xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : มหาเถรฯ ทบทวน ‘พระเดินนห้าง’ ตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สืบเนื่องจากกรณีมีข่าวออกมาว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีคำสั่งห้ามพระเดินห้าง พร้อมอ้างมติคณะสังฆมนตรีครั้งที่ 8/2493 เกี่ยวกับสถานที่อโคจร จนส่งผลให้พระเทพวิสุทธิกวี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ถึงกับออกมาบอกว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ปัญญาอ่อนและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพระสงฆ์ อยากเห็นพระสงฆ์โง่อยู่แต่ในวัด จำศีลอยู่ในกุฏิ คำว่าสถานที่อโคจร คือโรงเหล้า ย่านโสเภณี สถานที่มีการแข่งขัน บ่อนการพนัน และแหล่งอบายมุข ส่วนห้างสรรพสินค้าและตลาดนัด แม้จะไม่เหมาะสมที่พระภิกษุสามเณรไปเดิน แต่ต้องมีข้อยกเว้น พระเองก็คงไม่อยากจะเดินทางไปห้างสรรพสินค้าถ้าไม่จำเป็น แต่บางกรณีการใช้ลูกศิษย์ไปซื้อของอาจจะได้ของไม่ถูกใจ หรืออาจจะถูกเชิดเงินสูญหาย ไป ทำให้ต้องเดินทางไปเอง โดยเฉพาะปัจจุบันคอมพิวเตอร์จำเป็นมาก หรือถ้าสำนักงานพระพุทธฯไม่อยากให้พระไปเดินห้างก็ซื้อมาถวายวัดจะได้ไม่มีปัญหา ส่วนที่อ้างว่ามีประชาชนร้องเรียนเข้าไปนั้น ถามว่ามีกี่ราย และถ้าร้องเรียนไปต้องทำทุกเรื่องโดยไม่ตรวจสอบความจริงหรือถามพระสักคำเลยหรือ กฎหรือคำสั่งก็ดีมีเพื่อจะใช้ปิดทางคนทำชั่ว แต่คนที่ออกคำสั่งก็ต้องดูตัวเองด้วยว่า ทำไปแล้วมีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน
ส่วนพระครูปลัดสัมพิพัฒน์วิริยาจารย์ เลขานุการวัดสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบธรรมเพราะเป็นการเหมารวมไปหมดว่า พระที่เดินไปห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัดเป็นพระไม่ดี ทั้งที่พระหลายรูปอาจจะไปซื้อสิ่งของที่จำเป็น อย่างพระหนุ่มที่เรียนหนังสือ ไม่มีลูกศิษย์ก็ต้องไปซื้อของเอง หรือจะรอให้ญาติโยมมาซื้อให้บางครั้งก็เกรงใจ ทำไมไม่จัดเป็นโซนหรือแบ่งพื้นที่ไปเลยว่าโซนไหนควรไป ไม่ควรไป
ด้านพระมหาโชว์ ทัสสนีโย ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธฯไม่มีเรื่องทำแล้วหรือจึงมาจำกัดสิทธิพระ ทุกวันนี้พระสงฆ์ก็มีสภาพเป็นประชาชนชั้นสองที่ไร้สิทธิอยู่แล้ว แถมยังเอามติโบราณตั้งแต่ปี 2493 เกี่ยวกับสถานที่อโคจรมาอ้างอีก ซึ่งไม่สอดคล้องกับสังคม ทำไมไม่นำเรื่องเข้ามหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วให้มีมติออกมา คำสั่งดังกล่าวประสงค์ดีแต่หวังร้ายกับพระ
ขณะที่นางบุญศรี พานะจิตต์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า สำนักพุทธฯมีหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดในเรื่องนี้จริง แต่เป็นการขอความร่วมมือให้เจ้าอาวาสกวดขันดูแลพระภิกษุสามเณรลูกวัดไม่ให้ไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือตลาดนัด ไม่ได้เป็นคำสั่งห้ามแต่ประการใด
ขณะเดียวกันนางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) ก็ออกมาย้ำว่าไม่ใช่คำสั่งห้าม เป็นเพียงหนังสือขอความร่วมมือแจ้งไปยังเจ้าคณะปกครอง เจ้าคณะจังหวัด พระสังฆาธิการ ให้ตักเตือนพระภิกษุ สามเณรที่อยู่ในเขตปกครอง เพราะที่ผ่านมา พศ.ได้รับหนังสือร้องเรียนทั้งจดหมายและโทรศัพท์เข้ามาเป็นจำนวนมากว่ามีพระภิกษุสามเณรไปเดินตามห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า หรือศูนย์การค้าต่างๆ ดูแล้วไม่เหมาะสม เพราะเป็นย่านที่จำหน่ายเทป วีซีดี แล้วมีพุทธศาสนิกชนได้พบเห็นก็ไม่สบายใจว่าไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผู้อำนวยการ พศ. คนก่อนได้สั่งการให้หาทางป้องกันและปราบปราม ทางมส. จึงได้นำเรื่องนี้ไปดำเนินการและขอความร่วมมือในการจะตักเตือนในทางปกครอง
ข่าวนี้ส่งผลให้เกิดกระแสการวิพากษ์ วิจารณ์เป็นอย่างมากในสังคม
........
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย.47 ได้มี แถลงการณ์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.) ลงนามโดยพระครูใบฎีกาสมศรี ธีรปัญโญ ประธานนักศึกษา มมร. และพระพงษ์พิสุทธิ์ สิริวัฑฒโก ประธานคณะกรรมการนิสิต มจร. ส่งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่องขอให้พิจารณาทบทวนคำสั่งห้ามพระภิกษุสามเณร ไปเดินห้างสรรพสินค้า และตลาดนัด ความว่า
เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีการออกหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะพระสังฆาธิการและวัดต่างๆทั่วประเทศให้ชี้แจงแก่พระภิกษุ-สามเณรที่อยู่ในเขตปกครอง เรื่องห้ามพระภิกษุ-สามเณรไปเดินห้างสรรพสินค้าและตลาดนั้น เนื่องจากการบริหารงาน การเผยแผ่ การศึกษาของคณะสงฆ์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้อุปกรณ์สื่อสารสนเทศในการเผยแผ่และการศึกษาทั้งสิ้น ทางพระนักศึกษา พระนิสิต ทั้ง 2 มหาวิทยาลัยสงฆ์ ได้ทราบถึงปัญหาและข้อจำกัดต่างๆเป็นอย่างดี แต่ขอตั้งข้อสังเกตการออกคำสั่งนี้ไว้ 3 ประการ คือ
1. หนังสือนี้มิได้นำเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคมและไม่ได้เป็นมติของมหาเถรสมาคม จึงเป็นการล่วงเกินมหาเถรสมาคม
2. ทำไมต้องนำเรื่องนี้มาแจ้งต่อสื่อมวลชนก่อนเข้าที่ประชุมมส. ถ้าหากว่าไม่มีความเห็นแย้งจากพระภิกษุ-สามเณร อาจก่อให้เกิดความเสียหาย เพราะผู้ทำผิดมีเพียงส่วนน้อย แต่ลง โทษพระทั้งประเทศ
3. แสดงให้เห็นว่าผู้ออกหนังสือฉบับนี้และผู้ที่มีส่วนร่วมรู้เห็นในเรื่องนี้ไม่มีความเข้าใจต่อหน้าที่การงานที่ควรทำ อย่างนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาโดยรวม
ทั้งนี้ พระนักศึกษา พระนิสิตทั้ง 2 มหาวิทยาลัยสงฆ์ จึงมีมติร่วมกันให้จัดทำแถลงการณ์ขึ้น 1 ฉบับ เพื่อให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้มีการทบทวนคำสั่งดังกล่าวนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
จึงเจริญพรมายังท่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ทราบ และพิจารณาทบทวนเรื่องนี้ พระนักศึกษาและพระนิสิต จะติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากมีวาระซ่อนเร้น พระนักศึกษาพระนิสิตจะทำการคัดค้านต่อไป เราพร้อมที่จะช่วยกันแก้ปัญหา แต่อย่าเอาคนชั่วมาทำลายคนดี
ต่อมาในวันที่ 10 พ.ย.47 ได้มีการนำเรื่องห้ามพระเดินห้างเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม โดย น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบข้อทักท้วงของประธานนักศึกษา มมร. และประธานคณะกรรมการนิสิต มจร. ในขณะเดียวกันกรรมการมหาเถรสมาคมก็เห็นว่าการดำเนินงานของสำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดนั้นเป็นขั้นตอนค่อนข้างรวบรัด คือ ควรจะนำเข้ามหาเถรสมาคมก่อน แล้วมีหนังสือทำความเข้าใจแจ้งไป หรือมีหนังสือให้เจ้าคณะใหญ่หนต่างๆสั่งการลงไปเป็นทอดๆ ส่วนเนื้อหานั้น มหาเถรฯเห็นว่ามติสังฆมนตรีปี 2493 ยังเป็นมติที่ถูกใช้อยู่ แต่มติมหาเถรเรื่องนี้ก็ต้องมีการปัดฝุ่นและกำหนดให้ชัดเจนว่าอะไรที่ไม่ควร และจะแก้ไขกันอย่างไร เพราะการพูดว่าห้างสรรพสินค้านั้น มีหลากหลายมาก อย่างตลาดนัดมีอยู่ในมติปี 93 ซึ่งระบุว่าตลาดนัดสนามหลวง ตอนนี้ก็ต้องประยุกต์ว่าเป็นจตุจักร แต่หากมาประยุกต์กับห้างจะเป็นการตีขลุมมากเกินไปหรือไม่ แล้วห้างก็มีหลายแผนก เช่น แผนกหนังสือ อาจจะเดินได้หรือไม่ แผนกซีดีจะสมควรมั้ย เรื่องเหล่านี้พระท่านอยากให้กำหนดรายละเอียดลงไป หรือถ้าเห็นว่าไม่ควรกำหนด ให้เป็นเรื่องของผู้ปกครองแต่ละระดับดูแลกันเองก็ได้ แต่ต้องเข้มงวด
“มหาเถรสมาคมจึงมีมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานขึ้นชุดหนึ่งประกอบด้วยทั้งพระและฆราวาสขึ้นมาพิจารณาร่วมกันในเรื่องนี้ ซึ่งพระนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นกรรมการมหาเถรเท่านั้น เป็นพระรูปอื่นๆที่มีความสนใจในเรื่องนี้ ให้มาช่วยกันคิดมาช่วยกันดูมติปี 93 แล้วดูเรื่องอื่นๆด้วยที่ขณะนี้มีปัญหาเรื่องของความไม่สบายใจของชาวพุทธเวลาเห็นพระสงฆ์หรือเณรมีอาจาระที่ไม่เหมาะสมในบางเรื่อง ก็ให้คณะทำงานชุดนี้มาช่วยกันคิดพิจารณาเป็นภาพรวมทั้งหมดว่าเราควรจะทำอะไรอย่างไร การตั้งคณะทำงานชุดนี้คาดว่าประมาณ 7-10 รูป/คน มาจากหลากหลาย ต้องเป็นพระที่เป็นที่เคารพ เวลาคิดอะไรต้องเป็นกลางๆ คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน เป็นคณะทำงานที่มาช่วยกันคิดช่วยกันร่างและนำเข้ามหาเถรสมาคม”
ผอ.พศ.เปิดเผยต่อ ว่าในส่วนของกรรมการมหาเถรฯได้บอกว่าการดำเนินการเรื่องของพระเณรนั้นขอให้ใช้ความละมุนละม่อม คืออย่าสั่งการกันเหมือนข้าราชการทหารตำรวจ เพราะว่าจะไม่เหมาะสมและพระท่านจะไม่สบายใจ ส่วนหนังสือของสำนักพุทธที่มีไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดนั้น บางจังหวัดก็มีการประชุมพระสงฆ์ บางจังหวัดก็ยังไม่มีการสั่งการใดๆ เพราะจุดสำคัญคือสั่งแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปตรวจอย่างไร อีกประการหนึ่งเจ้าคณะผู้ปกครองบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่ค่อยชัดเจน ทำ ให้ท่านสั่งการลำบาก แต่พระท่านคงมีความระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากมีคนจับตาดูกันมากขึ้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ นสพ.ธรรมลีลา พบว่า ข่าวนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนในสังคมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้ แต่ webboard (กระดานสนทนา)ต่างๆในอินเตอร์เน็ต ที่บางเวปมีผู้เขียนแสดงความเห็นมากว่า 600 ราย เช่น pantip.com, mthai.com, hunsa.com, manager.co.th, teenee.com, kapook.com เป็นต้น ซึ่งผู้ที่แสดงความคิดเห็นเข้ามานั้นส่วนใหญ่จะเห็นว่าการที่พระไปเดินตามห้างสรรพสินค้า เป็นการไม่สมควร เพราะเป็นสถานที่ที่ไม่น่าไป โดยหลายคนใช้ถ้อยคำตำหนิอย่างรุนแรง
เป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่เล่นอินเตอร์เน็ตนั้น มักจะเป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย ไฮเทค ไม่ชอบอะไรที่คร่ำครึโบราณ ดังนั้นน่าที่จะรับได้กับการที่พระสงฆ์เข้าไปเดินเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือไปเดินตามห้าง ตามตลาดนัด แต่ปรากฏว่าคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่พระไปเดินเบียดเสียดผู้คนเพื่อเลือกซื้อหาสินค้าเช่นนั้น
และเมื่อไปตรวจสอบที่ห้างดังกลางเมือง ย่านประตูน้ำ ซึ่งเป็นที่ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แหล่งใหญ่ พบว่า ยังคงมีพระหนุ่มเณรน้อยจนกระทั่งถึงหลวงตา ไปเดินดูคอมพิวเตอร์ตามร้านต่างๆในห้าง แต่ก็มีจำนวนน้อยลงกว่าปกติ โดยมีสายตาของผู้คนที่มาซื้อสินค้าจับจ้องอยู่ตลอด เจ้าของร้านรายหนึ่งเล่าว่า เห็นมีข่าวว่าห้ามพระเดินห้าง พระก็เลยมากันน้อย บางรายที่เคยมาก็ใช้วิธีสั่งสินค้าทางโทรศัพท์แทน ซึ่งเราก็ยินดีไปส่งให้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ห้างดังกล่าวนั้น ขณะที่ทางทีมงาน ‘ธรรมลีลา’ ออกตรวจสอบ พบว่ามีการนำแผ่นซีดีลามกอนาจารวางขายกันเกร่อ พร้อมภาพอัลบั้มทีเด็ดให้เลือกซื้อกันอย่างโจ๋งครึ่ม
ในขณะทีี่ ‘คลองถม’ ซึ่งเป็นย่านขายเครื่องไฟฟ้าและสินค้าสารพัดชนิด รวมทั้งซีดีเพื่อความบันเทิง เป็นอีกย่านหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่กล่าวว่าเห็นพระสงฆ์ไปเดินเบียดเสียดเลือกซื้อสินค้ากันเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่มีผู้คนมากมายมาเลือกซื้อหาสินค้ากันที่นี่ เราจึงได้ออกไปตรวจสอบดู พบว่ายังมีพระมาเดินเลือกซื้อสินค้ากันอยู่บ้าง จำพวกอุปกรณ์เครื่องเหล็กต่างๆ รวมถึงซีดีภาพยนต์ เพลง ฯลฯ พระที่มาบางรายก็มีลูกศิษย์ลูกหาติดตามมาด้วย
ครูท่านหนึ่งที่มาซื้อของที่คลองถม บอกว่า มาทุกครั้งก็เจอพระมาซื้อของกันเยอะ บางทีก็เห็นเลือกซื้อซีดีหนังเยอะแยะ ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม จริงๆแล้วพระเป็นบุคคลที่มีผู้คนเคารพกราบไหว้ สังคมคาดหวังพระไว้สูงกว่าครู มองพระว่าเป็นผู้สูงส่ง มีศีลเยอะกว่าคนทั่วไป แต่ ถ้าพระมาเที่ยวเดินเบียดเสียดเลือกซื้อของตามห้าง ตามคลองถม ตลาดนัดแบบนี้ ก็เป็นภาพที่ไม่ดีเท่าไหร่ “อย่าว่าแต่มาเดินซื้อของเลย แค่ยืนปักหลักรับบิณบาตตอนเช้าๆน่ะ คนยังขาดศรัทธาเลยนะ”
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังไม่เป็นที่ยุติในหมู่คณะสงฆ์ เพราะมหาเถรสมาคมหาทางออกด้วยการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาทบทวนกฎเกณฑ์ต่างๆ ดังนั้น ประชาชนทั่วไปก็คงจะได้เห็นพระสงฆ์ตามห้างสรรพสินค้าและตลาดนัดเช่นเดิม เพียงแต่อาจจะน้อยลงเท่านั้น และคงต้องติดตามกันต่อไปว่าผลการพิจารณาศึกษาจะออกมาในรูปแบบใด แต่ที่แน่ๆผู้คนในสังคมกำลังเฝ้าจับตาดูการแก้ปัญหานี้อย่างใกล้ชิด

ที่ พศ.0006/9447
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
5 ตุลาคม 2547

เรื่อง พระภิกษุสามเณรไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า
นมัสการ เจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด
สิ่งที่ส่งมาด้วย
1. สำเนาหนังสือสังฆนายก เกี่ยวกับสถานที่อโคจร จำนวน 1 แผ่น
2. มติคณะสังฆมนตรีเกี่ยวกับสถานที่อโคจร จำนวน 1 แผ่น
3. สำเนาหนังสือของผู้ใช้นามว่า พุทธศาสนิกชน จำนวน 1 แผ่น

ด้วยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับหนังสือจากผู้ใช้นามว่า พุทธศาสนิกชน แจ้งว่า มีพระภิกษุสามเณรได้ไปเดินเที่ยวซื้อของที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งเป็นห้างที่จำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์และแผ่นซีดีภาพยนตร์ทุกประเภท ประกอบกับในห้างดังกล่าวมีประชาชนมากมายมาเที่ยวเดินซื้อของ การที่พระภิกษุสามเณรไปเดินซื้อของเบียดเสียดประชาชน เป็นการไม่สมควร จึงขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาดำเนินการ ความละเอียดปรากฏตามสำเนาเอกสารที่แนบถวายมาพร้อมนี้
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอนมัสการว่า การที่พระภิกษุสามเณรไปเที่ยวซื้อของตามห้างสรรพสินค้า และสถานที่ซึ่งเปิดเป็นตลาดนัด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เป็นการไม่สมควรแก่สมณวิสัย เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีประชาชนไปซื้อของเป็นจำนวนมากและเป็นสถานที่อโคจรอันพระภิกษุสามเณรไม่ควรเข้าไปตามพระวินัย รวมทั้งเป็นที่ติเตียนของสาธุชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องนี้ สังฆมนตรีได้มีมติ ครั้งที่ 8/2493 กำหนดสถานที่อโคจร และขอให้เจ้าอาวาสกวดขันพระภิกษุสามเณรในวัดไม่ให้ไปในที่อโคจร ในการนี้สมเด็จพระวันรัต สังฆนายกได้มีหนังสือแจ้งเจ้าคณะและเจ้าอาวาสในจังหวัดพระนครและธนบุรี เตือนพระภิกษุสามเณรไม่ให้ไปเที่ยวตลาดนัดท้องสนามหลวงและยืนดูการเสด็จพระราชดำเนินในที่ต่างๆ จึงควรที่เจ้าคณะพระสังฆาธิการจะได้ตักเตือนพระภิกษุสามเณรและอาคันตุกะซึ่งอยู่ในเขตปกครองและรับผิดชอบ มิให้ไปเที่ยวซื้อสิ่งของตามห้างสรรพสินค้าและสถานที่ซึ่งเปิดเป็นตลาดนัดทั่วไป
จึงนมัสการมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
ลงชื่อนางบุญศรี พานะจิตต์
รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทน
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

มติสังฆมนตรี ครั้งที่ 8/2493
เกี่ยวกับสถานที่อโคจร

1. กำหนดสถานที่อโคจร
2. กำหนดโทษให้สึกแก่ภิกษุสามเณรผู้ไปในสถานที่อโคจร โดยที่รู้ว่าเป็นที่อโคจร
3. แจ้งให้เจ้าอาวาสกวดขันภิกษุสามเณรในวัดไม่ให้ไปในที่อโคจร
4. แจ้งให้เจ้าคณะฝ่ายปกครองกำชับเจ้าอาวาส
5. เมื่อภิกษุสามเณรต่างเมืองเข้ามาพักในจังหวัดใด ให้เจ้าอาวาสแจ้งสถานที่อโคจรของจังหวัดนั้นให้ทราบ และกำชับไม่ให้เข้าไปในที่อโคจรนั้น
6. ให้เจ้าหน้าที่สารวัตร กองสังฆการี ทำการจับกุมพระภิกษุสามเณรผู้ผ่าฝืนส่งเจ้าคณะที่ใกล้ที่สุด เมื่อสอบสวนได้ความจริงแล้วจัดการสึกภายใน 7 วัน

หนังสือสังฆนายก เกี่ยวกับสถานที่อโคจร

ที่ น.292/2501 วัดเบญจมบพิตร
3 ตุลาคม 2501
เรื่อง ให้เจ้าคณะเจ้าอาวาสเตือนพระภิกษุสามเณรไม่ให้ไปเที่ยวตลาดนัดท้องสนามหลวง และยืนดูการเสด็จพระราชดำเนิน
เรียน เจ้าคณะและเจ้าอาวาสในจังหวัดพระนครและธนบุรี ทุกชั้นและทุกวัด
ด้วยปรากฏว่า ได้มีพระภิกษุสามเณรโดยมากในจังหวัดพระนครและธนบุรีไปเที่ยวเตร่ซึ้อสิ่งของตามร้านค้าและดูการเล่นต่างๆ เบียดเสียดประชาชน ในวันเสาร์วันอาทิตย์ ณ ท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นวันเปิดตลาดนัด เป็นการไม่สมควรแก่สมณวิสัย
โดยเฉพาะท้องสนามหลวงในวันงานตลาดนัดนับเป็นสถานที่อโคจรอันพระภิกษุสามเณรไม่ควรไปตามพระวินัย และคณะสงฆ์ได้ประกาศห้ามไม่ให้พระภิกษุสามเณรไปเที่ยวในสถานที่ อโคจรไว้แล้ว
อีกประการหนึ่ง ปรากฏว่าในขณะที่สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า เสด็จพระ ราชดำเนินผ่านไปตามสถานที่ต่างๆ มักมีพระภิกษุสามเณรไปยืนคอยดูการเสด็จพระราชดำเนินเบียดเสียดปะปนกับประชาชนตามสถานที่นั้นๆ นับเป็นการไม่สมควรแก่สมณวิสัยเช่นเดียวกัน และเป็นที่ตำหนิติเตียนของสาธุชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอยู่เสมอ
ฉะนั้น จึงขอให้เจ้าคณะทุกชั้นเจ้าอาวาสทุกวัด จงตักเตือนพระภิกษุสามเณรและอาคันตุกะ ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาและความรับผิดชอบของตนๆ ไม่ให้ไปเที่ยวเตร่ตลาดนัดท้องสนามหลวงและยืนคอยดูการเสด็จพระราชดำเนินในที่ต่างๆ อีกต่อไป ถ้ายังมีพระภิกษุสามเณรประพฤติฝ่าฝืนอยู่ ก็ให้จัดการลงโทษตามอำนาจหน้าที่โดยควรแก่โทษานุโทษต่อไป
เรียนมาด้วยความนับถือ
(สมเด็จพระวันรัต)
สังฆนายก

กำลังโหลดความคิดเห็น