เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ประชุมพรรค และได้แถลงผลงานในอดีตที่ผ่านมา ทั้งได้เปิดเผยแผนการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค โดยใช้กลยุทธ์ยกเครื่องพรรคเพื่อไทย และยกเครื่องประเทศไทยในท่ามกลางกระแสความนิยมพรรคตกต่ำ และปัญหาที่รุมเร้าประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและสังคม อันเป็นผลมาจากรัฐบาลที่ผ่านมาด้อยประสิทธิภาพ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีส่วนทำให้เกิดปัญหาที่ว่านี้ และส่งผลให้ สส.และอดีต สส.ของพรรคเพื่อไทยไหลออกไปอยู่พรรคอื่น เพื่อแสวงหาที่เกิดทางการเมือง ในทำนองเดียวกับสัมภเวสีหรือวิญญาณเร่ร่อนแสวงหาที่เกิดในภพใหม่
ดังนั้น การประชุมพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้จึงถูกมองจากบรรดานักวิเคราะห์ทางการเมืองว่า เป็นไปเพื่อยับยั้งการไหลออกของบุคลากรทางการเมืองของพรรคมากกว่าอื่นใด
ส่วนการประชุมพรรคในครั้งนี้ จะมีผลทำให้กระแสไหลออกของบรรดา สส.และอดีต สส.ได้มากน้อยแค่ไหน อนุมานได้จากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. จากการได้ฟังการแถลงผลงานในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลงานใน 2 ปีที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ไม่มีผลงานด้านใดโดดเด่นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากพอที่จะหักล้างจุดด้อยทางสังคมและความบกพร่องผิดพลาดอันเกิดจากการที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนจากตำแหน่ง เนื่องจากกระทำความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และการที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นเสาหลักของพรรคเพื่อไทยถูกศาลฎีกาพิพากษาให้กลับไปติดคุก
2. การเสนอโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การตั้งบ่อนการพนัน และถูกสังคมต่อต้านถึงกับต้องชะลอโครงการ และทำให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเช่น พรรคภูมิใจไทยแสดงท่าทีต่อต้านและทำให้เกิดความขัดแย้งกัน
ด้วยเหตุปัจจัย 2 ประการข้างต้น ทำให้กระแสนิยมพรรคเพื่อไทยตกต่ำ และเป็นเหตุให้บุคลากรทางการเมืองในสังกัดพรรคเพื่อไทยย้ายไปอยู่พรรคอื่น
ดังนั้น การประชุมพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ไม่น่าจะมีผลในการจูงใจให้ สส.ย้ายพรรค โดยเฉพาะ สส.ที่มีฐานเสียงแน่นหนา และมีโอกาสได้รับเลือกซึ่งเป็นที่ต้องการของพรรคคู่แข่ง
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นอีกพรรคหนึ่งที่ตกอยู่ในภาวะตกต่ำ และจำเป็นต้องมีการฟื้นฟู โดยจัดให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่หลังจากคนเก่าได้ลาออกไปในวันที่ 18 ตุลาคมที่จะถึงนี้
จากข่าวที่ปรากฏออกมาทางสื่อได้เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองน่าสนใจ เมื่อคนเก่าคนแก่ของพรรคนี้ที่ลาออกไปอยู่พรรคอื่นที่วางมือทางการเมืองไปแล้วได้กลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ นัยว่าเพื่อสนับสนุนให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง เพื่อกอบกู้ฟื้นฟูพรรคให้กลับมามีบทบาททางการเมืองเช่นในอดีต
ส่วนว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. กลุ่มอำนาจเก่าที่บริหารพรรคก่อนหน้าที่ยอมวางมือ และเปิดโอกาสให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทำงานได้เต็มที่มากน้อยแค่ไหน
2. กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีศักยภาพในการบริหารมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของคนในพรรค และประชาชนคนทั่วไปเฉกเช่นสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์โดดเด่นในอดีตได้หรือไม่มากน้อยแค่ไหน
3. พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเฉกเช่นในอดีตที่รุ่งเรืองได้ จะต้องยึดอุดมการณ์เดิม โดยเฉพาะการต่อสู้กับเผด็จการและต่อต้านทุจริต คอร์รัปชัน พร้อมกันนี้จะต้องทำสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการคือ บริหารในเชิงรุกเมื่อได้เป็นรัฐบาลในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งในด้านความมั่นคง
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ทำได้การกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง คงจะไกลไปกว่าจะไปถึงความเป็นจริงมิใช่แค่ฝัน