xs
xsm
sm
md
lg

สันติภาพอเมริกา“อันตราย”พอๆ กับภาษีศุลกากร!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เห็นว่า...ช่วงวันศุกร์ที่ 15 ส.ค.สุดสัปดาห์นี้ ถือเป็นช่วงจังหวะ เวลา ที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะได้มีโอกาสจับเข่า จับหัวหน่าว พบปะเจรจากับผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ที่รัฐอะแลสกา โดยยังไงๆ...คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเจ๊าะๆแจ๊ะๆ กันในเรื่อง “สงครามยูเครน” นั่นแหละทั่น!!! เพราะสิ่งที่ประธานาธิบดีอเมริกันเคยคุยโม้ คุยโต เอาไว้ในระหว่างหาเสียง ว่าสามารถจะยุติความขัดแย้งเหล่านี้ลงไปได้ภายในชั่วเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ถ้าหากมีโอกาสขึ้นเป็นผู้นำประเทศเมื่อไหร่ แต่จนกระทั่งบัดนี้...ปาเข้าไปเกือบเป็นปีๆ มาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงไม่ไปไหน ยังคงขี่ม้าสามศอกต่อไปเรื่อยๆ การพูดคุยเพื่อหาหนทางให้เกิด “สันติภาพ” ขึ้นมาให้จงได้ จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่ยังเป็นเรื่องที่น่ายินดี น่าอำนวยอวยพร น่าจะโมทนาสาธุให้มีโอกาสได้ประสบความสำเร็จตามที่คาด ที่หวัง อย่างมิอาจปฏิเสธใดๆ ได้เลย... 

แต่ก็นั่นแหละ...สิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพ” ของ “ทรัมป์บ้า”ดูๆ แล้ว...มันคงไม่ได้ถึงกับเป็นอะไรที่น่าปลาบปลื้ม น่าชื่นชม ยินดี น่าซาบซึ้ง ซาบซ่าน มากมายสักเท่าไหร่ เรียกว่า...ไม่น่าจะถึงกับต้องลงทุน “ชเลียร์” หรือต้องรีบเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัล “โนเบิล พีซ ไพรซ์” จนอาจ “ขนติดปาก” แบบผู้นำกัมพูชาเอาง่ายๆ เพราะเอาไป-เอามาสันติภาพของ “ทรัมป์บ้า”นั้น...มันคงไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความรัก ความปรารถนาดีต่อมวลมนุษยชาติ อย่างชนิดจริงจังและจริงใจแต่อย่างใดแม้ว่าผู้นำอเมริกาท่านจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการยุติความขัดแย้งหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ไทย-กัมพูชา หรือระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานก็ตาม แต่โดยรวมๆ แล้ว...อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ มันน่าจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่า “American First” หรือตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่ง “ผลประโยชน์” ของ “ตัวกู-ของกู” นั่นแล!!! 

หรืออย่างสันติภาพคราวล่าสุด...ระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน ที่ขัดแย้งกันในเรื่องดินแดน เขตแดน รวมทั้งผู้คนพลเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านั้น จนกลายเป็นข้อพิพาทมาตั้งแต่เกือบ 50 ปีที่แล้ว หรือนับแต่ปี ค.ศ. 1980 เป็นต้นมา ในอาณาบริเวณที่เรียกๆ กันว่า “Nagorno” และ “Karabakh” แต่ด้วยการจูงมือนายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย “นายNikol Pashinyan” และประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน “นายIlham Aliyev” มากอดรัด ฟัดเหวี่ยง จูบปาก ไซร้คอ กันที่ทำเนียบขาวเมื่อช่วงวันศุกร์ที่แล้ว (8 ส.ค.) โดยมี “ทรัมป์บ้า” เป็นตัวกลาง อันที่จริง...ก็ทำให้ใครต่อใครพร้อมที่จะชื่นชม ยินดี ไปด้วยกันทุกฝ่าย ถ้าหากว่า “สันติภาพ” ในลักษณะเช่นนี้ มันไม่ได้ถูกผนวกไว้ด้วยข้อตกลงของผู้นำชาติทั้งสองที่จะเปิดโอกาสให้คุณพ่ออเมริกา เข้าไปเช่าช่วงพื้นที่สัมปทานเล็กๆ แคบๆ ที่พาดผ่านจากเมือง “Syunik” ของอาร์เมเนีย ไปยังอาณาบริเวณ “Nakhchivan” ของอาเซอร์ไบจาน หรือที่รู้จักกันในนาม “Zangezur corridor” เป็นเวลายาวนานเกือบ 100 ปี หรือ 99 ปี เอาเลยถึงขั้นนั้น... 

เรียกว่า...ถึงขั้นตั้งชื่อ ตั้งเสียงเอาไว้ก่อนล่วงหน้ากันเลยว่า “The Trump Route for International Peace and Prosperity”หรือ “TRIPP” หรือเป็นพื้นที่อาณาบริเวณ เป็นเส้นทางแห่งสันติภาพและความรุ่งโรจน์ภายใต้การอำนวยการของ “ทรัมป์บ้า” แบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด โดยไม่ได้คิดจะถามความสมัครใจจากคุณปู่อิหร่านที่มีพื้นที่พรมแดนด้านเหนือติดกับอาร์เมเนีย หรือติดอยู่กับเส้นทางดังกล่าวเอาเลยแม้แต่น้อย และเพิ่งถูก “ทรัมป์บ้า” กับพันธมิตรอิสราเอล บุกเข้าไปถล่มโรงงานนิวเคลียร์ไปหมาดๆ ไม่ได้คิดจะถามหมีขาวรัสเซีย ที่มีบทบาทอิทธิพลอยู่ในเอเชียกลาง หรือในประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียตมาก่อนหน้านี้ รวมทั้งไม่ได้คิดจะถามคุณพี่จีน แม้จะอยู่สะพานขาว...แค่นี้เอง ว่าจะก่อให้เกิดอุปสรรคขัดขวางต่อโครงการเปลี่ยนโลก หรือโครงการ “Belt and Road Initiative” ของจีน ที่ต้องอาศัยพื้นที่เอเชียกลางเป็นทางผ่าน หรือไม่? อย่างไร? 

หรือพูดง่ายๆ ว่า...สันติภาพระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน ที่ทำให้ระเบียง “Zangezur corridor” อันเคยเป็นเส้นทางการค้าระหว่างเอเชีย-ยุโรปของอิหร่านมาตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์ ถูกเช่าช่วงเป็นเวลาถึง 99 ปีโดยอเมริกาสามารถลงทุนพัฒนาไปในแบบไหน? อย่างไร? ก็ย่อมได้ สามารถนำเอากองทหาร หรือนักรบรับจ้างเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความรุ่งโรจน์ หรือเพื่อให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่ หรือไม่? เพียงใด? ก็แล้วแต่ มันเลยกลายเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด “คำถาม” ตัวโตๆ ไม่ว่าต่อศัตรู-คู่อาฆาตของอเมริกาอย่างอิหร่าน หรือต่อ “มหาอำนาจคู่แข่งอเมริกา” อย่างจีนและรัสเซีย ไปด้วยกันโดยถ้วนหน้า... 

อย่างเช่นที่นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอเคซัสใต้ ของอิหร่าน “นายHamed Khosroshahi” เขาได้สรุปไว้ในข้อเขียน บทความ ของสำนักข่าว “Press TV” นั่นแหละว่า การอาศัยสันติภาพโดดเข้ามางาบเส้นทาง “TRIPP” ของ “ทรัมป์บ้า”นั้น ไม่เพียงแต่ถือเป็นการกัดกร่อนบทบาทอิทธิพลของรัสเซียในประเทศอดีตสหภาพโซเวียต เป็นตัวสร้างแรงกดดัน ปลุกกระตุ้นให้เกิดความไม่สมดุลด้านสัมพันธภาพระหว่างอิหร่านกับอาร์เมเนียที่เคยมีจุดลงตัวมาก่อนหน้านี้ ยังอาจกลายเป็นเครื่องมือบ่อนทำลายโครงการ “Belt and Road” ของจีน ให้หัวทิ่ม-หัวตำเอาง่ายๆ และอาจด้วยเหตุทำนองนี้นี่เอง ที่ทำให้“นายAli Akbar Velayati” ที่ปรึกษาอาวุโสผู้นำด้านจิตวิญญาณอิหร่าน “Ayatollah Seyyed Ali Khamenei” เลยอดไม่ได้ที่จะต้องออกมา “ขู่” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่า “ระเบียง” แห่งนี้ อาจไม่ได้เป็นเส้นทางแห่งสันติภาพและความรุ่งโรจน์ของ “ทรัมป์บ้า” แต่อาจต้องกลายเป็น “หลุมฝังศพ” ของบรรดา “ทหารรับจ้าง” อเมริกัน ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า ก็เป็นได้... 

นี่...อันนี้นี่แหละที่ทำให้ “สันติภาพ” ตามแบบฉบับ “ทรัมป์บ้า” ออกจะเป็นอะไรที่ค่อนข้าง “อันตราย” หรือน่าเกลียด น่ากลัว มากกว่าที่จะน่าซาบซึ้ง ซาบซ่าน จนต้องพลั่กๆๆ กันไปทั่วทั้งโลก หรือไม่เพียงแต่การหันมาใช้ “ภาษี” เป็นอาวุธ เป็นสากกะเบือด้ามสุดท้าย ในการข่มขู่ บังคับใครต่อใครทั่วทั้งโลกแล้ว สิ่งที่เรียกๆ กันว่า “สันติภาพ” นี่แหละยังอาจถูกนำมาใช้เป็น“เครื่องมือ” เพื่อที่จะบรรลุความปรารถนา ความต้องการที่จะให้ “America Great Again” หรือกลับมายิ่งใหญ่เป็นจ้าวโลก ประมุขโลก ต่อไปให้จงได้!!!

เพราะแม้แต่สันติภาพไทย-กัมพูชาทุกวันนี้ ก็ยังคงมี “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไปนั่นแหละว่า สุดท้ายแล้ว...จะนำมาซึ่งการแบ่งปันผลประโยชน์ “แหล่งน้ำมัน” ในอ่าวไทยไม่ว่าของไทยหรือของกัมพูชาให้กับบริษัทน้ำมันอเมริกันในแบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด นำมาซึ่งการเข้ามาใช้ฐานทัพเรือในกัมพูชา พร้อมๆ กับฐานทัพเรือที่อ่าวพังงาในการ “ปิดล้อม”คุณพี่จีนหรือไม่? อย่างไร? 

หรือสันติภาพระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน...ที่ตามมาด้วยการกดๆบีบๆ การขึ้นภาษีอินตะระเดียในฐานะที่ยังไม่เลิกค้าน้ำมันกับรัสเซียถึง 50 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น จะส่งผลให้อินเดียมีอันต้อง “แยกวง” ออกมาจากจีน-รัสเซีย-บราซิลอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ต้องหันมาเดินตามก้นอเมริกาภายใต้ยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิก” กันในวาระสุดท้ายหรือไม่? ประการใด? ไม่ต่างอะไรไปจาก “สันติภาพยูเครน” ที่ “ทรัมป์บ้า” กำลังคิดเจ๊าะแจ๊ะเจรจากับผู้นำรัสเซียในช่วงวันศุกร์นี้ แม้ว่าผู้นำยูเครนอย่าง“นายVolodymyr Zelensky” จะยังคงยืนหยัด ยืนกราน ว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนใดๆ เพื่อแลกกับ “สันติภาพ” โดยเด็ดขาด แต่ด้วยเหตุก่อนหน้านี้ตัวเองดันไปลงนามข้อตกลงกับ “ทรัมป์บ้า”ว่าพร้อมที่จะมอบสัมปทานแหล่งแร่ต่างๆ ให้กับคุณพ่ออเมริกา เพื่อชดเชยการช่วยเหลือ สนับสนุนยูเครน ให้สู้กับรัสเซียนับเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์... 

แต่เผอิญว่าแหล่งแร่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะ “แร่หายาก”หรือ “Rare Earth” นั้น ว่ากันว่า...มักจะไหลไปกองรวมสุมๆ อยู่แถวๆ ดินแดน 4 เขต 4 แคว้น ที่รัสเซียเขายึดครองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้บริษัทเหมืองแร่อเมริกันเข้ามา “ลงทุนร่วม” ได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้...“สันติภาพยูเครน” จึงคงหนีไม่พ้นที่จะต้องขึ้นอยู่กับ “America First” หรือต้องขึ้นอยู่กับว่าอะไรจะนำมาซึ่ง “ผลประโยชน์ของอเมริกา” ได้มาก-น้อยไปกว่ากันนั่นแล!!! 

อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ “สันติภาพ” ตามแบบฉบับ “ทรัมป์บ้า” จึงเป็นอะไรที่ไม่ถึงกับน่าชื่นชม ยินดี น่าซาบซึ้ง ซาบซ่า มากมายสักเท่าไหร่ แต่กลับเป็นอะไรที่ต้องพยายามหันมาใคร่ครวญทบทวนให้หนักๆ เข้าไว้ อย่างน้อย...ก็น่าจะประมาณแปดตลบ หรือสิบตลบ หรือมากไปกว่านั้นยิ่งดี ยิ่ง “ปลอดภัย”ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะ...สิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพ” ของ “ทรัมป์บ้า” นั้น ก็คงไม่ต่างอะไรไปจาก “ภาษีศุลากร” นั่นเอง คือต่างถูกนำมาใช้เป็น “เครื่องมือ” ในการตอบสนองต่อความปรารถนา ความต้องการอันสุดแสนจะทะเยอทะยานให้ดำรงคงอยู่ต่อไปให้จงได้ หรือเพื่อที่จะให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่ กลับมาครองโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดชั่วกัลปาวสาน..นั่นเอง!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น