xs
xsm
sm
md
lg

“สงครามจิตวิทยา”หรือ“สงครามล้างโลก”!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


คริส ไรท์ รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐอเมริกา
ถ้าฟังจากคำบอกเล่าของ “Alejandro Kirk” เหยี่ยวข่าวลูกครึ่งชิลี-เวเนซุเอลา ที่ตระเวนสังเกตการณ์ถึงสีสันบรรยากาศและอารมณ์-ความรู้สึกของบรรดาชาวเวเนซุเอลา ขณะที่ทหารอเมริกันนับเป็นหมื่นๆ พร้อมเรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำนิวเคลียร์ รวมทั้งเครื่องบินโจมตี เครื่องบินทิ้งระเบิด ฯลฯ ยกโขยงล้อมกรอบ ล้อมรอบประเทศเล็กๆ ในทะเลแคริบเบียน อย่างประเทศเวเนซุเอลา ที่เป็นเสมือน “สวนหลังบ้าน” ของคุณพ่ออเมริกา ดูๆ แล้ว...ไม่ว่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไป ยันไปถึงผู้นำประเทศ ก็ไม่น่าจะเกิดอาการหวั่นไหว สยดสยอง ขนลุก ขนพอง ขนคอตั้งมากมายสักเท่าไหร่!!! 

ไม่ได้ถึงกับสับสนอลหม่าน ชนิดต้องแห่ไปกักตุนสินค้า อาหาร น้ำดื่ม ฯลฯ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า จนร้านรวง ร้านค้าโล่งกันไปเป็นแถบๆ แต่อย่างใด ยังคงสนุกสนานร่าเริงบันเทิงใจ ดังเห็นได้จากการแข่งขันกีฬาเบสบอล อันเป็นกีฬายอดนิยมของชาวเวเนซุเอลา เมื่อช่วงวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ยังคงมีชาวเวเนฯ ไม่น้อยไปกว่า 35,000 คนแห่ไปเชียร์ทีม “Caracas Lions” ปะทะกับทีม “Magallanes” ชนิดแทบไม่ต่างไปจาก “ทวยไทย” บ้านเรา แห่ไปเชียร์ทีม “หมอนทองวิทยา” ปะทะกับทีม “อบจ.ชัยนาท” อะไรประมาณนั้น หรือแม้แต่งาน “มหกรรมหนังสือแห่งชาติ” ประจำปี (Caracas Book Fair) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ต.ค. ถึงเมื่อช่วงวันจันทร์ 10 พ.ย.ที่เพิ่งผ่านมานี้ บรรดาผู้คนก็ยังคงหลั่งไหลไปหาซื้อ “หนังสือจ๋า...ไปไหนมาเป็นแถวๆ” อย่างเป็นปกติ... 

แม้แต่ตัวผู้นำประเทศ อย่างประธานาธิบดี “Nicolas Maduro” ที่ถูกคุณพ่ออเมริกาตั้งค่าหัวเอาไว้ถึง 50 ล้านดอลลาร์ และยังมุ่งหมายที่จะส่งหน่วย “Seal” หน่วย “Delta Force” เข้าไปลักพาตัว หรือล่าสังหาร ให้สิ้นชีพตักษัยในช่วงระหว่างนี้ให้จงได้!!! ก็ดูจะยังคง “ชิลๆ” ไม่ได้คิดจะแอบ จะซ่อน หลบหน้า หลบตา หลบอยู่ในที่ปลอดภัยเอาไว้ก่อน ยังคงเดินสาย “ออกงาน” พบปะ เจอะเจอกับประชาชนในงานพิธีต่างๆ จะด้วยเหตุเพราะความห้าว ความกล้า หรือเพราะเพื่อเป็น “ขวัญ”และ “กำลังใจ” ให้กับบรรดาผู้คนในประเทศตัวเองก็แล้วแต่หรือดูๆ แล้ว...บรรดาชาวเวเนฯ โดยส่วนใหญ่ น่าจะยังมั่นอก-มั่นใจกับความร่วมแรง-ร่วมใจ ของบรรดา “ทหารบ้าน” นับล้านๆ ที่ขันอาสาเข้ามาช่วยปกป้อง “มาตุภูมิ” ของตัวเอง ร่วมกับ “ทหารอาชีพ” อีกนับเป็นแสนๆ... 

อีกทั้งการหันมาให้ความสำคัญในเรื่อง “การผลิตอาหาร”เพื่อทดแทนการนำเข้า ซึ่งเคยสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้าทั้งมวล นับตั้งแต่ถูกหมายหัว ถูกกดดัน เล่นงาน โดยคุณพ่ออเมริกามาตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดีคนก่อน (Hugo Chavez) จนทำให้ประเทศทั้งประเทศสามารถ “พึ่งพาตนเอง” ในด้านอาหาร หรือสามารถผลิตอาหารได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณความต้องการ จึงทำให้ยังพอ “อยู่ๆ กันไปได้” ไม่ว่าจะถูกกด ถูกบีบ ถูกล้อมกรอบด้วยกองทัพอเมริกา ที่ยกโขยงแห่เข้ามารุมล้อมอยู่ในน่านน้ำเวเนซุเอลามากมายสักเท่าไหร่ ถึงจะเป็นไปตามเสียงเรียกร้องของชาวเวเนซุเอลาบางราย อย่างเช่น “นางMaria Machado” เจ้าของรางวัลโนเบล พีซ ไพรซ์ปีนี้ที่พร่ำวิงวอนให้ “นักสันติภาพ” อย่าง “ทรัมป์บ้า” ส่งทหารอเมริกาเข้ามาช่วย “ปลดปล่อย” ประเทศตัวเองก็ตามที แต่กลับไม่ได้ก่อให้เกิดความดื่มด่ำ ประทับใจต่อบรรดาชาวเวเนซุเอลาโดยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อคุณเธอแสดงออกถึงความเป็น “ยิวนิยม” อย่างออกหน้า-ออกตา แล้วกลับหันไปต่อต้านบรรดาผู้ที่เป็นพันธมิตรของประเทศเวเนซุเอลา ไม่ว่าจะเป็นจีน รัสเซีย อิหร่าน ไปจนถึงพวกฮามาส พวกเฮซบอลเลาะห์ ฯลฯ จนมีแต่ประเภทพวก “เสรีนิยมใหม่” อย่างคณะกรรมการรางวัลโนเบล ไพรซ์เท่านั้น ที่รู้สึกว่าเธอช่างเป็นอะไรที่ “เข้าตากรรมการ” เป็นอย่างยิ่ง... 

ด้วยเหตุนี้...การบุก-ไม่บุกเวเนซุเอลาของผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” จึงยังคงเป็นแค่ “สงครามทางจิตวิทยา” ในสายตาชาวเวเนฯ โดยทั่วไป เหมือนอย่างที่ผู้สื่อข่าวรายนี้เขาได้จั่วหัวไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “As US beats psychological war drums, Venezuela projects calm defiance and unity” หรือหันไปอาศัยความสงบนิ่งและความเป็นเอกภาพในการรับมือกันแทนที่ ส่วนจะนำไปสู่ “ผลลัพธ์” แบบไหน? ในลักษณะไหน? นับจากนี้ไปอีก 1 เดือนข้างหน้า ก็น่าจะรู้หมู่-รู้จ่า ว่าสุดท้าย... “นักสันติภาพ” อย่าง “ทรัมป์บ้า” จะหันไป “บ้าสงคราม” หรือไม่? ประการใด? กันแน่!!! 

ส่วนเรื่องของการคิดจะ “ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์” ที่ตัวเองมีอยู่ในมือว่า “เวิร์ก-ไม่เวิร์ก” หลังจากมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซียประสบความสำเร็จในการทดลอง “อาวุธล้างโลก” อย่างขีปนาวุธ“Burevestnik” และโดรนใต้น้ำ “Poseidon” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไปๆ-มาๆ แล้ว...มันก็น่าจะออกไปทาง “สงครามจิตวิทยา” อีกนั่นแหละ!!! ไม่น่าจะถือเป็นจริง-เป็นจังอะไรมากเพราะถ้าคิดจะเอากันจริงๆ ก็อย่างที่รัฐมนตรีพลังงานของอเมริกาเอง “นายChris Wright” ได้ออกมาสาธยายเอาไว้นั่นแหละว่า อาจต้องใช้เวลาเตรียมตัวไม่ต่ำกว่า 36 เดือนหรือเกือบ 3 ปีพอดีกับหมดยุค หมดสมัยของ “ทรัมป์บ้า” ไปโดยปริยาย เพราะการจุดระเบิดทำลายเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในแต่ละลูกที่มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 20 กิโลตัน หรือเทียบเท่าระเบิด “TNT”ประมาณ20,000 ตันนั้น ไม่เพียงแต่จะเกิดปฏิกิริยาเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมบนดิน-ใต้ดิน-ในน้ำ ก่อให้เกิด“กัมมันตรังสี” ที่แผ่ซ่านจนยากที่จะควบคุมบังคับกันได้ง่ายๆ และด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ถึงต้องเกิด “สนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์” หรือ “The Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty (CTBT)” ขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 เป็นต้นไป... 

การคิดจะรื้อฟื้นการทดสอบอานุภาพทำลายล้างของอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาใหม่ของผู้นำอเมริกา จึงไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึง “ความไม่เข้าใจ” ต่อ “ผลกระทบ” ต่างๆ นานา แต่ยังถือเป็นการ “ยั่วยุ” ปลุกกระตุ้นให้บรรดาชาตินิวเคลียร์ทั้งหลาย เลี่ยงไม่พ้นต้องเดินไปตามความคิดริเริ่มที่สุดแสน “อันตราย”เหล่านี้อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เพราะมันต่างไปจากการทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่า “Burevestnik” หรือ “Oreshnik” ของรัสเซียแบบคนละเรื่อง-คนละม้วนที่ถือเป็นการทดสอบ “อาวุธตามแบบแผน” (conventional weapon) ตราบใดที่มันยังไม่ได้ติด “หัวรบนิวเคลียร์” เอาไว้เท่านั้นเอง ไม่ใช่การทดสอบอานุภาพของระเบิดชนิดนี้ ว่าจะ “ล้างโลก” ได้มาก-น้อยขนาดไหน? ดังนั้น...การออกมาป่าวประกาศของผู้นำอเมริกาในเรื่องนี้ พร้อมๆ กับการคุยโวโอ้อวด ว่ามีระเบิดชนิดนี้มากพอที่จะทำลายโลกทั้งโลกได้ถึง 150 ครั้งเป็นอย่างน้อย ถ้าหากไม่ใช่เป็นการข่มขู่ คุกคาม ก็คงต้องถือเป็น “สงครามทางจิตวิทยา”อีกเช่นกันนั่นเอง... 

ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าการตัดสินใจบุก-ไม่บุกเวเนซุเอลา หรือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของผู้นำอเมริกา ก็ยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจน ว่าสุดท้ายแล้ว...“ทรัมป์บ้า” จะกลายเป็นพวก “บ้าสงคราม” หรือไม่? ประการใด? เพราะอะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ ยังคงสามารถ “เปลี่ยนมา-เปลี่ยนไปวันละ 3 เวลาหลังอาหาร”ยังคงเป็นไปในแบบ “มะกอก 3 ตะกร้า” ปาไม่ถูก หรือยังคง“กะล่อน” ไปวันๆ ต่างไปจากพวก “พันธมิตรพรมเช็ดเท้า” ในยุโรป ที่นับวันยิ่งออกอาการหน้ามืด ตามัว กระเหี้ยนกระหือรือ หรือ “กระหายสงคราม” ยิ่งเข้าไปทุกที ถึงขั้นเตรียมการที่จะระดมพล ระดมกำลังทหารจำนวนถึง 800,000 นายเอาไว้สู้กับหมีขาวรัสเซีย ดังที่ “พลโทAlexander Sollfrank” ผู้บัญชาการกองบัญชาการร่วมเยอรมนี ออกมาป่าวประกาศคราวล่าสุด หรือเลขาธิการ “NATO” อย่าง “นายMark Rutte” ที่ออกเดินสายปลุกกระตุ้นใครต่อใครในเวที “NATO Industry Forum” เมื่อไม่กี่วันมานี้ ให้เตรียมตัวสู้รบ ทำศึกกับรัสเซีย-จีน-อิหร่าน-และเกาหลีเหนือ ที่คิดจะลุกขึ้นมาท้าทายต่อ “กฎระเบียบโลก” (Global Rules) อันเป็นสิ่งที่ “โลกตะวันตก” ได้สถาปนาขึ้นมาควบคุม บังคับ และครอบงำใครต่อใครทั่วทั้งโลกมานานนับเป็นศตวรรษๆ... 

หรือดังคำพูดที่ว่า “รัสเซีย...ไม่ใช่เป็นผู้ที่พยายามทำลายกฎระเบียบโลกโดยลำพัง เพราะอย่างที่คุณรู้ๆ นั่นแหละ เขายังทำงานร่วมกับจีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และอื่นๆ อีก พวกเขาพยายามเพิ่มพูนขีดความสามารถของอุตสาหกรรมทหารในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนและยังตระเตรียมที่จะเผชิญหน้าในระยะยาว” ดังนั้น...การปะ-ฉะ-ดะระหว่าง “โลกตะวันตก” กับ “โลกตะวันออก” หรือ “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” จึงเป็นอะไรที่ยากจะปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เพียงแต่ว่า...ความบ้าสงคราม กระหายสงคราม ของบรรดาผู้นำชาติยุโรปทั้งหลาย จะก่อให้เกิดการ “ติดเชื้อ” หรือเกิดปฏิกิริยาต่อผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็น “ประมุขโลก” อย่าง “ทรัมป์บ้า” มาก-น้อยเพียงใด???


กำลังโหลดความคิดเห็น