ในขณะนี้ประเทศไทยได้เผชิญหน้ากับศึกสองด้านคือ ภายนอกและภายใน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน
ศึกภายนอกได้มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารเขมร ณ บริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยมีสาเหตุมาจากกรณีเขมรอ้างว่าดินแดนส่วนหนึ่งของไทยเป็นของเขมร โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งของปราสาทหินอันเป็นศิลปะขอมชนชาติโบราณที่ปกครองดินแดนแถบนี้มาก่อนมีประเทศเขมร
ดังนั้น ปราสาทหินที่มีอยู่ทั้งในประเทศไทยและในประเทศเขมรทุกแห่ง จึงมิใช่มรดกทางวัฒนธรรมของชนชาติเขมร เขมรจึงไม่มีสิทธิอ้างความเป็นเจ้าของและอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ ซึ่งปราสาทตั้งอยู่ในประเทศไทย
แต่ที่เขมรอ้างเช่นนี้ก็ด้วยมีนักการเมืองไทยบางคนรู้เห็นเป็นใจกับนักการเมืองเขมร โดยมีผลประโยชน์ทางธุรกิจและพันธมิตรทางการเมืองร่วมกัน จะเห็นได้จากการทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันหรือ MOU 43, 44 ในการเจรจาแบ่งปันเขตแดนซึ่งลากยาวจากแผ่นดินลงไปในทะเล ซึ่งมีแหล่งก๊าซและน้ำมันอันเป็นที่หมายปองของบริษัทน้ำมันจากประเทศตะวันตก
จากการมีทรัพยากรในทะเลนี้เองทำให้เขมรและนักการเมืองไทยรวมหัวกันขายชาติให้แก่ประเทศตะวันตก ด้วยหวังส่วนแบ่งจากการให้สัมปทาน
แต่เมื่อการแบ่งปันเขตแดนตามที่วางไว้เกิดขึ้นไม่ได้ เนื่องจากประชาชนและทหารไทยไม่เห็นด้วย และได้ลุกขึ้นต่อต้านจึงนำไปสู่การปะทะกันด้วยอาวุธ ทำให้พลเรือนและทหารของไทยบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายทรัพย์สินเสียหาย ส่วนทางด้านเขมรเองก็สูญเสียกำลังพลไปไม่น้อย ทั้งการปะทะกันระหว่างสองประเทศยังเปิดช่องให้มหาอำนาจเช่น สหรัฐอเมริกาเข้าแทรกแซงและนำไปสู่ความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ในอนาคตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความขัดแย้งกับจีนซึ่งไม่ต้องการให้อเมริกาเข้ามามีอิทธิพลในแถบนี้มากเกินไป และอาจเป็นภัยต่อจีนในอนาคต จริงอยู่การหยุดยิงระหว่างไทยกับเขมรได้ตกลงกันแล้วที่ประเทศมาเลเซีย แต่ชนวนแห่งความขัดแย้งคือ MOU 43, 44 ไม่ได้ถูกยกเลิก
ดังนั้น โอกาสที่ความขัดแย้งครั้งใหม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก โดยเฉพาะเมื่อพรรคการเมืองที่นิยมอเมริกาเข้ามาเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือเขมรเพราะเป้าหมายของอเมริกาก็คือ การมีฐานทัพไว้ต่อต้านจีนในประเทศไทยหรือเขมร
1. ส่วนศึกภายในเกิดจากรัฐบาลที่มีงานใหม่ๆ ไม่ทำหรือทำไม่ได้ โดยเฉพาะงานตามนโยบายที่ประกาศไว้ก่อนเลือกตั้งเช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท อัตราการจ้างงานปริญญาตรีเริ่มที่ 25,000 บาท และการแก้ปัญหาปากท้อง เป็นต้น
2. ไม่รู้จักกาลเทศะจะเห็นได้จากการแต่งกายและการเจรจากับผู้นำต่างประเทศ จึงทำให้เป็นปัญหาในสายตาของต่างชาติ และคนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการทูต
3. นอกจาก 2 ข้อข้างต้นแล้ว นายกฯ ไทยยังตกเป็นจำเลยในคดีต่างๆ และในขณะนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญรอวันชี้ชะตาว่าจะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดจากคดีชั้น 14 ที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวข้องในฐานะนักโทษป่วยวิกฤตหรือไม่วิกฤต ถ้าคดีนี้จบลงด้วยนักโทษทักษิณป่วยทิพย์ และต้องกลับเข้าคุกรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็จบลงไปพร้อมกัน
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าศึกในจบก่อนศึกนอกแน่นอน!