xs
xsm
sm
md
lg

สวนคนส่วนใหญ่! “สวนรถไฟ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ชาติสุทธิชัย”


บทความนี้ผมขอเผยเบื้องหลังการได้มาซึ่ง “สวนรถไฟ” ชื่อทางการคือ “สวนวชิรเบญจทัศ” ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว ที่กว่าจะได้มาเป็นสวนสาธารณะเพื่อคนส่วนใหญ่ มิใช่เรื่องง่ายดัง “ปอกกล้วยเข้าปาก”

ก่อนอื่นต้องย้อนไปถึงช่วงหลังเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพ “น้าชาติ” ผมได้ไปร่วมทำงานกับเครือสื่อฯ คุณภาพ “ผู้จัดการ” ของ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ในขณะที่ อโณทัย ชุณหะวัณ ภรรยา อ.ไกรศักดิ์ ได้นำ โจ้-ยุทธพันธุ์ มีชัย อดีตผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้ามาช่วยงาน อาจารย์โต้ง-ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ แทนผม

พูดได้ว่า ทั้ง อโณทัย และ โจ้ เป็นกำลังหลักสำคัญที่ช่วยงาน อาจารย์โต้ง ทั้งช่วงเป็น สมาชิกวุฒิสภา และห้วงที่ทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำคัญ ครอบครัวมีชัย เป็นนักสู้ผู้รักชาติรักประชาชน มุ่งมั่นทำงาน “เพื่อสังคมที่ดีกว่า”

ผมไม่รู้รายละเอียดความเป็นนักต่อสู้ของคุณพ่อโจ้ คุณเจริญ มีชัย แต่สำหรับคุณแม่โจ้ คุณอารมณ์ มีชัย นั้น ผมได้เห็น-ได้ยิน-ได้ฟังการแสดงบทบาทนักสู้ และนักปราศรัยที่เก่งฉกาจ ในช่วงการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ กับอดีตนายกฯโกงชาติ ทักษิณ ชินวัตร เพราะเธอไม่เคยเกรงกลัวใดๆ ต่อ“อำนาจอธรรมของกลุ่มทักษิณและลูกสมุนทั้งหลาย” ที่เวลานั้นได้ใช้อำนาจอย่างเหิมเกริม ลอบทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต คุณแม่โจ้ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ตัวเธอจะกำลังป่วยด้วยโรคร้ายก็ตาม

จึงเป็นความโชคดีของ อ.โต้ง ที่ได้หน่อเนื้อเชื้อไขของนักสู้ผู้เข้มแข็งมาช่วยงาน..

ในยุคผู้ว่าฯ กทม. พิจิตต รัตตกุล มี อ.โต้ง เป็นที่ปรึกษา ได้สร้างผลงานให้กับกรุงเทพมหานครไว้มิใช่น้อย เช่น การ “ยึดสนามกอล์ฟรถไฟจตุจักร” แล้วเปลี่ยนให้เป็น สวนสาธารณะของ กทม. เป็นผลงานของ อ.โต้ง-ผม-โจ้ โดยเฉพาะ เสธ.สนั่น-มนูญกฤต และผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน

“สวนรถไฟ” เคยเป็น สนามกอล์ฟ อันกว้างใหญ่ไพศาลใจกลางกรุงเทพ แต่มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้ประโยชน์ ส่วนใหญ่คือกลุ่มข้าราชการกับนักการเมือง ที่มักแฉลบมาตีกอล์ฟและตั้งวงสังสรรค์

อาจารย์โต้ง ผู้มีหัวจิตหัวใจของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และนักพัฒนาคุณภาพชีวิต ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพ เป็นสถานที่สำหรับประชาชนทั่วไปได้ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ จึงผลักดันโครงการเปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งสมควรได้รับการยกย่อง ด้วยเป็นแนวคิดที่ดีงามและกล้าหาญอย่างยิ่ง เพราะต้องผจญกับแรงต้านจากกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ทั้งกลุ่มบุคคลเส้นใหญ่ และผู้คนตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมาก

กล่าวได้ว่า..โครงการนี้จะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้เลย ถ้าไม่มี พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รมว. เกษตรฯ ยุคนั้นและที่ปรึกษา พล.ต. มนูญกฤต รูปขจร รวมถึง โจ้ ยุทธพันธุ์ มีชัย เลขาฯ ส่วนตัวของ อ.โต้ง ที่มาทำหน้าที่แทนผม และ อโณทัย ภรรยา อ.โต้ง ที่ทุ่มเทผลักดันให้กับโครงการนี้อย่างเต็มที่..

ทั้ง เสธฯ สนั่น และ พล.ต. มนูญกฤต ได้ช่วยเหลือโครงการนี้แทบทุกด้าน ทั้งเรื่องการเงินและฟันฝ่าอุปสรรคที่ต้องเผชิญได้อย่างรวดเร็ว จน กทม.ได้รับมอบสนามกอล์ฟรถไฟจตุจักร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย นำไปพัฒนาให้บริการต่อประชาชนทั่วไปในฐานะ สวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร
 
โครงการนี้ยังมีบุคคลอีกมากมายช่วยผลักดัน จนสวนรถไฟเปิดให้บริการแก่ประชาชน เป็นปอดขนาดใหญ่กลางเมือง สร้างความรื่นรมย์ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้คนจำนวนมากมายมาจนทุกวันนี้

อุปสรรคเบื้องต้นที่ขวางหน้า คือการเจรจากับบรรดานักการเมือง โดยเฉพาะกับนักการเมืองใหญ่บางคน คนหนึ่งที่เรียกขานกันว่าเป็น“นักปั้นนายกฯ” อย่างน้อย 2 คน คือ อดีตนายกฯ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ กับ ทักษิณ ชินวัตร

“ชัช.. สนิทกับนักการเมืองคนนั้น.. ชัชต้องไปคุยเหตุผลให้พี่เขายอมถอย.. ไม่ขัดขวางโครงการนี้นะ”

พี่โต้งบอกกับผมเรื่องนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง ที่ตอนนั้นทำตัวเปลี่ยนจาก“คน”เป็น“จรเข้ขวางสนามกอล์ฟรถไฟจตุจักร”!

“ชัช.. อย่ายุ่งกับสนามกอล์ฟรถไฟนี้เลย” นักการเมืองใหญ่คนนั้นเคยเอ่ยปากห้ามผม..


 แต่แล้ว.. วันหนึ่ง ณ ริมสนามกอล์ฟแห่งนี้ ผมได้อธิบายถึงเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ ผมก็ต้องแปลกใจอย่างมากที่พี่เขาแสดงท่าที “รับฟังเหตุผลอย่างสงบ” จากนั้นเขาก็พูดตัดบทว่า “ตามใจ.. ถ้าโต้ง-หนั่น-มนูญกับพวกชัช จะเอาให้ได้.. พี่จะไม่ขวางและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว..”

เรื่องการได้ “สนามกอล์ฟรถไฟจตุจักร” มานั้น ไม่ใช่ว่ากรุงเทพมหานครจะได้มาฟรีๆ นะครับ หากแต่ต้องซื้อด้วย “เงินภาษีรัฐ” จำนวนไม่น้อย เป็นค่าชดเชยให้กับเจ้าของคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย

นอกจากเงินชดเชยให้เจ้าของเดิมแล้ว กทม. ยังต้องมอบ “รายได้พิเศษ” ให้แก่บรรดา “แม่บ้านสังกัดการรถไฟ” โดย กทม.ได้มอบงานให้ “แม่บ้านสังกัดการรถไฟ” ตัดเย็บเครื่องแบบนักเรียนในสังกัดโรงเรียนของ กทม. เป็นกรณีพิเศษด้วย

ยังไม่หมดครับ! นอกจากเงินชดเชยให้การรถไฟฯ กับรายได้พิเศษให้บรรดาแม่บ้านการรถไฟ กทม. ยังต้องจ่ายเงินให้แกนนำสหภาพแรงงานรถไฟบางคนด้วย!

ภายหลังตกลงกันแล้ว และแกนนำสหภาพการรถไฟบางคนรับเงินไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดัน “เบี้ยว!” จัดม็อบชุมนุมคัดค้านโครงการฯ เสียฉิบ!.

งานนี้เลยต้องพึ่งบารมี “ใครบางคน” ให้ลงแรงช่วยจัดการ ด้วยการนำตัว “แกนนำสหภาพรถไฟจอมเบี้ยวคนนั้น” ขึ้นรถตู้ทึบ และ “จัดการ”ในทำนองข่มขู่กลายๆ ว่า “พวกมึงรับเงินกับมีรายได้เพิ่มเป็นพิเศษไปแล้ว.. ถ้ายังเบี้ยวทำผิดคำพูดจากที่ตกลงกันไว้อีก กูถือว่าพวกมึงเบี้ยวซึ่งหน้ากันเลยนะโว้ย.. ความกะล่อนของพวกมึงชีวิตไม่คุ้มแน่.. ถ้าไม่เชื่อมึงก็ลองออกมาประท้วงเรื่องนี้กันอีกสิ!..”

ดูเหมือนมีคนพูดสำทับว่า “รับเงินแล้วเบี้ยวกันแบบนี้.. ชีวิตพวกมึงอยู่ไม่ดีแน่ กูไม่รับประกันความปลอดภัยพวกมึงนะโว้ย!!!”

อืม.. “คำขู่” ครั้งนั้นได้ผลเกินคาด.. เพราะคนที่ “พูด” น่ากลัว และประวัติ “เขาคนนั้น ”เป็นคน “พูดน้อยต่อยหนัก-หนักถึงตายเลยล่ะ!” ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า.. เขาคนนี้เป็นคนพูดจริง-ทำจริงเสียด้วยสิ!!!

สุดท้าย.. “แก๊งจอมเบี้ยว” ก็ยอมสงบเงียบ กรุงเทพมหานครก็ได้รับโอน “สวนรถไฟ” ในเวลาต่อมา...

ทุกวันนี้ มีผู้คนมาออกกำลังกายกันอย่างคึกคัก! เป็นทั้งที่พักผ่อนหย่อนใจ แค่นั่งเฉยๆ ฟังเสียงนกร้อง ชื่นชมต้นไม้ ดอกไม้ ดูกระรอกวิ่งไล่กัน ก็มีความสุข

ส่วนกิจกรรมสำหรับคนรักสัตว์ ก็มี “สวนผีเสื้อ” ให้ได้ศึกษาเรียนรู้ สำหรับกลุ่มคนรักนก ที่นี่เป็น “บ้าน” ของนกหลากหลายชนิด เช่นนกเค้า นกฮูก หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มีร้านอาหาร มีอุปกรณ์เสริมสุขภาพหลากหลาย และมีจักรยานให้เช่าขี่อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย!

อีกมุมหนึ่งของสวน เป็นที่ตั้งของสำนักงาน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และที่ตั้งของโรงพยาบาลมิราเคิลออฟไลฟ์ สังกัดโรงพยาบาลราชวิถี ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ อีกหนึ่งโครงการที่พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ทรงริเริ่มพัฒนาและทุ่มเทเพื่อส่งต่อพลังแห่งการให้ ภายใต้แนวคิด “การช่วยเหลือที่ไม่มีที่สิ้นสุด” แก่ สังคมและประชาชนไทย นอกเหนือจากโครงการ “ทู บี นัมเบอร์วัน” ที่ดูแลให้การศึกษาแก่เยาวชนไทยให้ไกลห่างจากยาเสพติด ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลาย

และนี่คือ “สวนวชิรเบญจทัศ” ปอดของกรุงแทพฯ พื้นที่แห่งความสุขของประชาชนทั่วไป


กำลังโหลดความคิดเห็น