xs
xsm
sm
md
lg

สิ่งที่จะทำให้โลกตะวันตกล่มสลาย...ไม่ใช่รัสเซีย!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


วลาดิมีร์ ปูติน ได้กล่าวสุนทรพจน์และตอบคำถามผู้สื่อข่าว ณ สโมสร “The Valdai Club” ที่เมืองโซชิ รัสเซีย
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตย้อนไปดู “แนวรบยุโรปตะวันออก” กันอีกสักเที่ยว เพราะหลังๆ นี้...หรือแค่ไม่กี่วัน-ไม่กี่สัปดาห์มานี้มันชักจะมีอะไรที่อุตลุด ชุลมุน ชุลเก พูดไม่ออก-บอกไม่ถูก อยู่พอสมควรทีเดียว ไม่ว่าเรื่องการล่วงล้ำน่านฟ้าโปแลนด์ของเครื่องบินโดรนที่ว่ากันว่าบินมาจากรัสเซีย ตามมาด้วยเดนมาร์กจนถึงกับต้องรีบเกณฑ์ รีบระดมกำลังทหาร เอาเลยถึงขั้นนั้น และล่าสุด...เห็นจะเป็นเยอรมนี ที่ถึงขั้นต้องปิดสนามบินยาวนานถึง7 ชั่วโมง ด้วยเหตุเพราะโดรนของใครก็ไม่รู้??? บินเพ่นพ่านชนิดแทบไม่รู้ว่าไผเป็นไผ? ใครเป็นใคร? กันแน่!!!!

และด้วยความเป็นโรค Russophobia” หรือ “โรคกลัวรัสเซีย” อย่างชนิดรักษาไม่หายนั่นเอง เลยทำให้บรรยากาศการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่าง “รัสเซียกับNATO” ยิ่งทำท่าน่าจะโกบิ๊ก...ไปกันใหญ่ ยิ่งเข้าไปทุกที เรียกว่า...เผลอๆ อาจหนักซะยิ่งกว่าความหวาดผวา ความหวั่นระแวงแคลงใจแถวๆ ชายแดนไทยและเพื่อนบ้านอย่าง “เคลมโบเดีย” ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ถึงขั้นที่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป “คุณป้ามหาภัย” “นางUrsula von der Leyen” ต้องออกมานำเสนอให้บรรดาชาติยุโรปทั้งหลายที่มาร่วมชุมนุมพบปะหารือกันถึง 45 ประเทศที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อไม่กี่วันมานี้ ร่วมกันจัดตั้ง “กำแพงโดรน”(Drone Wall) เพื่อรับมือกับปรากฏการณ์ที่อาจถือเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อประเทศยุโรป อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการเอาเลยถึงขั้นนั้น...

แต่ก็อย่างที่สำนักข่าว Politico” เขาตั้งข้อสังเกตเอาไว้นั่นแหละว่า...ภายใต้สภาพแห่งความ “บ่อจี๊” ของบรรดาชาติยุโรปทั้งหลาย ที่ต่างเป็นหนี้-เป็นสินรายละไม่ต่ำกว่า100 เปอร์เซ็นต์ของ GDP” โอกาสที่แนวคิดดังกล่าวจะเป็นจริง-เป็นจังขึ้นมาให้จงได้ มันคงลำบากมิใช่น้อย และอาจด้วยเหตุนี้...หรือไม่? อย่างไร? ก็มิอาจสรุปได้ เลยทำให้ประเทศฝรั่งเศสของ “มาครง-คนหนุ่ม” (Emmanuel Macron) เลยตัดสินใจใช้ปฏิบัติการซึ่งออกจะ “เสี่ยง” ต่อการเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซียเอามากๆ นั่นก็คือการใช้กำลังเข้ายึดเรือขนส่งน้ำมันที่ชื่อว่า Boracay” ติดธงประเทศเบนิน เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา(1 ต.ค.) ขณะที่กำลังแล่นผ่านเมืองท่า Saint-Nazire”ด้านตะวันตกของฝรั่งเศส ด้วยข้อสมมติฐานว่าอาจเป็นเรือแบบที่เรียกว่าShadow Fleet” หรือเรือที่ใช้ในการปฏิบัติการลับๆ ของรัสเซีย โดยเฉพาะในแง่การใช้เป็นฐานปฏิบัติการส่งเครื่องบินโดรนเข้าไปสร้างความชุลมุนชุลเก ให้กับบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย...

งานนี้...เลยเล่นเอาผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน”ที่มีกำหนดการพูดจาปราศรัยประจำปี ณ สโมสรนักคิด The
Valdai Club”
ของรัสเซีย เมื่อช่วงวันที่2 ต.ค.ที่ผ่านมา ออกอาการ “หนวดกระดิก” ทั้งที่ไม่ได้ไว้หนวดอยู่พอสมควรทีเดียวคือถึงขั้นต้องใช้คำเรียกขานการกระทำของฝรั่งเศสว่าไม่ต่างไปจากพวก “โจรสลัด!!!” เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนจะต้องจัดการอย่างไร? กับโจรประเภทนี้ เสียงขู่คำรามของผู้นำรัสเซียว่าจะต้อง “ตอบสนอง”การกระทำของฝรั่งเศสอย่างจริงๆ จังๆ ไปจนถึงคำพูด คำจาของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย Maria Zakharova” ที่ออกมาเปิดเผยความในใจต่อบรรดาผู้สื่อข่าวประมาณว่า...“สงครามเย็นได้สิ้นสุดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตกคือสงครามร้อนที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น”อันนี้นี่เอง...ที่อาจทำให้บรรยากาศแห่งความเสี่ยงค่อยๆ คลี่คลายลงไปแบบหวีดหวิว ฉิวเฉียด หรือทำให้ช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา(2 ต.ค.) ทางการฝรั่งเศสเลยยอมปล่อยให้เรือ Boracay” แล่นออกจากอ่าวBiscay” ไปยังคลองสุเอซ โดยไม่ได้คิดจะกักกันหน่วงเหนี่ยวใดๆ อีกต่อไป...

แต่ก็นั่นแหละ...บรรยากาศ “การเผชิญหน้าโดยตรง” ระหว่าง “รัสเซียกับNATO” ก็ยังไม่น่าจะลดราวาศอกลงไปแต่อย่างใด ส่วนจะเพิ่มขึ้นไปอีกหรือไม่? ประการใด? มากหรือน้อยขนาดไหน? คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับบรรดาชาติยุโรปแต่เพียงลำพัง แต่น่าจะขึ้นอยู่กับมหาอำนาจสูงสุดของโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา ที่มีฐานะเป็นผู้นำชาติ NATO”ทั้งหลายนั่นเอง และอาจด้วยเหตุนี้...ที่ทำให้คำพูด คำจา ของผู้นำรัสเซียในการประชุมประจำปีของสโมสรThe Valdai Club”เลยพยายามเน้นหนักที่จะ “แยกยุโรปออกจากอเมริกา” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าการเอ่ยปากชม “แผนสันติภาพ”ของ “ทรัมป์บ้า” ในฉนวนกาซา การแสดงความชื่นชมต่อการติดต่อโดยตรงระหว่างรัสเซีย-อเมริกาในขณะที่แสดงให้เห็นความพร้อมที่จะรับมือกับการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างรัสเซียกับ NATO โดยไม่ได้หวั่นเกรงใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

ส่วนอเมริกาจะคิดเห็นเป็นประการใด? อันนี้...คงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตา เพราะข่าวคราวความเคลื่อนไหวของคุณพ่ออเมริการะยะหลังๆ ออกจะน่าสับสน มึนซ์ซ์ซ์งงง์ง์ง์ มิใช่น้อย คือออกไปทางพลอบๆ แพล็บๆ ตามแบบ ตามสไตล์ ของผู้นำอย่าง “ทรัมป์บ้า” เขานั่นแหละ คือด้านหนึ่ง...ก็ก่อให้เกิดความขนลุก ขนพอง อยู่พอสมควร ไม่ว่าข่าวคราวเรื่องการระดมเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ KC-135”หรือKC-46”นับโหลๆ บินข้ามฝั่งแอตแลนติก อันถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ออกจะผิดปกติ ไม่ต่างไปจากครั้งที่เคยร่วมถล่มโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน การส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์เข้าไปในน่านน้ำรัสเซีย การเรียกประชุม 838 นายพลแห่งกองบัญชาการทั่วโลกพร้อมคำประกาศของรัฐมนตรีกระทรวงสงคราม “นายPete Hegseth” ประมาณว่า...“เพื่อเป็นหลักประกันต่อสันติภาพ...เราต้องเตรียมพร้อมที่จะทำสงคราม!!!”หลังจากนั้นก็เร่งรัดให้เพิ่มการผลิตกระสุนและจรวดให้กับกองทัพอเมริกันไปอีก 2 เท่า หรือ4 เท่า ไปจนถึงการคิดที่จะส่งอาวุธร้ายๆ อย่างจรวด Tomahawk” ที่มีพิสัยทำการถึง 2,500 กิโลเมตร ไปให้ยูเครนเพื่อใช้โจมตีลึกเข้าไปดินแดนรัสเซีย ที่ยังไม่แน่ชัดจะออกหัว-ออกก้อยไปในแนวไหน? แต่เป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” สรุปไว้แล้วล่วงหน้าว่ากองทัพยูเครนไม่มีขีดความสามารถพอที่จะใช้อาวุธชนิดนี้ มีแต่ต้องอาศัยความร่วมมือโดยตรงจากอเมริกาเท่านั้น หรือเท่ากับไม่ใช่ชาติยุโรปเท่านั้น แต่ผู้นำ NATO” อย่างอเมริกาได้ตัดสินใจเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซียนั่นเอง...

แต่ในอีกด้านหนึ่ง...นอกจากผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะแสดงความโหยหา “(รางวัล)สันติภาพ”อย่างโนเบลพีซ ไพรซ์ จนถึงกับออกปากล่วงหน้าว่าถ้าไม่คิดจะให้รางวัลที่ว่านี้ ถือว่าดูถูกอเมริกาไปโน่นเลย การเรียกประชุม838 นายพลทั่วโลกที่เมือง Quantico” รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(30 ก.ย.) ก็ถูกอธิบายขยายความโดยผู้นำอเมริกาออกไปทางสองแง่ สองง่าม อยู่พอสมควร คือหนักไปทางคิดจะส่งบรรดาทวยทหารอเมริกันเข้าไปควบคุมบรรดารัฐต่างๆ ในอเมริกาที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและความไม่ปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน เพราะ “นี่ก็คือสงครามเช่นกัน...แต่เป็นสงครามที่เกิดขึ้นภายในประเทศเราเอง” เลยยังหาข้อสรุปไม่ได้ชัดเจนว่า “ทรัมป์บ้า”กำลังคิดจะรบกับจีน กับรัสเซีย หรือกำลังจะรบกับพวกฝ่ายซ้าย รบกับพรรคเดโมแครต ภายในประเทศตัวเองกันแน่!!!

อย่างไรก็ตาม...ถ้าดูจากจำนวนงบประมาณด้านความมั่นคง หรืองบฯ กลาโหมของอเมริกาปีนี้ ที่เพิ่มพรวดๆ พราดๆ ขึ้นไปถึง1.01 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นไปจากปีที่แล้วถึง13.4 เปอร์เซ็นต์ ความปรารถนาที่จะได้มาซึ่งสันติภาพของผู้นำอเมริกา
ก็คงหนักไปทาง “รางวัลโนเบล สันติภาพ” นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ใช่สันติภาพโดยแท้ หรือโดยความเป็นจริงแต่อย่างใด ไม่ต่างไปจาก “พันธมิตรพรมเช็ดเท้า”ในหมู่ชาติยุโรปทั้งหลาย ที่แม้จะ “บ่อจี๊”ชนิดแทบไม่เหลือเงิน เหลือทองติดกระเป๋ากุงเกงไปเป็นประเทศๆ แต่อย่างที่ “นายJens Stoltenberg”อดีตเลขาฯNATO” ที่กลับไปเป็นรัฐมนตรีคลังเดนมาร์กได้ออกมาเรียกร้องให้บรรดาชาติยุโรปทั้งหลาย ยอมที่จะ “เสียสละ” งบประมาณในด้านสาธารณสุขและการศึกษาเพื่อที่จะให้พอเหลือเงินเอาไว้ซื้ออาวุธส่งให้ประเทศยูเครนเพื่อสู้กับรัสเซียจนกว่าฉิบหายกันไปข้างนั่นแล...

สรุปรวมความแล้ว...ภายใต้บรรยากาศแห่งการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก ที่นับวันจะอุตลุด ชุลมุนและทำท่าว่าจะ “ยกระดับ” ไปสู่ความเร่าร้อน รุนแรง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน”ได้กล่าวไว้ในสุนทรพจน์และการตอบคำถามผู้สื่อข่าว ณ สโมสรThe Valdai Club” ที่เมืองโซชิ เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา(2 ต.ค.) ก็ออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจมิใช่น้อย คือนอกจากจะย้ำแล้ว-ย้ำอีก ว่ารัสเซียไม่ได้มีเจตนาหรือแผนการใดๆ ที่จะบุกยุโรป หรือแปรสภาพยุโรปให้กลายเป็นสมรภูมิสงครามแต่อย่างใด ส่วนใครก็ตามที่ดันนึก ดันคิดไปในแนวนี้ ล้วนแต่ถือเป็นความ “ไร้สาระ” ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะปฏิบัติการใดๆ ของรัสเซียต่อบรรดาชาติยุโรปนับจากนี้ต่อไป ก็คือการ “ตอบสนอง” ต่อการกระทำใดๆ ของโลกตะวันตกนั่นแหละเป็นหลัก โดยสิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือ การแสดงออกถึง “ความเชื่อ”ของผู้นำรายนี้ ที่มองว่า “ความเสื่อม”อันเนื่องมาจากแนวคิด “เสรีนิยมใหม่” นั่นเอง ที่จะเป็นตัวนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ของบรรดาโลกตะวันตกทั้งหลาย ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ ไม่ใช่ด้วยอำนาจทางทหาร หรือความก้าวร้าวของรัสเซียเอาเลยแม้แต่น้อย...


กำลังโหลดความคิดเห็น