xs
xsm
sm
md
lg

ทางแห่งความดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องที่ 41 ทำกุศลเหมือนรวมพวงดอกไม้ ตอนที่ 2/5

นางวิสาขา ได้นามตามหลังชื่อว่า มหาอุบาสิกา เพราะได้มีอุปการะต่อพระศาสดาและพระสงฆ์สาวกมาก ไม่มีหญิงใดในสมัยพุทธกาลจะทำได้อย่างนาง นอกจากเป็นผู้อุปการะพระสงฆ์แล้ว ยังเป็นที่รักเหลือเกินของชาวเมืองสาวัตถีและสาเกต เพราะมีอัธยาศัยงาม และกว้างขวาง
ต้นตระกูลเดิมของวิสาขาอยู่เมืองภัททิยะ ปู่ของนางคือเมณฑกเศรษฐี เป็นเศรษฐีใหญ่คนหนึ่งของเมืองภัททิยะ บิดาของวิสาขา ชื่อธนัญชัย เป็นเศรษฐีเหมือนกัน มารดาชื่อ สุมนาเทวี
ภัททิยนครนั้นอยู่ในแคว้นอังคะ สมัยนั้นอังคะและมคธคงจะอยู่ในปกครองของพระเจ้าพิมพิสาร เพราะเมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปทูลขอเศรษฐีใหญ่ๆ กับพระเจ้าพิมพิสารนั้น พระเจ้าพิมพิสารได้พระราชทาน ธนัญชัยเศรษฐีบุตรชายคนโตของเมณฑกเศรษฐี และเป็นบิดาของนางวิสาขาไปกับพระเจ้าปเสนทิ
เมื่อเดินทางมาใกล้สาวัตถีประมาณ 7 โยชน์ ธนัญชัยเห็นสถานที่ดี จึงทูลขอตั้งบ้านเรือนที่นั่น อ้างว่าบริวารของตนมาก ในเมืองสาวัตถีคนมากอัดแอ พระเจ้าปเสนทิก็พระราชทานให้
ธนัญชัยตั้งบ้านเมืองตรงนั้น ชื่อว่า เมืองสาเกต เพราะพวกเขามาถึงในเวลาเย็น
วิสาขา บุตรีของธนัญชัยนั้นเป็นโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ คราวเมื่อพระศาสดาเสด็จภัททิยนคร ก่อนที่วิสาขาจะย้ายตามบิดามาอยู่สาเกต
ในเมืองสาวัตถี มีตระกูลเศรษฐีใหญ่อยู่ตระกูลหนึ่ง เศรษฐีชื่อมิคาระ บุตรชายชื่อปุณณวัฒนกุมาร เมื่อกุมารพอจะมีภรรยาได้แล้ว บิดามารดาก็ขอให้เขาเลือกหญิงที่ชอบใจแล้วจะแต่งงานให้ แต่บุตรชายบอกว่ายังไม่ต้องการมีภรรยา พ่อแม่บอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ สกุลที่ไม่มีบุตรตั้งอยู่ไม่ได้
เมื่อเขาถูกบิดามารดารบเร้าอยู่เสมอ บ่อยๆ จึงบอกว่า หากได้หญิงที่ประกอบด้วยความงาม 5 อย่างเบญจกัลยาณี ก็จะแต่งงาน ถ้าไม่ได้ก็ไม่แต่ง
ความงามนั้นคือ ผมงาม, เนื้องาม, กระดูกงาม, ผิวงาม, และวัยงาม ผมงามของหญิงมีบุญนั้น คือยาวสลวยลงมาเหมือนกำหางนกยูง แล้วปลายกลับช้อนงอนขึ้นข้างบน เนื้องามนั้นคือ ริมฝีปากแดงสดเหมือนผลตำลึงสุกเรียบชิดสนิทดี กระดูกงามนั้น หมายถึงฟันงาม ไม่ห่างกัน เป็นระเบียบงามดุจระเบียบแห่งเพชร ผิวงามนั้น มี 2 อย่าง คือ หากดำ ก็ดำเหมือนดอกบัวเขียว หากขาว ก็ขาวอย่างดอกกรรณิการ์ วัยงามนั้นคือ แม้จะคลอดบุตรแล้วถึง 10 คนก็ยังสวยอยู่ดังเดิม
พ่อแม่ของปุณณวัฒนกุมารตามใจลูก จึงขอร้องให้พราหมณ์ 8 คน ไปเที่ยวเสาะแสวงหาหญิงดังกล่าว กลับมาแล้วจะให้รางวัลอย่างงาม พร้อมทั้งพวงมาลัยทองคำราคาแสนหนึ่ง สำหรับมอบให้หญิงผู้สมบูรณ์ด้วยลักษณะเบญจกัลยาณี
พวกพราหมณ์ท่องเที่ยวไปตามนครใหญ่ๆ ก่อน เมื่อไม่พบ จึงกลับมายังเมืองสาเกต พอดีมาถึงในวันมีงานนักขัตฤกษ์ประจำปี ในงานนี้หญิงทุกคนที่เคยปิดหน้าก็เปิดผ้าคลุมหน้าไปสู่ท่าน้ำ จึงเรียกกันว่า "วิวฎนักขัตฤกษ์ งานนักขัตฤกษ์เปิด" วันนั้นวิสาขาก็ออกจากบ้านไปท่าน้ำกับหญิงบริการ เวลานั้นเธอมีอายุ 16 ปี กำลังสาวสวย
เมื่อวิสาขาเดินมาจวนถึงศาลา ฝนก็ตก พวกหญิงบริวารกลัวเปียก จึงพากันวิ่งเข้าศาลา ส่วนวิสาขาไม่ยอมวิ่งคงเดินไปอย่างปกตินั่นเอง พวกพราหมณ์เห็นลักษณะความงาม 4 อย่างของนางแล้ว อยากเห็นฟันของเธอจึงแสร้งถามสาเหตุที่นางไม่วิ่ง
วิสาขาจึงกล่าวว่า เหตุผลประการที่หนึ่งคือ ธรรมดาหญิงเมื่อวิ่งย่อมดูไม่งาม แต่เมื่อเดินไปตามปกติธรรมดาของคนนั่นแหละจึงแลดูงาม เพราะท่านกล่าวว่า คน 4 จำพวกวิ่งไม่งาม คือ พระราชาผู้ประดับประดาด้วยเครื่องอาภรณ์ทั้งปวง เมื่อถกเขมนวิ่งไปในพระลานหลวงย่อมไม่งาม คนทั้งหลายย่อมติเตียนได้ว่า พระราชานี้วิ่งไปเหมือนสามัญชน แม้ช้างมงคลของพระราชาที่ประดับประดาด้วยคชาภรณ์แล้ว วิ่งไปย่อมดูไม่งาม แต่เมื่อค่อยๆ เดินไปด้วยลีลาแห่งช้างย่อมดูงาม บรรพชิตเมื่อวิ่งย่อมไม่งาม คนทั้งหลายย่อมติเตียนว่า สมณะนี้วิ่งเหมือนคฤหัสถ์ อีกพวกหนึ่งคือหญิง เมื่อวิ่งไปย่อมได้รับคำติเตียนว่า ทำไมหญิงนี้จึงวิ่งเหมือนชาย
เหตุผลประการที่สองคือ มารดาบิดาย่อมถนอมอวัยวะน้อยใหญ่ของธิดามาตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อให้เป็นผู้มีอวัยวะสมบูรณ์ หากสตรีวิ่งไป อาจเหยียบชายผ้านุ่งหรือลื่นหกล้มลง มือหรือเท้าหัก ก็จะต้องตกเป็นภาระของสกุลอีก ส่วนเสื้อผ้านั้น เปียกแล้วก็แห้งได้ ข้าพเจ้ากำหนดเหตุ 2 ประการนี้จึงไม่วิ่ง
ขณะที่นางพูด พวกพราหมณ์คอยสังเกตฟัน เห็นซึ่งพร้อมด้วยลักษณะแห่งฟันของเบญจกัลยาณีแล้ว จึงให้สาธุการแก่นางและกล่าวว่า
"สมบัติเช่นนี้ พวกเราไม่เคยเห็นเลย" ดังนี้แล้วได้มอบพวงมาลัยทองคำให้, วิสาขาสอบถามเรื่องต่างๆ ทราบโดยตลอดแล้วจึงส่งข่าวถึงมารดาบิดาให้นำรถมารับ นางจึงกลับบ้าน พร้อมกับพวกพราหมณ์ทั้ง 8 คน และได้เข้าพิธีแต่งงานอย่างโอฬาร แม้พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เสด็จไปร่วมในพิธีด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น