ในขณะนี้ ถ้าท่านผู้อ่านติดตามข่าวทางโซเชียลมีเดีย ก็คงจะเห็นข่าวเกี่ยวกับคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานที่ปรึกษาวุฒิสภาของกัมพูชา บิดาของผู้นำเขมร โดยมีเนื้อหาบางตอนเข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และ สว.ได้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างดำเนินการพิจารณาถอดถอน โดยกำหนดวันวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
แต่ก่อนถึงวันนั้นได้มีข่าวลือออกมาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 ใน 9 ท่านจะวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่นายกรัฐมนตรี และถ้าเป็นเช่นข่าวลือก็แปลว่านายกฯ รอดจากการถูกถอดถอน
แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาท่านผู้รู้กฎหมายและประชาชนส่วนใหญ่ ยังไม่ปักใจเชื่อข่าวนี้
ด้วยเหตุที่คนไทยมองต่างมุมกันเกี่ยวกับคดีนี้ และที่เป็นเช่นนี้ก็ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ฝ่ายที่เชื่อว่า นายกฯ จะรอดจากคดีนี้ก็ด้วยเชื่อว่าอำนาจเงินซื้อได้ทุกอย่าง และเงินทำให้คนรวยหลุดรอดจากคดีความมาแล้วหลายต่อหลายคดี จนกลายเป็นคำพูดติดปากว่า คุกมีไว้ขังคนจน
2. ส่วนฝ่ายที่เชื่อว่าไม่รอดก็อนุมานจากหลักฐาน และกระแสสังคมที่ต้องการเห็นกฎหมายเข้มแข็งมีความศักดิ์สิทธิ์ มีความยุติธรรมเสมอภาคกันโดยไม่เลือกปฏิบัติระหว่างคนจนกับคนรวย
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับคดีนี้ถ้ามองโดยยึดความถูกผิด และความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งที่ผ่านมาแล้ว และจะเกิดขึ้นจากผลของการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วค่อนข้างมั่นใจได้ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่น่าจะรอดจากการถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 สิงหาคมนี้
แต่ถ้าเผอิญรอดผลที่จะเกิดขึ้นตามมาสังคมจะวุ่นวาย และความเสียหายจะเกิดขึ้น การเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยรวม ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยที่จะเกิดขึ้นตามมาดังต่อไปนี้
1. ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะลุกฮือขึ้นต่อต้านโดยการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ ทั้งในด้านภาพลักษณ์ในด้านลบ และถอยหลังเข้าคลองในด้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
2. ทำให้พรรคการเมืองและนักการเมืองน้ำเน่าเหลิงและหลงอำนาจ กล้าทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายด้วยคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งความเป็นคนก็ซื้อได้ขอให้มีเงินพอ
ถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมคิดแบบนี้ในระบอบการปกครองที่ถือเสียงข้างมาก คนผิดก็จะกลายเป็นคนถูก ถ้าเป็นเช่นนี้ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน และกฎหมายมีไว้ทำไม ถ้าผู้บังคับใช้กฎหมายทำผิดกฎหมายเสียเอง