เรื่องที่ 83 ตีสนิทกับความตาย ตอน2/8 การวางจิตทำใจเมื่อใกล้ตาย
สัปดาห์ก่อนได้เปิดฉากโหมโรงกันไปแล้วเป็นขั้นของการเตียมความพร้อมเพื่อตีสนิทกับความตาย คราวนี้พระอาจารย์มานพ อุปสโม ท่านได้เมตตาชี้ประเด็นให้เห็นอีกมุมหนึ่งของศึกชิงภพที่สำคัญครับ คือ
การวางจิต ทำใจเมื่อใกล้ตาย
คราวนี้ในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราจะให้รางวัลชีวิตอย่างไร และเราจะเตรียมตัวกันอย่างไร ก่อนที่เราจะล้มหายตายจากโลกนี้ไป เราจะวางจิตอย่างไร เราจะอบรมจิตอย่างไร และในขณะใกล้ตายเราจะทำใจอย่างไร
ในหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนานั้นถือว่า ถ้าบุคคลเรายังไม่หมดกิเลส ถ้ากิเลสยังไม่หมด ตายแล้วจะต้องเกิดใหม่ แต่ถ้าบุคคลใดทำลายอาสวกิเลสให้หมดสิ้นไป บุคคลนั้นตายแล้วจะไม่กลับ
มาเกิดอีก
31 ภูมิชีวิตภูมิจิต
การอุบัติเกิดขึ้นในภพใหม่ภูมิใหม่ของสรรพสัตว์ ท่านแสดงไว้มี 31 แห่ง หรือมีภูมิ 31 ภูมิ ที่สรรพสัตว์จะหมุนเวียนกันไปจากภูมินั้นสู่ภูมินี้ ในบรรดาภูมิต่างๆ ที่ท่านแสดงไว้นั้น ภูมิที่เป็นทุกข์คติ ตายแล้วไปอุบัติเกิดขึ้น ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนมีอยู่ ท่านเรียกว่าอบายภูมิ
อบายภูมิคืออะไร ตายแล้วต้องไปอุบัติเกิดขึ้นเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน และในภูมิทั้ง 4 ภูมินั้น เรามองเห็น 1 ภูมิ คือ เดรัจฉานภูมิที่เราไม่ปฏิเสธกัน ส่วนอีก 3 ภูมิเรามองไม่เห็น หลายๆ ท่านอาจคิดปฏิเสธว่าไม่มีก็ได้ แต่จะมีหรือไม่มีก็ได้ ที่แน่ๆ เรามองเห็น 1 ภูมิเป็นภูมิที่ไปอุบัติเกิดขึ้นแล้วได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน
ต่อจากนั้นเป็นสุขคติภูมิ สุขคติภูมิที่เรามองเห็นก็คือมนุษย์ มนุษย์ถือว่าเป็นสุขคติ มีความสุขมากกว่าสัตว์เดรัจฉาน หรือสัตว์ในอบายภูมิ ต่อจากนั้นเป็นเทวภูมิ เป็นพรหมภูมิ สูงๆ ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ
การอุบัติเกิดขึ้นในภูมิต่างๆ เกิดขึ้นด้วยอำนาจของอะไร
พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเกิดด้วยอำนาจของกฎแห่งกรรม กรรมเป็นผู้จำแนกแจกแจงให้สรรพสัตว์อุบัติเกิดขึ้นในภพภูมิต่างๆ ที่ท่านแสดงว่า กมฺมํงสเต วิพฺตชติ ยทิธํง หินฺตตีนีตตย ตะตะยะ แปลว่า กรรมย่อมจำแนกสรรพสัตว์ให้เลวและประณีตแตกต่างกัน สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมที่ท่านแสดงว่า กมฺมุนา วตฺตตีโลโก กรรมอุบัติเกิดขึ้นเกิดด้วยอำนาจของกฎแห่งกรรม กุศลกรรมนำไปสู่สุขคติ อกุศลกรรมนำไปสู่ทุกข์คติ การอุบัติเกิดขึ้นในภพภูมิต่างๆ นั้นเป็นไปตามกฎแห่งกรรม กรรมดีและกรรมชั่ว บุญและบาปที่เราเข้าใจกัน หรือเคยได้ยินได้ฟังกันคือ เรื่องของบุญ เรื่องของบาป จิตเป็นบุญ อำนาจของบุญจะส่งผลไปสู่สุขคติ ถ้าจิตเป็นบาป เป็นอกุศล อำนาจของบาปอกุศลก็จะส่งผลไปสู่ทุกข์คติ
พระพุทธเจ้าแสดงว่าจิตของบุคคลเป็นผู้นำไป นำไปสุขคติ นำไปทุกข์คติ
คราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตายแล้วเราจะไปไหน
ท่านให้ดูจิต ถ้าจิตผ่องใสตายแล้วไปสู่สุขคติ ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ถ้าจิตไม่ผ่องใสจิตขุ่นมัวตายแล้วจะไปสู่ทุกขคติ ท่านให้เราสังเกตจิตในเวลาใกล้ตายท่านทั้งหลายอยากจะรู้ว่าบุคคลตายแล้วไปไหน ให้สังเกตว่าคนที่ใกล้จะตาย ใจเศร้าหมอง หรือใจผ่องใส ตรงนี้พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า จิตเตสังขิฤทธิ์เถ ทุกข์คติปาฏิกังขา บอกว่า ถ้าจิตเศร้าหมองแล้วไปสู่ทุกข์คติ จิตเตอะสังขิฤทธิ์เถ สุขคติยปาฏิกังขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้วตายก็ไปสู่สุขคติ
บุคคลเวลาใกล้จะตายนั้น กรรมเขาจะทำหน้าที่ส่งผล คราวนี้ถ้ากรรมดีมีโอกาสส่งผล จิตของบุคคลนั้นก็จะผ่องใส ถ้ากรรมชั่วมีโอกาสส่งผลจิตของบุคคลนั้นก็จะขุ่นมัว ท่านจึงให้เราละวางใจในขณะใกล้ตาย
การเตรียมตัวก่อนตาย ก็คือตายอย่างไรจึงจะไม่ไปทุกข์คติ คือเราตายแล้วเราไม่ไปทุกข์คติ ตายแล้วไปสุขคติ การจะตายไปสู่สุขคตินั้น ก็จะต้องระวังใจไม่ให้ใจเศร้าหมอง ต้องทำใจ
ให้ผ่องใส
ทำอย่างไรใจจะผ่องใส
ใจของบุคคลจะผ่องใสต้องมีการฝึก มีการอบรม ฝึกจิตอบรมจิต เรามีการฝึกจิต มีการอบรมจิต ก็จะประคับประคองจิตของเราไม่ให้ขุ่นมัว
ท่านทั้งหลายลองถามใจตัวเองว่า ถ้าวันนี้เราจะตาย กลัวตายไหม ความรู้สึกลึกๆ กลัวหรือไม่กลัว ความกลัวเป็นปฏิคะ ความกลัวเป็นโทสะ บุคคลตายไปเพราะความหวาดกลัว อำนาจความหวาดกลัวจะนำไปทุกข์คติ แต่เมื่อเราถามใจตัวเองแล้ว ตอบว่า ตายเป็นตาย ตายวันนี้ก็ตาย ตายพรุ่งนี้ก็ตาย มีความพร้อมที่จะตาย เมื่อพร้อมจะตายไม่อาลัยอาวรณ์อะไรๆ แล้วใจก็จะไม่หวาดกลัว ถ้าใจไม่หวาดกลัวจิตก็จะผ่องใส ตายแล้วจะไปสู่สุขคติ
จิตผ่องใสจิตขุ่นมัวเกิดด้วยอำนาจของอะไร
จิตผ่องใสจิตขุ่นมัวเกิดด้วยอำนาจของกรรม กรรมที่เราได้ทำไว้และกรรมเหล่านั้นได้โอกาสในเวลาใกล้จะตายนั้นทุกคนจะประสบเหมือนกัน ท่านบอกว่าเวลาใกล้จะตายจะมีอารมณ์มาปรากฏให้เราได้รับรู้
อารมณ์ที่มาปรากฏใกล้ตาย 3 ประการ
อารมณ์ซึ่งเป็นตัวกรรมประการหนึ่ง ท่านเรียกว่ากรรมอารมณ์ อารมณ์ที่เป็นเครื่องหมายของกรรมอีกประการหนึ่งท่านเรียก กรรมนิมิตอารมณ์ และอารมณ์ ได้แก่สถานที่ที่จะนำพาสรรพสัตว์ไปอุบัติเกิดขึ้นในภพใหม่ภูมิใหม่ท่านเรียกว่า คตินิมิตอารมณ์
กรรมอารมณ์คืออะไร กรรมอารมณ์ก็คือในขณะใกล้จะตายใจหวนระลึกนึกถึงกุศลกรรมที่เราได้เคยกระทำไว้ หรือหวนระลึกนึกถึงอกุศลกรรมที่เราได้เคยทำไว้
คราวนี้กุศลกรรม อกุศลเกิดจากอะไร กุศล อกุศล เกิดจากสิ่งใดสิ่งนั้นเป็นนิมิตเครื่องหมายของกรรม ถ้าเราเคยทำบุญ เคยให้ทาน เคยรักษาศีล เคยเจริญภาวนา เราเคยให้ทาน เคยรักษาศีล เคยเจริญภาวนา ในขณะใกล้จะตาย สิ่งที่เราเคยกระทำไว้มาปรากฏ มองเห็นสำรับข้าวปลาอาหารที่เราเคยใส่บาตร เคยถวายพระ มองเห็นพระที่เราเคยใส่บาตรให้ท่าน มองเห็นตัวเรากำลังใส่บาตรพระ เห็นอย่างนี้ท่านเรียกว่ากรรมนิมิตอารมณ์
ถามว่าวัตถุต่างๆ เหล่านั้นเป็นบุญหรือเปล่า สิ่งของที่เราไปใส่บาตรพระเป็นบุญหรือเปล่า โยมตอบได้ไหมตรงนี้
(อ่านคำตอบได้ในวันจันทร์หน้าครับ/บุญคืออะไร)
สัปดาห์ก่อนได้เปิดฉากโหมโรงกันไปแล้วเป็นขั้นของการเตียมความพร้อมเพื่อตีสนิทกับความตาย คราวนี้พระอาจารย์มานพ อุปสโม ท่านได้เมตตาชี้ประเด็นให้เห็นอีกมุมหนึ่งของศึกชิงภพที่สำคัญครับ คือ
การวางจิต ทำใจเมื่อใกล้ตาย
คราวนี้ในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราจะให้รางวัลชีวิตอย่างไร และเราจะเตรียมตัวกันอย่างไร ก่อนที่เราจะล้มหายตายจากโลกนี้ไป เราจะวางจิตอย่างไร เราจะอบรมจิตอย่างไร และในขณะใกล้ตายเราจะทำใจอย่างไร
ในหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนานั้นถือว่า ถ้าบุคคลเรายังไม่หมดกิเลส ถ้ากิเลสยังไม่หมด ตายแล้วจะต้องเกิดใหม่ แต่ถ้าบุคคลใดทำลายอาสวกิเลสให้หมดสิ้นไป บุคคลนั้นตายแล้วจะไม่กลับ
มาเกิดอีก
31 ภูมิชีวิตภูมิจิต
การอุบัติเกิดขึ้นในภพใหม่ภูมิใหม่ของสรรพสัตว์ ท่านแสดงไว้มี 31 แห่ง หรือมีภูมิ 31 ภูมิ ที่สรรพสัตว์จะหมุนเวียนกันไปจากภูมินั้นสู่ภูมินี้ ในบรรดาภูมิต่างๆ ที่ท่านแสดงไว้นั้น ภูมิที่เป็นทุกข์คติ ตายแล้วไปอุบัติเกิดขึ้น ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนมีอยู่ ท่านเรียกว่าอบายภูมิ
อบายภูมิคืออะไร ตายแล้วต้องไปอุบัติเกิดขึ้นเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน และในภูมิทั้ง 4 ภูมินั้น เรามองเห็น 1 ภูมิ คือ เดรัจฉานภูมิที่เราไม่ปฏิเสธกัน ส่วนอีก 3 ภูมิเรามองไม่เห็น หลายๆ ท่านอาจคิดปฏิเสธว่าไม่มีก็ได้ แต่จะมีหรือไม่มีก็ได้ ที่แน่ๆ เรามองเห็น 1 ภูมิเป็นภูมิที่ไปอุบัติเกิดขึ้นแล้วได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน
ต่อจากนั้นเป็นสุขคติภูมิ สุขคติภูมิที่เรามองเห็นก็คือมนุษย์ มนุษย์ถือว่าเป็นสุขคติ มีความสุขมากกว่าสัตว์เดรัจฉาน หรือสัตว์ในอบายภูมิ ต่อจากนั้นเป็นเทวภูมิ เป็นพรหมภูมิ สูงๆ ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ
การอุบัติเกิดขึ้นในภูมิต่างๆ เกิดขึ้นด้วยอำนาจของอะไร
พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเกิดด้วยอำนาจของกฎแห่งกรรม กรรมเป็นผู้จำแนกแจกแจงให้สรรพสัตว์อุบัติเกิดขึ้นในภพภูมิต่างๆ ที่ท่านแสดงว่า กมฺมํงสเต วิพฺตชติ ยทิธํง หินฺตตีนีตตย ตะตะยะ แปลว่า กรรมย่อมจำแนกสรรพสัตว์ให้เลวและประณีตแตกต่างกัน สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมที่ท่านแสดงว่า กมฺมุนา วตฺตตีโลโก กรรมอุบัติเกิดขึ้นเกิดด้วยอำนาจของกฎแห่งกรรม กุศลกรรมนำไปสู่สุขคติ อกุศลกรรมนำไปสู่ทุกข์คติ การอุบัติเกิดขึ้นในภพภูมิต่างๆ นั้นเป็นไปตามกฎแห่งกรรม กรรมดีและกรรมชั่ว บุญและบาปที่เราเข้าใจกัน หรือเคยได้ยินได้ฟังกันคือ เรื่องของบุญ เรื่องของบาป จิตเป็นบุญ อำนาจของบุญจะส่งผลไปสู่สุขคติ ถ้าจิตเป็นบาป เป็นอกุศล อำนาจของบาปอกุศลก็จะส่งผลไปสู่ทุกข์คติ
พระพุทธเจ้าแสดงว่าจิตของบุคคลเป็นผู้นำไป นำไปสุขคติ นำไปทุกข์คติ
คราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตายแล้วเราจะไปไหน
ท่านให้ดูจิต ถ้าจิตผ่องใสตายแล้วไปสู่สุขคติ ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ถ้าจิตไม่ผ่องใสจิตขุ่นมัวตายแล้วจะไปสู่ทุกขคติ ท่านให้เราสังเกตจิตในเวลาใกล้ตายท่านทั้งหลายอยากจะรู้ว่าบุคคลตายแล้วไปไหน ให้สังเกตว่าคนที่ใกล้จะตาย ใจเศร้าหมอง หรือใจผ่องใส ตรงนี้พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า จิตเตสังขิฤทธิ์เถ ทุกข์คติปาฏิกังขา บอกว่า ถ้าจิตเศร้าหมองแล้วไปสู่ทุกข์คติ จิตเตอะสังขิฤทธิ์เถ สุขคติยปาฏิกังขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้วตายก็ไปสู่สุขคติ
บุคคลเวลาใกล้จะตายนั้น กรรมเขาจะทำหน้าที่ส่งผล คราวนี้ถ้ากรรมดีมีโอกาสส่งผล จิตของบุคคลนั้นก็จะผ่องใส ถ้ากรรมชั่วมีโอกาสส่งผลจิตของบุคคลนั้นก็จะขุ่นมัว ท่านจึงให้เราละวางใจในขณะใกล้ตาย
การเตรียมตัวก่อนตาย ก็คือตายอย่างไรจึงจะไม่ไปทุกข์คติ คือเราตายแล้วเราไม่ไปทุกข์คติ ตายแล้วไปสุขคติ การจะตายไปสู่สุขคตินั้น ก็จะต้องระวังใจไม่ให้ใจเศร้าหมอง ต้องทำใจ
ให้ผ่องใส
ทำอย่างไรใจจะผ่องใส
ใจของบุคคลจะผ่องใสต้องมีการฝึก มีการอบรม ฝึกจิตอบรมจิต เรามีการฝึกจิต มีการอบรมจิต ก็จะประคับประคองจิตของเราไม่ให้ขุ่นมัว
ท่านทั้งหลายลองถามใจตัวเองว่า ถ้าวันนี้เราจะตาย กลัวตายไหม ความรู้สึกลึกๆ กลัวหรือไม่กลัว ความกลัวเป็นปฏิคะ ความกลัวเป็นโทสะ บุคคลตายไปเพราะความหวาดกลัว อำนาจความหวาดกลัวจะนำไปทุกข์คติ แต่เมื่อเราถามใจตัวเองแล้ว ตอบว่า ตายเป็นตาย ตายวันนี้ก็ตาย ตายพรุ่งนี้ก็ตาย มีความพร้อมที่จะตาย เมื่อพร้อมจะตายไม่อาลัยอาวรณ์อะไรๆ แล้วใจก็จะไม่หวาดกลัว ถ้าใจไม่หวาดกลัวจิตก็จะผ่องใส ตายแล้วจะไปสู่สุขคติ
จิตผ่องใสจิตขุ่นมัวเกิดด้วยอำนาจของอะไร
จิตผ่องใสจิตขุ่นมัวเกิดด้วยอำนาจของกรรม กรรมที่เราได้ทำไว้และกรรมเหล่านั้นได้โอกาสในเวลาใกล้จะตายนั้นทุกคนจะประสบเหมือนกัน ท่านบอกว่าเวลาใกล้จะตายจะมีอารมณ์มาปรากฏให้เราได้รับรู้
อารมณ์ที่มาปรากฏใกล้ตาย 3 ประการ
อารมณ์ซึ่งเป็นตัวกรรมประการหนึ่ง ท่านเรียกว่ากรรมอารมณ์ อารมณ์ที่เป็นเครื่องหมายของกรรมอีกประการหนึ่งท่านเรียก กรรมนิมิตอารมณ์ และอารมณ์ ได้แก่สถานที่ที่จะนำพาสรรพสัตว์ไปอุบัติเกิดขึ้นในภพใหม่ภูมิใหม่ท่านเรียกว่า คตินิมิตอารมณ์
กรรมอารมณ์คืออะไร กรรมอารมณ์ก็คือในขณะใกล้จะตายใจหวนระลึกนึกถึงกุศลกรรมที่เราได้เคยกระทำไว้ หรือหวนระลึกนึกถึงอกุศลกรรมที่เราได้เคยทำไว้
คราวนี้กุศลกรรม อกุศลเกิดจากอะไร กุศล อกุศล เกิดจากสิ่งใดสิ่งนั้นเป็นนิมิตเครื่องหมายของกรรม ถ้าเราเคยทำบุญ เคยให้ทาน เคยรักษาศีล เคยเจริญภาวนา เราเคยให้ทาน เคยรักษาศีล เคยเจริญภาวนา ในขณะใกล้จะตาย สิ่งที่เราเคยกระทำไว้มาปรากฏ มองเห็นสำรับข้าวปลาอาหารที่เราเคยใส่บาตร เคยถวายพระ มองเห็นพระที่เราเคยใส่บาตรให้ท่าน มองเห็นตัวเรากำลังใส่บาตรพระ เห็นอย่างนี้ท่านเรียกว่ากรรมนิมิตอารมณ์
ถามว่าวัตถุต่างๆ เหล่านั้นเป็นบุญหรือเปล่า สิ่งของที่เราไปใส่บาตรพระเป็นบุญหรือเปล่า โยมตอบได้ไหมตรงนี้
(อ่านคำตอบได้ในวันจันทร์หน้าครับ/บุญคืออะไร)