“ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า การกระทำด้วยเจตนาเป็นกรรม” พุทธพจน์
โดยนัยแห่งพุทธพจน์ข้างต้นหมายความว่า การกระทำด้วยความจงใจให้เกิดผลตามที่ผู้กระทำต้องการเป็นกรรม
กรรมตามคำสอนของศาสนาพุทธแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. อกุศลกรรมคือ การกระทำอันเกิดจากอกุศลเจตนาหรือเจตนาไม่ดีให้ผลเป็นทุกข์แก่ผู้กระทำ
2. กุศลกรรมคือ การกระทำอันเกิดจากกุศลเจตนาหรือเจตนาดีให้ผลเป็นความสุขแก่ผู้กระทำ
ส่วนการกระทำโดยไม่มีเจตนา ไม่เป็นกรรมคือ ไม่เกิดผลใดๆ แก่ผู้กระทำเช่น การกระทำด้วยความประมาทขาดสติหรือการกระทำของคนเสียสติ ในทางพุทธศาสนาไม่ผิดศีลและไม่ต้องรับโทษทางวินัยเช่น พระภิกษุทำผิดศีลในขณะเป็นบ้าหรืออาพาธขาดสติ เป็นต้น
แต่การกระทำด้วยเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ ผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม ครั้นถูกจับและดำเนินคดีถูกลงโทษจำคุกแล้วออกมาโวยว่าถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม เฉกเช่นอดีตนายกฯ ทักษิณ และคนรอบข้างแสดงพฤติกรรมอยู่ในขณะนี้เข้าข่ายผิดแล้วไม่ยอมรับผิด และปฏิเสธกฎแห่งกรรมจึงส่งผลให้เกิดขึ้นกับตนเอง และพรรคเพื่อไทยทำให้พรรคตกต่ำได้ และจะมีทางแก้ไขอย่างไร?
ก่อนที่จะตอบปัญหาข้างต้น ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านย้อนไปดูหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และนำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมองค์กรของพรรคเพื่อไทย และพฤติกรรมอดีตนายกฯ ทักษิณ อันเป็นปัจเจกในบทบาทของนักการเมืองก็จะพบว่า พฤติกรรมองค์กรของพรรคการเมืองนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนถึงพรรคเพื่อไทย ภายใต้การกำกับดูแลของอดีตนายกฯ ทักษิณ โครงสร้างการจัดการเป็นรูปแบบของบริษัทครอบครัวดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในรูปแบบของธุรกิจ โดยมีคนในครอบครัวกำกับถึงแม้จะมีคนนอกเช่น นายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาก็เป็นแค่ตัวแทนไม่มีอิสระในการตัดสินใจ จึงทำให้พรรคไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในรูปแบบของประชาธิปไตยได้อย่างเต็มที่ ตามนัยที่ว่าโดยประชาชน เพื่อประชาชน แต่เป็นไปในรูปแบบที่ว่า โดยประชาชนแต่เพื่อตนเอง และพวกพ้องมากกว่า
ดังนั้น เมื่ออดีตนายกฯ ทักษิณ ต้องคดีและต้องโทษจำคุกหมดอำนาจไร้บารมี จึงส่งผลให้พรรคเพื่อไทยตกต่ำตามไปด้วย
ส่วนแนวทางแก้ไขทำได้ไม่ยาก เพียงแต่อดีตนายกฯ ทักษิณ ปล่อยมือและเปิดโอกาสให้คนดี คนเก่งจากภายนอกครอบครัวชินวัตร และเครือข่ายเข้ามาบริหารและปรับปรุงแก้ไขนโยบายให้สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศ โดยเฉพาะในด้านการเงินก็จะทำให้พรรคเพื่อไทยฟื้นขึ้นได้ แต่ต้องใช้เวลาและเปลี่ยนแนวทางการต่อสู้จากอาศัยทุนเงินมาเป็นทุนทางสังคมให้มากขึ้น ก็จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่มากขึ้น แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงรับรองได้ว่าเลือกตั้งครั้งต่อไปต่ำกว่า 100 แน่นอน


