xs
xsm
sm
md
lg

ทางแห่งความดี : มหาอุบาสิกาวิสาขา กับความหมายโอวาท 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องที่ 41 ทำกุศลเหมือนรวมพวงดอกไม้ ตอนที่ 4/5

ด้วยเหตุที่นางวิสาขาไม่ได้ให้ความเคารพพวกชีเปลือย มิคารเศรษฐี พ่อสามีจึงหาเรื่อง และกล่าวโทษอื่นอีก เกี่ยวกับโอวาท 10 ข้อ ที่บิดาของวิสาขาได้กล่าวสอนเธอในคืนหนึ่งก่อนส่งตัวมายังสกุลของสามีเศรษฐีมิคารกล่าวว่าการให้โอวาทแก่บุตรีเช่นนั้นไม่ควร เช่นข้อที่หนึ่งว่า "ไฟในอย่านำออก" ก็เมื่อไฟที่บ้านของคนอื่นดับ เขามาขอไฟเราจะใจแคบอย่างไรถึงกับไม่ยอมให้ไฟภายในเรือนของเราออกไปภายนอก "ส่วนภายนอกอย่านำเข้า" ก็เหมือนกับเมื่อไฟภายในเรือนของเราดับ เราก็ต้องขอไฟจากภายนอก โอวาทของธนัญชัยบิดาของวิสาขาเป็นโอวาทที่ปิดบังซ่อนเร้น เราไม่สามารถเข้าใจความหมายได้ นี่เป็นความผิดของวิสาขาเหมือนกัน

กระฎุมพีขอให้วิสาขาอธิบายความหมายของโอวาททั้ง 10 ข้อนั้น วิสาขาอธิบายตามลำดับดังนี้

ข้อว่า "ไฟในอย่านำออก" นั้นหมายความว่า เมื่อเห็นโทษของพ่อผัว แม่ผัว หรือสามีแล้ว อย่านำโทษนั้นไปกล่าวให้คนภายนอกรู้

ข้อว่า "ไฟนอกอย่านำเข้า" นั้น หมายความว่า เมื่อคนบ้านใกล้เรือนเคียงพูดถึงความไม่ดีของพ่อผัว แม่ผัวหรือของสามีก็จงอย่านำคำเหล่านั้นมาพูดให้ท่านฟังอีก

ข้อว่า "เจ้าจงให้แก่คนที่ควรให้" นั้นหมายความว่า ใครมายืมเงิน หรือของใช้ไปแล้ว นำมาส่งคืนในเวลาอันควรก็จงให้แก่บุคคลเหล่านั้น

ข้อว่า "จงอย่าให้แก่คนที่ไม่ให้" นั้นหมายความว่าใครมายืมเงินทองของใช้แล้วไม่ส่งคืน จงอย่าให้แก่บุคคลเช่นนั้นอีก

ข้อว่า "จงให้แก่บุคคลทั้งที่ให้และไม่ให้" นั้น เมื่อญาติหรือมิตรยากจนมาพึงอาศัย หรือยืมเงินทองของใช้ จงให้แก่คนเหล่านั้น เขาจะใช้คืนหรือไม่ใช้คืนก็ตาม

ข้อว่า "พึงนั่งให้เป็นสุข" นั้น หมายความว่า ควรนั่งในที่อันเหมาะสมแก่ตน เช่น ไม่นั่งขวางประตู เมื่อสามีหรือพ่อผัวแม่ผัวนั่งอยู่ในที่ต่ำ ตนเองไม่ควรนั่งในที่สูง เป็นต้น

ข้อว่า "พึงบริโภคให้เป็นสุข" นั้นหมายความว่า ไม่ควรบริโภคก่อนพ่อผัว แม่ผัวหรือสามี พึงดูแลปรนนิบัติท่านให้บริโภคให้เป็นสุขก่อน แล้วตนจึงจะบริโภคในภายหลัง

ข้อว่า "พึงนอนให้เป็นสุข" นั้นหมายความว่า ไม่พึงนอนก่อนสามี พ่อผัวหรือแม่ผัว พึงปฏิบัติท่านเหล่านั้นให้นอนให้เป็นสุขก่อนแล้ว ตนจึงนอนในภายหลัง

ข้อว่า "พึงบำเรอไฟ" นั้นอธิบายว่า พ่อผัวแม่ผัวและสามีเป็นประหนึ่งกองไฟ เพราะสามารถให้ทั้งคุณและโทษ ให้คุณแก่ผู้ปฏิบัติชอบ ให้โทษแก่ผู้ปฏิบัติไม่ชอบ เพราะฉะนั้นพึงปฏิบัติบำเรอท่านเหล่านั้นโดยชอบ

ข้อว่า "พึงนอบน้อมเทวดาภายใน" นั้นอธิบายว่า พ่อผัวแม่ผัวและสามีอันภรรยาหรือสะใภ้พึงเห็นเป็นเช่นเทวดา พึงปฏิบัติท่านเหล่านั้นโดยเคารพ พึงเคารพอ่อนน้อมต่อท่านเหล่านั้น

เศรษฐีมิคาร ฟังคำอธิบายโอวาททั้ง 10 ข้อแล้ว ไม่อาจโต้เถียงอะไรได้ นั่งก้มหน้านิ่งอยู่

กระฎุมพีถามว่า "ท่านเศรษฐียังมองเห็นโทษอะไรๆ แห่งธิดาของเราอยู่อีกหรือไม่?"

"ไม่มีแล้ว" เศรษฐีตอบ ค่อนข้างอายเล็กน้อย

"เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะขับไล่ธิดาของเราด้วยเหตุไร ท่านทำไปโดยไม่มีเหตุผลเลย"

เมื่อเศรษฐียังนิ่งอยู่ วิสาขาจึงกล่าวว่า

เมื่อบิดาแห่งสามีขับไล่ให้ออกจากบ้าน ฉันยังไม่ออก ก็เพราะยังไม่ทราบว่า ฉันมีความผิดถูกประการใด แต่บัดนี้ได้รู้แน่นอนแล้วว่า ฉันไม่มีความผิด ฉันพร้อมที่จะกลับบ้านอย่างผู้บริสุทธิ์ ขอให้ท่านทั้งหลายช่วยจัดยานพาหนะไว้ให้พร้อม"

เศรษฐีเห็นเหตุการณ์เป็นดังนั้น จึงยึดลูกสะใภ้หว้ ขอโทษนางที่กล่าวไปโดยไม่รู้ วิสาขาบอกว่ายกโทษให้บิดาได้ทุกอย่าง แต่เนื่องจากนางเจริญเติบโตมาในตระกูลอันเลื่อมใส พระพุทธศาสนาอย่างไม่คลอนแคลนมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ปฏิบัติบำรุงพระสงฆ์เลย จึงไม่ปรารถนาจะอยู่ หากบิดาอยากให้อยู่ต่อไปก็ขอให้อนุญาตให้บำรุงเลี้ยงพระสงฆ์ได้

วิสาขาดีใจเหลือเกิน เมื่อเศรษฐีพ่อผัวบอกอนุญาตให้ทำบุญให้ทานได้ตามปรารถนา ในวันรุ่งขึ้นนางจึงทูลนิมนต์พระศาสดาและภิกษุเข้ารับภัตตาหารที่เรือนของตน

พวกสมณะเปลือย รู้ว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จเรือนของมิคาร ก็พากันมานั่งล้อมเรือนไว้ วิสาขาถวายน้ำแด่พระศาสดาแล้วส่งคนไปตามพ่อผัวว่าขอให้มาอังคาส (เลี้ยงดู) พระทศพลด้วยเถิด แต่พวกชีเปลือยคอยห้ามเศรษฐีไว้ว่าไม่ควรเข้าใกล้พระสมณโคดม เศรษฐีจึงให้คนไปบอกวิสาขาว่าจงเลี้ยงพระพุทธเจ้าเองเถิด ท่านไปไม่ได้

เมื่อพระศาสดาเสวยเสร็จแล้ว วิสาขาส่งข่าวไปอีกว่า ขอให้บิดามาฟังอนุโมทนา เศรษฐีคิดว่า เมื่อลูกสะใภ้ส่งคนมาตามถึง 2 ครั้งแล้ว การไม่ไปนั้นไม่สมควร ประกอบกับตนอยากฟังธรรมอยู่ด้วย แต่พวกชีเปลือยพยายามทัพทานไว้ เมื่อรู้แน่ว่าไม่สามารถห้ามเศรษฐีได้ จึงบอกว่าไปฟังก็ได้ แต่ควรจะฟังนอกม่าน พวกชีเปลือยพากันล่วงหน้าไปก่อนไปกั้นม่านไว้ให้เศรษฐีฟังธรรมนอกม่าน เศรษฐีก็ทำอย่างนั้น

พระศาสดานั้น ทรงมีบุญญาธิการมาก ทรงมีพระบารมีเต็มเปี่ยม แม้บุคคลอยู่คนละฟากภูเขา ฟากแม่น้ำ หากมีประสงค์จะให้ได้ยินพระธรรมเทศนา บุคคลนั้นย่อมได้ยิน ไม่ต้องพูดถึงนั่งเพียงนอกม่าน ดังนั้นเมื่อเศรษฐีนั่งเรียบร้อยแล้ว พระศาสดาจึงเริ่มอนุปุพพิถา และธรรมปริยายอื่นๆ อีก

ท่านว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายอุปมาดังดวงจันทร์ คือคนทั้งหลายมองเห็นดวงจันทร์อยู่เหนือศีรษะของตน อยู่ตรงบ้านของตนไม่ว่าเขาจะยืนอยู่ที่ใด หรือบ้านของเขาจะอยู่แห่งใด พระพุทธเจ้าตรัสพระธรรมเทศนาอยู่ คนฟังเข้าใจว่าตรัสอยู่กับตน ท่านว่านี่เป็นผลแห่งทานที่พระพุทธเจ้าทรงทำมาดี ทรงบริจาคสิ่งที่บริจาคได้ยากเช่น บุตร ภรรยาอันเป็นที่รัก เลือดเนื้อ และชีวิต เป็นต้น

พระศาสดาทรงแสดงธรรมโดยอเนกปริยายมุ่งเอามิคารเศรษฐีเป็นสำคัญ เศรษฐีส่งกระแสจิตไปตามพระธรรมเทศนาได้บรรลุโสดาปัตติผล มีศรัทธาไม่หวั่นไหว (อจลสัทธา) หมดความสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ยกชายม่านขึ้นจุมพิตถันหญิงสะใภ้ แล้วยกให้เป็นมารดาของตนในฐานะได้ชักชวนให้มองเห็นแสงสว่างทางชีวิต คนทั้งหลายจึงเรียกวิสาขาว่า "มิคารมารดา"

วิสาขาทูลอาราธนาพระศาสดาและนิมนต์ภิกษุสงฆ์เพื่อเสวยและฉันอาหารที่เรือนของตนในวันรุ่งขึ้นอีก ตั้งแต่นั้นมา เรือนของมิคารและวิสาขามีประตูอันเปิดแล้วเพื่อพระพุทธศาสนา

(อ่านต่อวันจันทร์หน้า/มหาอุบาสิกาวิสาขาผู้มีน้ำใจอันประเสริฐ)
กำลังโหลดความคิดเห็น