รศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
กรรมาธิการวิสามัญพิทักษ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
คดีขัดขวางและขว้างปาสิ่งของใส่ขบวนเสด็จ สมเด็จพระราชินีและเจ้าฟ้าทีปังกร ที่กำลังจะไปทอดกฐินพระราชทาน ถ้าผมจำไม่ผิดที่วัดราชโอรสาราม ฝั่งธนบุรี เมื่อหลายปีก่อนนั้น เป็นคดีสำคัญมากที่อยากบันทึกไว้
หนึ่ง เป็นคดีอุกอาจ ที่ไม่เคยมีการใช้มาตรา 110 มาก่อนเลยในราชอาณาจักรไทย ถ้าเทียบง่าย ๆ คือ คดี กักขังหน่วงเหนี่ยว ในทางอาญา นี่คือคดีแรกที่ฟ้องร้องจำเลยด้วยมาตรา 110 อาญา ไม่เคยมีคำพิพากษาด้วยมาตรานี้มาก่อนเลย
สอง คำพิพากษาจะออกมาเช่นใด ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของตำรากฎหมายอาญาไปตลอด เพราะเป็นคดีแรกของประเทศไทย
ศาลอาญาชั้นต้นพิพากษายก ว่าไม่ได้เป็นความผิดของจำเลยทั้งห้าคน มีเอกชัย หงส์กังวานเป็นหัวขบวน สาเหตุที่ศาลยกนั้น เพราะอดีตผู้บังคับการกองปราบปราม สส. พรรคส้ม ผู้เคยถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ไปให้การเป็นพยานจำเลยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่ได้แจ้งให้ประชาชนทราบเสียก่อนว่าขบวนเสด็จจะผ่านบนเส้นทางนั้น ถือว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ถวายอารักขา
ผมเองไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอาญาชั้นต้น ด้วยเหตุผลดังนี้
หนึ่ง การประกาศล่วงหน้าเส้นทางขบวนเสด็จ กลายเป็นการชี้ทางให้ผู้ประสงค์ปองร้ายทราบและไปดักลอบทำร้ายได้ ปกติเรื่องเหล่านี้ต้องเป็นความลับเพื่อถวายความปลอดภัยสูงสุด แจ้งกันล่วงหน้าไม่กี่นาที เพื่อไม่ให้คนร้ายเตรียมตัว และอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ เพื่อลับลวงพรางให้ปลอดภัยสูงสุด
ดังนั้น จึงไม่อาจจะถือได้ว่าเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ถวายความปลอดภัยตลอดเส้นทางแต่อย่างใด
ในความเป็นจริง การไม่ประกาศแจ้งล่วงหน้า เป็นการถวายความปลอดภัยสูงสุด
สอง ถ้ามีใครไปทำเช่นนี้กับขบวนของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คือ ขวางขบวน ปาสิ่งของใส่ ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐอเมริกาคงไม่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน อันนี้ผมเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย อลุ้มอล่วยมากที่สุด จนผมคิดว่าบกพร่องในการถวายอารักขาไปเสียด้วยซ้ำ
สาม ผมเห็นในคลิปว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลุ่ม ศปปส. ได้พยายามกันคนพวกนี้ออก และตะโกนว่าขบวนเสด็จอย่าขัดขวาง ให้หลบไป แต่จำเลยทั้งห้า ก็หาได้ฟังไม่ ยังคงขัดขวางขบวนเสด็จ ตะโกนด่าทอ และขว้างปาสิ่งของใส่รถพระที่นั่ง อันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทราบว่าเป็นขบวนเสด็จ และเจตนาและจงใจที่จะขัดขวางขบวนเสด็จ จงใจตะโกนด่าทอ และจงใจจะขว้างปาสิ่งของใส่ กรรมหรือการกระทำเป็นเครื่องชี้เจตนา
เมื่อวานนี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ จำคุก เอกชัย หงส์กังวาน 21 ปี และจำเลยทั้ง 4 คนละ 16 ปี
ผมไม่แน่ใจว่าศาลให้ประกันตัวหรือไม่ ยังไม่ปรากฎข่าว แต่โทษค่อนข้างสูง ความผิดร้ายแรง ศาลอาจจะไม่พิจารณาให้ประกันตัวก็ได้ครับ
คดีนี้หากจำเลยจะฎีกา และคำพิพากษาศาลฎีกาจะออกมาเช่นไร ก็จะเป็นคดีที่ปรากฎในตำรากฎหมายอาญาของประเทศไทยต่อไป เพราะเป็นคดีมาตรา 110 อาญาคดีแรกของประเทศไทยที่มีคำพิพากษาศาลฎีกา ออกมาครับ
ขอบันทึกไว้นะครับ ให้เป็นความรู้แก่สาธารณชน