xs
xsm
sm
md
lg

สามเหลี่ยมยุทธศาสตร์ “RIC” หุ้นส่วนที่ไร้ขีดจำกัด!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เดินทางไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตไปหยิบเอาเรื่องสายสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ขั้วอำนาจ”สำคัญๆ ของโลก อย่าง “รัสเซีย-จีน-อินเดีย”มาว่ากันให้ถึงกึ๋น ถึงแก่น เผื่อว่าอาจพอช่วยให้เห็นภาพ “ป่าทั้งป่า” โดยไม่ต้องเสียเวลาพลิกใบไม้แต่ละใบให้ต้องเมื่อยมือ หรือเมื่อยแข้ง เมื่อยขาอีกต่อไป เพราะอย่างที่ทราบๆ กันไปแล้วว่าเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน”ท่านได้เดินทางไปเยือนอินตะระเดียอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากเปิด “ปฏิบัติการทางทหาร” ต่อยูเครน จนถูก “โลกตะวันตก” รวมหัวกันต่อต้าน รุมเหยียบ รุมกระทืบ อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้...

คือการเดินทางไปเยือนอินเดียของผู้นำรัสเซียคราวนี้...อาจต้องถือเป็น “ความสำเร็จทางยุทธศาสตร์” เอาเลยก็ว่าได้เพราะไม่ใช่แค่เฉพาะการสะท้อนให้เห็นถึง “ความร่วมมือ” ระหว่างสองประเทศ ที่ไปไกล ไปโลด ยิ่งเข้าไปทุกที จากที่เคยค้าๆ ขายๆ แบบจิ๊บๆ จ๊อยๆ อินเดียส่งสินค้าไปขายรัสเซียราวๆ5,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนรัสเซียส่งสินค้าไปขายแขกอินเดียราวๆ 64,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีน้ำมันและแก๊สของรัสเซียนั่นแหละเป็นหลัก และถึงแม้จ้าวโลก ประมุขโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา จะขู่คำรามฟ่อดๆ ว่าใครที่คบหาค้าขายกับรัสเซีย จะต้องเจอกับ Secondary Sanctions”เจอกับภาษีสินค้าเข้าไปยังตลาดอเมริกา ไม่ต่ำกว่า500 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย แต่นั่นก็กลับไม่ได้ทำให้นายกรัฐมนตรีอินเดีย “นายNarendra Modi”ออกอาการ “แขกตี้...นะนายจ๋า!!!” เอาเลยแม้แต่น้อย การลงนามเซ็นสัญญาข้อตกลงความร่วมมือทางการค้า พลังงาน สาธารณูปโภค และเทคโนโลยี ฯลฯ ตลอดไปจนบันทึกความทรงจำนับเป็นโหลๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างสองประเทศให้ขึ้นไปถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี ค.ศ.2030 ให้จงได้ ส่อให้เห็นถึงความเหนียวแน่น หนึบหนับระดับแทบจะ “ไร้ขีดจำกัด” ยิ่งเข้าไปทุกที...

หรืออย่างโฆษกเครมลิน “นายDmitry Peskov”ได้พูดถึงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างรัสเซีย-อินตะระเดียเอาไว้นั่นแหละว่า... “อะไรที่แบ่งปันกันได้กับอินเดีย เราก็พร้อมที่จะแบ่งปันทั้งสิ้น” หรือไม่ใช่แค่เฉพาะเทคโนโลยีจรวดซูเปอร์โซนิก BrahMos” ที่อินเดีย-รัสเซียร่วมกันเป็นผู้ผลิตอยู่ในทุกวันนี้ แต่ยังรวมไปถึงการผลิตเครื่องบินโดยสารSukhoi Superjet 100”ออกมาตีตลาดแข่งกับเครื่องBoeing” ของอเมริกา หรือAirbus” ของฝรั่งเศสร่วมขนน้ำมันดิบจากรัสเซียมาให้บริษัท Nayara Energy” หรือบริษัทกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียที่มีบริษัท Rosneft” ของรัสเซียถือหุ้นอยู่49.31 เปอร์เซ็นต์ช่วยกันกลั่นเพื่อไปขายตรง-ขายอ้อมใครต่อใครก็แล้วแต่ แถมยังอาจยกระดับถึงขั้นร่วมด้วย-ช่วยกันผลิตเครื่องบินโจมตีรุ่นที่6 หรือ Sukhoi Su-57” อีกต่างหาก ฯลฯ...

ด้วยเหตุนี้...ความร่วมมือในเรื่องอื่นๆ ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ทุกสิ่งทุกอย่างออกไปทางโรตีและมะตะบะ ไม่น้อยไปกว่าความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซีย ที่ถือเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ไร้ขีดจำกัด” มานานแล้ว ชนิดแม้ว่าโลกตะวันตกพยายามห้ามแล้ว-ห้ามอีก ไม่ให้พญามังกรจีนไปคบหาค้าขายกับรัสเซีย นับตั้งแต่เกิดการบุกยูเครนเป็นต้นมา แต่มูลค่าการค้าขายระหว่างจีน-รัสเซียนับแต่ปี ค.ศ.2020 ไปจนถึงปี ค.ศ.2024 ปาเข้าไปถึงปีละราวๆ 240,000 ล้านดอลลาร์ แถมยังค้ากันแบบใช้เงินรูเบิลกับเงินหยวน ไม่คิดจะพึ่งพาเงินดอลลาร์อเมริกันหรือเงินยูโรเอาเลยแม้แต่น้อย...

นี่...อันนี้นี่แหละที่ทำให้สิ่งที่เรียกว่า Strategic Triangle” หรือ “สามเหลี่ยมทางยุทธศาสตร์” อันเป็นแนวคิดที่อดีตรัฐบุรุษรัสเซีย อย่าง “นายYevgeny Primakov” ที่เคยมีฐานะ ตำแหน่ง ในระดับผู้บริหารประเทศรัสเซียไม่รู้จะกี่ต่อกี่ตำแหน่งไม่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้อำนวยการ KGB”ผู้อำนวยการSVR” หรือข่าวกรองต่างประเทศรัสเซีย ไปจนถึงอดีตประธานสภาดูมา ฯลฯ เคยคิดๆ หรือเคย “ฉุกคิด” ขึ้นมาเมื่อกว่า30 ปีที่แล้ว หรือตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 ถึงความจำเป็นที่จะต้องหาทางสร้างความร่วมไม้ ร่วมมือ แบบชนิด “ไร้ขีดจำกัด” ระหว่างประเทศกำลังพัฒนา3 ประเทศในโลกใบนี้ อันได้แก่รัสเซีย-อินเดีย-และจีน หรือที่เรียกย่อๆว่า RIC”จนถึงกับเรียกขานกันว่า Primakov Doctrine”หรือ “ลัทธิพรีมาคอฟ”เอาเลยถึงขั้นนั้น...

เหตุที่อดีตรัฐบุรุษรัสเซียรายนี้ เกิดคิดๆ ไปในแนวนี้ ว่ากันว่า...เป็นเพราะความเชื่อ ความมั่นอก-มั่นใจว่าประเทศมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา ที่ถือเป็น “ฝ่ายชนะ” หลัง “สงครามเย็น” ได้ยุติลงไปแล้ว หรือหลังจากประเทศสังคมนิยมอย่างโซเวียตรัสเซียได้แตกฉานซ่านเซ็นออกไปเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยนับสิบๆ ประเทศ จะไม่ยอมหยุดยั้งความปรารถนาและต้องการที่จะครองโลกแต่อย่างใด แต่ยังคงมุ่งมั่นเพียรพยายามที่จะกระดืบคืบคลานไปสู่การเป็นจ้าวโลก ประมุขโลกให้จงได้!!! โดยมีสัญญาณ มีตัวอย่าง ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าการบุกอิรัก การสนับสนุนการปฏิวัติสีในเอเชียกลาง ผลักดันให้เกิด The Orange Revolution”ในยูเครน หรือThe Tulip Revolution”ในคีร์กีซสถาน ไปจนถึงการส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดประเทศยูโกสลาเวียที่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับรัสเซีย ยังแถมเป็นชนชาติสลาฟด้วยกันอีกต่างหาก ชนิดส่งผลให้อดีตรัฐบุรุษรัสเซียรายนี้ที่มีกำหนดการเดินทางไปเยือนอเมริกาสั่งการให้เครื่องบินเลี้ยวกลับยกเลิกการเดินทางไปเยือนอเมริกาโดยทันที...

การมองเห็นความเป็นไปของโลกแบบทะลุปรุโปร่ง จนถึงกับได้ชื่อฉายาว่า Russian Kissinger” ของอดีตรัฐบุรุษรัสเซียรายนี้นี่เอง เลยทำให้เกิดแนวคิดที่จะหาทางสร้างความร่วมมือ ร่วมใจ ระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ประเทศซีกโลกใต้ ที่จะใช้เป็น “ดุลถ่วง”ไม่ให้ US unipolarity” หรือการครองโลก การดำรงตนเป็นประมุขโลกของคุณพ่ออเมริกาบรรลุเป้าหมายเอาง่ายๆ สิ่งที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมทางยุทธศาสตร์ RIC” หรือ Primakov Doctrine” จึงถูกนำเสนอต่อชาวรัสเซียและชาวโลกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้ว่าช่วงแรก...มหาอำนาจคู่แข่งอเมริกาอย่างคุณพี่จีนหรืออินตะระเดียที่อเมริกาคิดจะเอาไว้ปิดล้อมจีนภูมิภาคในอินโด-แปซิฟิก อาจไม่ถึงกับ “เก็ต” มากมายสักเท่าไหร่ แต่เมื่อสภาวะความเป็นไปของโลกชักจะเป็นไปตามแนวคิดที่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีจีนอย่าง “นายWen Jiabao” ถึงได้ป่าวประกาศขณะเดินทางไปเยือนอินเดีย ด้วยการยอมรับว่า... “ความร่วมมือและความเห็นที่เป็นไปในแนวเดียวกันระหว่างจีน-อินเดีย-รัสเซีย ก็คือหลักประกันแห่งสันติภาพและเสถียรภาพของโลก...”

แนวคิดแบบที่เรียกว่า RIC”ก็เลยค่อยๆ กลายสภาพมาเป็น BRICS”กลายเป็นความพยายามยกระดับความร่วมมือของบรรดาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทั้งหลายไปสู่ระดับ “ไร้ขีดจำกัด” กันอย่างเป็นขั้น เป็นตอน และนั่นเอง...ที่ทำให้การเดินทางไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของผู้นำรัสเซียคราวนี้ รวมทั้งการยืนหยัดสร้างความแน่นเหนียวในสัมพันธภาพระหว่างจีน-รัสเซียโดยไม่คิดจะโอนอ่อน ผ่อนตามความต้องการของอเมริกาและโลกตะวันตก จึงกลายเป็นตัวเพิ่มน้ำหนักให้กับ “สันติภาพและเสถียรภาพของโลก” อย่างเห็นได้ถนัดชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที หรือทำให้ผู้ที่คิดจะครองโลก คิดจะเป็นจ้าวโลก เป็นประมุขโลก แบบไม่คิดจะ “ลด-ละ-เลิก”อย่างคุณพ่ออเมริกา อาจหนีไม่พ้นต้องเปิด “แห้วกระป๋อง” รับประทานกันไปโดยตลอด...

โดยเฉพาะเมื่อโลกทั้งโลกที่เคยถูก “โลกตะวันตก” สั่งหันซ้าย-หันขวา สั่งให้ลังกาหลัง-ลังกาหน้า บิดเกลียวสามรอบ-สี่รอบ แบบชนิดมิอาจเป็นตัวของตัวเองได้เลย ด้วยเหตุเพราะเป็นโลกที่มีอำนาจอยู่เพียงขั้วเดียว หรือ “โลกขั้วอำนาจเดียว” อันมีคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตกเป็นผู้ควบคุม บังคับให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามความปรารถนา-ต้องการและตาม “มาตรฐาน” ของตัวกูเอง โดยเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า “ระเบียบโลก”ว่าGlobal Rule” หรือGlobal Order”ก็แล้วแต่ แต่เมื่อความเป็นไปของโลกมันค่อยๆ คลี่คลายไปในทางตรงกันข้าม หรือภายใต้ “ความเสื่อม” ของโลกตะวันตก ของคุณพ่ออเมริกา มันได้ส่งผลให้ “ขั้วอำนาจทั้ง3” ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ฯลฯ อย่างเช่น “รัสเซีย-อินเดีย-และจีน”หันมายกระดับความร่วมไม้ร่วมมือ ในระดับแทบจะ “ไร้ขีดจำกัด”ยิ่งเข้าไปทุกที โอกาสที่คุณพ่ออเมริกาจะคิดดำรงตนเป็นจ้าวโลก ประมุขโลกหรือคิดจะกลับมา America Great Again” ก็อาจต้องรอจนกว่าชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ อะไรประมาณนั้น...


กำลังโหลดความคิดเห็น