xs
xsm
sm
md
lg

ทางแห่งความดี : การได้ชีวิต ควรจะเป็นผลของการช่วยชีวิต มิใช่ผลของการทำลายชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องที่ 45 สังสารวัฏของคนพาล ตอนที่ 2/6

ความชั่วยิ่งทำยิ่งมาก
ความดียิ่งทำยิ่งหมด
ที่สุดของคนดีคือเป็นพระอรหันต์ แต่ที่สุดของคนชั่วไม่มี

ท่านว่าความชั่วนั้นยิ่งทำยิ่งมาก ส่วนความดียิ่งทำยิ่งหมด คือหมดความดีที่จะทำก็เป็นพระอรหันต์ แปลว่า ที่สุดของคนดีนั้นมีอยู่ แต่ที่สุดของคนชั่วไม่มี สงสารของคนพาลจึงยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ในระยะทางนั้นก็ต้องได้รับทุกข์นานาประการเหมือนคนติดคุกต้องถูกจองจำทำโทษ
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสปรารภเรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศลและบุรุษคนหนึ่ง มีเรื่องย่อคือ
วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเลียบพระนาคร ทรงช้างเผือก ชื่อปุณฑรีกะประทักษิณพระนครมาถึงประสาทหลังหนึ่ง ได้ทอดพระเนตรเห็นหญิงงามผู้มีสามีแล้วทรงปรารถนาจะได้นางมาเป็นบาทบริจาริกา จึงทรงเรียกสามีของนางมาเป็นมหาดเล็กถือเป็นส่วยราชพลี เพื่อหาโอกาสเอาความผิดแล้วลงพระราชอาญาฆ่าเสีย
วันเวลาล่วงไป ความเร่าร้อนทางกามได้เร่งให้พระราชารับสั่งให้มหาดเล็กทำสิ่งอันเหลือวิสัยคือ รับสั่งให้ไปนำดินสีอรุณ ดอกโกมุท และดอกอุบลในท้องทะเลลึกมาถวายให้กลับมาให้ทันเวลาทรงสรงสนานตอนเย็น มิเช่นนั้นจะลงพระราชอาชญาถึงชีวิต
บุรุษมหาดเล็กไปพบภรรยาก่อนออกเดินทางเพื่อเล่าเรื่องทั้งปวงให้ทราบ และให้หุงข้าวทำกับสำหรับไปกินกลางทาง และแบ่งปันให้ผู้คนระหว่างที่หิวโหยได้กินด้วย เมื่อบริโภคพอตามต้องการแล้วก็โปรยอาหารกำมือหนึ่งลงในน้ำประกาศด้วยเสียงอันดังขึ้น 3 ครั้งว่า
"นาค ครุฑ และเทพยดาทั้งหลาย! ขอจงฟังคำของข้าพเจ้า พระราชาปรารถนาจะลงอาญาแก่ข้าพเจ้า จึงทรงบังคับให้ข้าพเจ้านำดินสีอรุณ ดอกโกมุทและดอกอุบลไปถวายให้ทันเวลาสรงสนานตอนเย็นวันนี้ ข้าพเจ้าได้ให้อาหารแก่คนเดินทาง ทานนั้นมีอานิสงส์หนึ่งพัน ข้าพเจ้าได้ให้อาหารแก่ปลา ทานนั้นมีอานิสงส์หนึ่งร้อย ข้าพเจ้าขอแบ่งส่วนบุญเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายได้โปรดนำดินสีอรุณดอกโกมุทและดอกอุบลมาให้ข้าพเจ้าด้วย"
พญานาคได้ยินเสียงนั้น จึงนำของทั้งสามอย่างมาให้ชายมหาดเล็กนำเข้าวังแต่ไม่ทันเวลาเพราะเข้าเมืองไม่ได้ เพราะพระราชารับสั่งให้ปิดประตูเมืองตั้งแต่ยังวันใส่กุญแจแล้วนำกุญแจไปเก็บไว้เสียเอง
ชายมหาดเล็กจึงเอาดอกไม้แขวนไว้ที่ประตูด้านนอก และโยนก้อนดินเข้าไปภายในกำแพงเมืองแล้วประกาศแก่ชาวพระนครที่มาประชุมกันอยู่ในที่นั้นให้เป็นพยานแล้วหนีไปนอนที่วัดเอาพระเป็นที่พึ่ง
ฝ่ายพระราชาบรรทมไม่หลับตลอดราตรีนั้น เพราะความเร่าร้อนในเพราะกาม ครั้น มัชฌิมยาม (ระหว่าง 4 ทุ่มถึงตี 2) ได้ทรงสดับเสียงประหลาดก้องกังวาลขึ้นว่า "ทุ สะ นะ โส" ซึ่งปุโรหิตมาทำนายเหตุการณ์ว่า "อันตรายแห่งชีวิตจักมีแก่พระองค์"
ต้องบูชายัญ มีสัตว์อย่างละ 100 เป็นเครื่องประกอบยัญ มีช้าง, ม้า, โคอุสภ (โคผู้), แม่โคนม, แพะ, แกะ, ไก่, สุกร, เด็กชาย, เด็กหญิง รวมทั้งหมดเป็นหนึ่งพัน
เมื่อสัตว์และคนมารวมกันส่งเสียงร้องไห้ระงมไปทั้งพระลานหลวง พระนางมัลลิกาเทวี ทรงสดับเสียงนั้น รีบเสด็จไปสู่ตำหนักของพระราชาจึงทราบเหตุและคำทำนาย พร้อมให้คติว่า "ควรหรือที่จะเบียดเบียนชีวตของคนอื่นสัตว์อื่นเพื่อชีวิตของตน การได้ชีวิต ควรจะเป็นผลของการช่วยชีวิต มิใช่ผลของการทำลายชีวิต พระองค์ทรงกระทำลงไปโดยไม่มีเหตุผลเลย แล้วพาพระราชาเสด็จดำเนินไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลเรื่องทั้งปวงให้ทรงทราบ
พระศาสดาทรงสดับเนื้อความนั้นแล้ว ทรงรู้แจ้งแทงตลอดโดยประการทั้งปวง จึงตรัสปลอบพระราชาว่า "มหาบพิตรอย่าได้ทรงวิตกอะไรเลย อันตรายแห่งชีวิตไม่มีแก่พระองค์ หรือแก่พระอัครมเหสี เสียงที่ทรงสดับเมื่อคืนนี้นั้น เป็นเสียงของสัตว์นรกผู้เคยทำกรรมอันต่ำทรามไว้สมัยเป็นมนุษย์ และบัดนี้กำลังทุกข์ทรมานอยู่ในโลหกุมภีนรก สัตว์นรกเหล่านั้นยกศีรษะขึ้นดูแลกันและกัน ปรารถนาจะกล่าวข้อความบางส่วนในใจตน แต่ไม่อาจกล่าวได้ กล่าวได้เพียงคนละอักษรแล้วจมลงไปอีก เสียงนั้นมิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพระองค์เลย"
เมื่อพระราชาผู้มีพระประสงค์จะทรงทราบเรื่องราวของสัตว์นรกนั้นทูลถาม พระศาสดาจึงตรัสเล่าดังจะนำเสนอในวันจันทร์หน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น