณสนธิ : ถ้าอย่างนั้นในเชิงวิทยาศาสตร์ ที่เขาตัดต่อพันธุกรรมถึงจุดจุดหนึ่งที่เขาค้นพบแล้ว เขาเปลี่ยนรหัสกรรมได้ไหมครับ
พระอาจารย์วัลลภ : ในการที่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับอณูชีวโมเลกุล หรือสารพันธุกรรมนี้ สิ่งที่ทำ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้มีกฎแห่งกรรมมาชักจูงให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างกาย นี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเดิมที่ได้กล่าวไว้แล้ว คือ เกิดในยุคที่เทคโนโลยีทำได้พอดี สมัยก่อนทำไม่ได้ เหมือนคนผ่าตัดร่างกาย บุญส่งผลให้แก้ไขสำเร็จ ถ้าบาปส่ง ผล ผ่าตัดไม่สำเร็จ
คุณสนธิ : ศาสนาพุทธบอกว่าทำกรรมชั่วตายแล้ว ต้องไปตกนรก คนที่ไม่ได้นับถือพุทธทำกรรมชั่วแล้ว ต้องไปลงนรกหรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : เนื่องจากว่าสิ่งมีชีวิตมีหลากหลายรูปแบบอัตภาพ มีสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วย เช่น แบคทีเรีย มีรูปแบบสิ่งมีชีวิตเยอะมาก โดยเฉพาะพวกโอปาติกะสัตว์ สัตว์ในโลกของวิญญาณ จะเป็นชีวภาพที่มีรูปแบบวิจิตรพิสดารมากตามกรรม ที่ได้ทำหน้าที่ออกแบบโครงสร้างทางชีวภาพให้มีรูปร่างอย่างนั้น เมื่อรูปแบบหลากหลาย สถานที่อยู่ของ มันก็หลากหลายตามไปด้วยโดยกระบวนการธรรมชาติ และสอดสัมพันธ์กันตาม
ถ้าทำดีรูปแบบก็อยู่สบาย ออกแบบในรูปแบบที่มีความสุข อยู่ในสิ่งแวดล้อมภูมิศาสตร์ที่ดีไปด้วย ถ้าทำชั่วมามาก กรรมออกแบบโครงสร้างชีวภาพให้เป็นสัตว์ทรมาน และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทรมาน สิ่งแวดล้อมเหล่านี้เราไปตั้งชื่อเรียกว่านรก ว่าสวรรค์ ติ๊งต่างเรียกนะ อย่างพวกแบคทีเรีย จุลินทรีย์ ชอบไปอยู่ในของบูดเน่า ให้มาอยู่ในดอกไม้หอมมันก็ไม่อยู่
ทำนองเดียวกันนั้นแหละ คนที่ทำบาปมามาก แล้วได้โครงสร้างชีวภาพที่ทุเรศๆ มันก็ชอบอยู่ในที่ทุเรศ ด้วยนะ ดังนั้นคนจะนับถือศาสนาอะไร เชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ไม่มีผล เมื่อทำกรรมไว้อย่างไร ก็จะได้ผล กรรมอย่างนั้น การที่เราทำบาปมาจะส่งผลให้เรายิน ดีในบาป สนุกกับผลของบาป อาตมาดูข่าว เด็กอายุ 15 บ้านใครเผลอไม่ได้ เอาผ้าขี้ริ้วเคี้ยวกินเป็นอาหาร บอกว่าอร่อย อย่างนี้ยินดีในผลของบาป ทำให้นึกถึง คัมภีร์กล่าวถึงตระกูลของสัตว์นรกเผ่าหนึ่งอร่อยในการแลบลิ้นเลียเปลวไฟ เกิดเป็นพรหมก็กินอีกแบบ หนึ่ง กินปีติเป็นอาหาร สัตว์มีความหลากวิจิตรตามกายภาพ อาหารก็หลากวิจิตรตามกรรม ที่อยู่ก็หลาก วิจิตรตามกรรม
คนที่คิดว่าอะไรที่ฉันไม่เห็นไม่มีจริง คนนั้นก็โง่มากๆเลย อหังการ์ เพราะเอาประสาทสัมผัสของตัวเองเป็นเพดานวัดค่าว่าอะไรมีจริงไม่มีจริง เท่ากับปฏิเสธความจริงมหาศาล เพราะศักยภาพการรับรู้ของเรามีจำกัด เรานั่งอยู่ริมตลิ่งยังไม่รู้เลยว่าตรงไหนมีปลา แต่นกเห็นและพุ่งมาจิกปลาได้ ที่นั่งอยู่มีคลื่นเสียงเยอะมาก เราไม่รู้เอง
คุณสนธิ : ถ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วดับขันธปรินิพพานแล้ว กรรมทั้งหมดจะเป็นอโหสิกรรมจริง หรือเปล่า
พระอาจารย์วัลลภ : เป็นอโหสิหรรม
คุณสนธิ : ปาณาติบาตเป็นกรรมที่ทำให้คนอ่อน แออายุสั้น กรรมใดที่ทำให้คนอายุยืนยาว ช่วงก่อนตายทรมานด้วยโรคต่างๆ เช่น อัมพาต อยากทราบว่าเป็นเนื่องจากเหตุใด
พระอาจารย์วัลลภ : พวกที่ตัดชีวิตอายุสั้น พวกที่ทรมานกรรมส่งผลให้เราทรมานนาน เป็นโรคนาน ตายยาก พวกทรมานสัตว์จะทรมานกายอยู่นาน กรรมใครทำใครได้ คนไม่ทำไม่เกี่ยว จะเป็นคนเก่งต้องทำกรรมดีอะไรบ้าง ให้นึกเสมอว่าเราโง่ตลอดเวลา อย่าไปคิดว่าน้ำเต็มแก้ว ต้องเติมตลอดเวลา
การตั้งเวลาคลอดลูกไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนกรรม เพราะกรรมทำให้เกิดเวลานั้น ได้อวัยวะนั้น ความเป็น ไปของชีวิตยังเป็นไปตามกรรม ไม่มีผลการไปผ่าเอา ออกตามเวลา
คุณสนธิ : สิ่งมีชีวิตเวียนว่ายตายเกิด ทำไมประชากรมีเยอะ
พระอาจารย์วัลลภ : วิญญาณที่จะเกิดใหม่นับไม่ได้ มีมากจนไม่มีตัวเลข ปัจจัยที่ทำให้เกิดใหม่ตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีการแพทย์มีมากมันเอื้อ ปฏิสนธิก็มาก สัตว์ที่จะต้องเกิดเป็นมนุษย์ก็มาก จักรวาลมีเยอะ มีดาวดวงอื่นด้วย การเกิดก็ถ่ายเทไปได้ แต่ก็ไม่มากตลอดไป เกิดคราววิบัติของมนุษย์ทั้งโลก ก็มี คนจะเกิดเป็นมนุษย์มีมาก ขึ้นอยู่กับว่าดาวดวงไหนจะเอื้อให้เกิดได้มาก การถ่ายเทเกิดได้ตลอดเวลา จักรวาลอื่นก็มีพระพุทธเจ้าด้วย แต่จักรวาลเรามี 5 องค์
คุณสนธิ : ทำไมคนทำดียังต้องผจญกับกรรม เช่น อ.ปรีดี (ปรีดี พนมยงค์) อ.ป๋วย (ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์)
พระอาจารย์วัลลภ : เป็นวิบากกรรม กรรมเก่า
.....
หนังสือพิมพ์ธรรมลีลาจะนำเรื่อง ‘รหัสกรรม’ ที่เขียนโดยพระอาจารย์วัลลภ ชวนปัญโญ มาลงตีพิมพ์ให้อ่านตั้งแต่ฉบับเดือนเมษายน 48 เป็นต้นไป โปรดติดตาม
( คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบน เพื่อฟังการสนทนาทั้งหมด )