xs
xsm
sm
md
lg

ข้อพิสูจน์ถึง “ความเสื่อม” ของมหาอำนาจสูงสุดอเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โดนัลด์ ทรัมป์
ในแง่ “ความบ้า” กับ “ความกะล่อน” ของผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” แล้ว...น่าจะยากเอามากๆ ที่จะชั่งน้ำหนักได้ว่าอะไรมาก-อะไรน้อยไปกว่ากัน เรียกว่า...ถ้าหากพวก “เสรีนิยมโลก” อย่างคณะกรรมการรางวัลโนเบล เกิดอุตริตั้งรางวัล “โนเบล สาขาความกะล่อน” ขึ้นมาเมื่อไหร่? ตอนไหน? โอกาสที่จะปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบรางวัลประเภทนี้ให้กับประธานาธิบดีอเมริกัน
น่าจะลำบากยากเย็นหรือแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลยก็ว่าได้!!!

คือโดยคำพูดคำจา ไม่ว่าในระหว่างการให้สัมภาษณ์ หรือการโพสต์ การทวีต-ทวีตมา วันละประมาณ3 เวลาหลังอาหาร อันถือเป็น “สไตล์”ของ “ทรัมป์บ้า” เขา มีแต่ต้องฟังหู-ไว้หู จะไปเชื่อ หรือจะไปบ้าตาม ย่อมมีสิทธิออกลูกเป็นลิงเอาง่ายๆ มีทั้งชักเข้า-ชักออก กลับไป-กลับมา เดี๋ยวด่า เดี๋ยวชม เดี๋ยวขู่คำราม ฯลฯ ชนิดก่อให้เกิดความป่วนไป-ป่วนมา ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ จนแม้แต่พวก “นักเก็งกำไร” หรือพวกผู้ที่ชอบลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลทั้งหลาย ต่างต้องเลิกหาข้อมูลความเคลื่อนไหวในตลาด เลิกดูกราฟ ดูดัชนีขึ้นๆ-ลงๆ หันมาอาศัยความกลิ้งกลอกของ “ทรัมป์บ้า”เป็นเครื่องเก็งกำไรกันแทนที่!!!

อย่างเรื่องการออกมา “พูดคำโต” ถึงการโทรศัพท์พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอินตะระเดีย “นายNarendra Modi”เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ถึงขั้นว่า...ผู้นำอินเดียยอมแล้ว ไม่เอาแล้ว กับการคิด “ซื้อน้ำมันรัสเซีย”ไม่ว่าเอามาบริโภคหรือมา “ขายต่อ” ก็แล้วแต่ เพียงแต่ว่ายังอาจต้องรอจังหวะ เวลา หรือรอความเป็นไปตามกระบวนการซื้อ-ขายอีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้ หรือ “นี่คือ...ก้าวที่ใหญ่เอามากๆ!!! และเราพยายามที่จะทำให้จีนต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน”แต่เมื่อบรรดาผู้สังเกตการณ์ระดับโลก และผู้สื่อข่าวหันไปถามโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดียถึง “ก้าวที่ใหญ่เอามากๆ” ของ “ทรัมป์บ้า”ในเรื่องนี้ สิ่งที่ได้รับคำตอบจาก “นายRandhir Jaiswal” ก็คือ... “อีนี่...จ๋านไม่รู้เรื่องอะไรเอาเลย นะนายจ๋า!!!” หรือไม่เคยได้ยิน ได้ฟังอะไรที่ออกจากปากของผู้นำอินเดีย เหมือนอย่างที่ผู้นำอเมริกา ได้ออกมา “ซ้อมค้าง” แบบชนิดหาที่มา-ที่ไปแทบไม่ได้...

ไม่ต่างไปจากคำแถลงของกระทรวงกิจการภายนอกของอินเดีย...ที่ออกมาตอกย้ำถึงนโยบายการจัดหาพลังงานอินเดีย ภายหลังการซ้อมค้างของ “ทรัมป์บ้า” ว่ายังคงมุ่งที่จะตอบสนองต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคชาวอินเดียนั่นแหละเป็นหลัก โดยจะต้องคำนึงถึง “ความแน่นอนของระดับราคาและความมั่นคงในการส่งมอบพลังงาน” หรือถ้าแปลอินตะระเดียเป็นไทยๆ ก็คือยังไงๆ...ยังคงต้องวิ่งหาซื้อน้ำมันราคาถูกๆ จากประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลกในทุกวันนี้ อย่างเช่น รัสเซีย นั่นเอง!!! ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสถาบันยุทธศาสตร์ชาติแห่ง Tsinghua University” อย่าง “นายQian Feng” เลยต้องออกมาตีความ แปลความไว้กับสำนักข่าวทางการของจีนอย่าง Global Times” ประมาณว่า คำพูดคำโตๆ ของ “ทรัมป์บ้า” ในเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเพียงแค่ความมุ่งหวังที่จะสร้างแรงกดดันให้กับหมีขาวรัสเซีย ให้รีบๆ บรรลุข้อตกลง “หยุดยิง” กับยูเครน ตามที่ตัวเองปรารถนาเสียเหลือเกินที่จะให้เป็นไปเช่นนั้น...

ส่วนคำพูดที่ว่าจะสามารถสร้างแรงกดดันต่อรัสเซียได้จริงๆหรือไม่? อันนี้...โฆษกเครมลิน “นายDmitry Peskov”ท่านก็ได้ออกมาแถลงเอาไว้แบบเรียบๆ-ง่ายๆ แต่แฝงเร้นและลึกซึ้งมิใช่น้อย นั่นก็คือ... “เราก็ยังคงยึดมั่นอยู่กับแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของกระทรวงกิจการภายนอกอินเดีย เหมือนกับที่เรายังคงยึดมั่นอยู่กับแถลงการณ์ของจีน โดยสิ่งเหล่านี้สาธารณชนก็น่าจะพอรับรู้ได้ ซึ่งเราก็ยังคงเดินไปในแนวทางดังกล่าว”หรือก็ยังคงพร้อมที่จะส่งน้ำมัน ส่งแก๊ส ไปขายให้ทั้งอินเดีย ทั้งจีน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน เป็นระบบและกิจการอีกตราบนานเท่านานนั่นเอง เพราะอย่างที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน “นายLin Jian” เขาได้ออกมายืนหยัด ยืนยันแบบเสียงดัง-ฟังชัด ไม่ต้องเสียเวลาแปลความ ตีความ แบบอินตะระเดียมากมายสักเท่าไหร่ นั่นคือ... “การตัดสินใจค้าขายหรือความร่วมมือด้านพลังงานกับประเทศใดๆในโลกนี้รวมทั้งรัสเซียด้วย ถือเป็นความชอบธรรมตามกฎหมายของจีน”หรือเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ผู้หนึ่ง-ผู้ใดยื่นบัตรสมาชิก “สมาคมเสือกกิตติมศักดิ์” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย...

สรุปง่ายๆ ว่า...ความพยายามที่จะอาศัยคำพูด คำจา หรือการกะล่อนไป-กะล่อนมา กับบรรดาประเทศมหาอำนาจระดับโลก
ไม่ว่าจีน-อินเดีย-รัสเซีย ของ “ทรัมป์บ้า” นั้น ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลตามที่ตัวเองปรารถนาและต้องการมากมายสักเท่าไหร่ หรือออกไปทาง “แห้วกระป๋อง” แบบเดียวกับความปรารถนาที่จะได้รางวัลโนเบล พีซ ไพรซ์ ทำนองนั้น และด้วยความหงุดหงิด งุ่นง่าน ต่อการไม่ได้สิ่งที่ตัวเองหวังและต้องการหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่ เลยทำให้ประมุขโลก ผู้นำมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลก อย่างประธานาธิบดีอเมริกัน จึงหันไปเน้นหนักต่อการคิดจะบุกประเทศเล็กๆ แถวๆ สวนหลังบ้านของตัวเอง นั่นก็คือประเทศ “เวเนซุเอลา”กันแทนที่ ไม่ได้ออกไปทาง...“เล็กๆ มิต้าไม่-ใหญ่ๆ มิต้าทำ”ให้สมกับความเป็น “มหาอำนาจสูงสุด”เอาเลยแม้แต่น้อย...

การส่งกองเรือรบเข้าไปป้วนๆ เปี้ยนๆ แถมยังจมเรือเวเนซุเอลาไปแล้วถึง 5 ลำ คนตายไปแล้วอย่างน้อย 27 ราย โดยจะเป็นแค่ชาวประมง หรือนักค้ายาเสพติด ก็ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะพิสูจน์ได้ อีกทั้งยังขู่คำรามว่าอาจถึงขั้นบุกภาคพื้นดินในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องการค้ายาเสพติดที่ถูกนำมาใช้เป็น “ข้ออ้าง” ของผู้นำอเมริกาแต่อย่างใด เพราะถ้าว่ากันตามรายงานการศึกษาและวิจัยของอดีตผู้บริหารองค์กร UNODC”(The United National Office on Drugs and Crime) อย่าง “นายPino Arlacchi” แล้ว ไม่ว่าในแง่พื้นที่ หรือภูมิรัฐศาสตร์เวเนซุเอลา แทบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกิจการยาเสพติดเอาเลยแม้แต่น้อย หรือถ้าคิดจะกวาดล้างธุรกิจยาเสพติดกันจริงๆ น่าจะหันไปเล่นงานประเทศอย่างเม็กซิโก โคลอมเบีย โบลิเวีย เปรู หรือบราซิล ฯลฯ ซะมากกว่า การออก “ลูกบ้า”ของ “ทรัมป์บ้า” ในกรณีนี้ จึงไม่อาจแปลความ ตีความไปเป็นอื่นนอกเสียจากความปรารถนาและต้องการมุ่งที่จะยึดอำนาจ ยึดแหล่งน้ำมัน หรือ “เปลี่ยนระบอบการปกครอง” ของเวเนซุเอลานั่นแหละเป็นหลัก...

โดยความปรารถนาทำนองนี้...ก็เคยส่อให้เห็นมาบ้างแล้วในช่วงสมัยแรกของ “ทรัมป์บ้า” แต่ต่างก็ประสบความล้มเหลว ไม่ว่าในการคิดจะก่อรัฐประหารด้วยกำลังทหาร หรือด้วยการลุกฮือของมวลชนภายใต้การปลุกระดมของ “ประธานาธิบดีหุ่น” อย่าง “นายJuan Guaido” ที่ “อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา” บ้านเราท่านใช้คำเรียกช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่า “ฮวน ฆวยโต” อะไรประมาณนั้น การคิดเปลี่ยนระบบ คิดโค่นล้มการปกครองของประธานาธิบดี Nicolas Maduro” ที่ถูกคุณพ่ออเมริกาตั้งค่าหัวไว้ถึง 50 ล้านดอลลาร์ จึงไม่ถึงกับ “ปอกกล้วยเข้าปาก”กันสักเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ หรือแค่ระดับสวนหลังบ้านของอเมริกาก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อผู้นำเวเนซุเอลารายนี้ท่านสามารถระดมบรรดาอาสาสมัคร หรือ “ทหารบ้าน” เข้ามาช่วยปกป้องดินแดนประเทศตัวเองเป็นจำนวนถึง4,500,000 ราย นอกเหนือไปจากทหารอาชีพที่มีอยู่ประมาณ95,000-150,000 ราย เอาเลยถึงขั้นนั้น...

ส่วนใครจะอยู่-ใครจะไป เมื่อไหร่? ตอนไหน? และอย่างไร? คงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาเป็นอันขาด แต่การหันไปเล่นงานประเทศเล็กๆ อย่างเวเนซุเอลา โดยไม่ได้คิดจะแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกร เหมือนอย่างที่หวังจะให้ America Great Again” ตามที่เคย “สมรักษ์ คำสิงห์” มาโดยตลอด ก็อาจเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึง “พลังอำนาจ” ของมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาว่าน่าจะเสื่อมโทรม ทรุดโทรม ลงไปมิใช่น้อยไม่ว่าในแง่การเมือง เศรษฐกิจ
การเงิน-การทอง หรือกระทั่งการทหาร ฯลฯ ก็ตามที เพราะแม้แต่การสร้างแรงกดดันให้กับ “มหาอำนาจคู่แข่ง”อย่างรัสเซีย เพื่อให้รีบๆ บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน ไม่ว่าด้วยการออกมาพูดคำโตหรือโกหกคำโต เรื่องการเลิกซื้อน้ำมันรัสเซียของอินเดียแล้ว กระทั่งในเรื่องการคิดจะส่งอาวุธร้ายๆ อย่างขีปนาวุธ Tomahawk”ของอเมริกาไปให้กับยูเครน ก็ยังคงต้อง
“ชักเข้า-ชักออก”
อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้...

โดยเฉพาะเมื่อเจอกับคำพูดแบบ “ไม่ได้คิดจะโม้” ของอดีตประธานาธิบดีรัสเซียหรือรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติอย่าง “นายDmitry Medvedev” ที่พยายามอธิบายเอาไว้แบบเรียบๆ-ง่ายๆ ในเว็บไซต์ Telegram”เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา(13 ต.ค.) ประมาณว่า...ขีปนาวุธ Tomahawk” ของอเมริกานั้น เป็นอาวุธที่สามารถ “ติดหัวรบนิวเคลียร์” ได้ด้วย ดังนั้น...เมื่อเวลาที่ถูกยิงเข้ามาในดินแดนรัสเซีย ก็ยากที่จะแยกแยะว่าจะเป็นขีปนาวุธธรรมดา หรือขีปนาวุธที่ถูกติดหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้...การตอบโต้ของรัสเซียต่ออาวุธร้ายๆชนิดนี้ จึงย่อมทำให้ “ชาตินิวเคลียร์” อย่างรัสเซีย ซึ่งกำหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้มากกว่าอเมริกาไม่รู้กี่ต่อกี่หัวรบ แถมยังนำหน้าในเทคโนโลยีด้านนี้แบบใครก็วิ่งไล่แทบไม่ทัน หนีไม่พ้น....ต้องงัดเอาอะไรต่อมิอะไรที่รัสเซียกำเอาไว้ในมือ ออกมาสนองคืน อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเด็ดขาด!!!

หรือพูดง่ายๆ ว่า...เมื่อต้องเจอเข้ากับ “ขั้วอำนาจ” อันหลากหลาย ที่ต่างกำลังปรากฏตัวขึ้นมาภายในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน หรืออินตะระเดีย ฯลฯ โอกาสที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะยังคิดดำรงตนเป็นจ้าวโลก ประมุขโลก หรือยังคงคิดว่าโลกใบนี้คือ “โลกขั้วอำนาจเดียว” อีกต่อไป จึงเป็นอะไรที่ออกจะขัดแย้ง ออกจะสวนทางกับความเป็นจริง ข้อเท็จจริง
อย่างเห็นได้โดยชัดเจน เลยมีแต่ต้องหันไป “สมรักษ์ คำสิงห์” ไปวันๆ เท่านั้นเอง...


กำลังโหลดความคิดเห็น