ราชวงศ์กัมพูชามีประวัติศาสตร์อันยาวนานและซับซ้อนโดยเฉพาะในช่วงที่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลของมหาอำนาจทั้งภายในและภายนอกประเทศหนึ่งในบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ราชวงศ์คือสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดีหรือที่รู้จักกันในนาม “นักองค์ด้วง” ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชสำนักสยามในอดีตนักองค์ด้วงมิใช่ต้นราชวงศ์นโรดมตามที่บางครั้งมีการเข้าใจผิด แต่เป็นพระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระนโรดมซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์นโรดมที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2403
ในช่วงวัยเยาว์นักองค์ด้วงต้องเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมืองในกัมพูชาซึ่งถูกกดดันจากทั้งสยามและญวนราวพ.ศ. 2354–2355 ขณะที่พระองค์มีพระชนมายุเพียง 4–5 ปีพระองค์พร้อมด้วยพระราชวงศ์ต้องหนีภัยสงครามและอิทธิพลของญวนมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นักองค์ด้วงเติบโตในราชสำนักสยามได้รับการศึกษาด้านการปกครองและการทหารซึมซับวัฒนธรรมและระบบบริหารของสยาม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเตรียมพระองค์ให้พร้อมสำหรับการครองราชย์ในอนาคตใน พ.ศ. 2384
ด้วยการสนับสนุนจากสยามนักองค์ด้วงกลับไปครองราชย์ที่กรุงอุดงมีชัยในฐานะกษัตริย์แห่งกัมพูชาภายใต้อิทธิพลของสยามพระองค์ปกครองจนสวรรคตใน พ.ศ. 2403 โดยราชบัลลังก์ถูกสืบทอดโดยพระราชโอรสคือพระบาทสมเด็จพระนโรดมซึ่งสถาปนาราชวงศ์นโรดมอย่างเป็นทางการการกลับมาครองราชย์ของนักองค์ด้วงได้รับการต้อนรับจากประชาชนกัมพูชาในยุคนั้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มองราชวงศ์เป็นศูนย์รวมจิตใจและความชอบธรรมของชาติแม้ว่าการปกครองภายใต้อิทธิพลของสยามจะทำให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลายในหมู่ประชาชนที่หวังเห็นเอกราชที่แท้จริง
ในกัมพูชานอกจากราชวงศ์นโรดมแล้วยังมีราชวงศ์ศรีโสวัตซึ่งทั้งคู่สืบเชื้อสายจากนักองค์ด้วงเช่นกัน โดยราชวงศ์ศรีโสวัตเริ่มจากพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ซึ่งครองราชย์ในช่วง พ.ศ. 2383–2390 โดยได้รับการสนับสนุนจากญวนในช่วงที่กัมพูชาอยู่ท่ามกลางการแย่งชิงอิทธิพลระหว่างสยามและญวนต่อมาราชวงศ์ศรีโสวัตมีกษัตริย์ขึ้นครองราชย์อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ (ครองราชย์พ.ศ. 2470–2484) ซึ่งปกครองในช่วงที่กัมพูชาเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส
การที่สายศรีโสวัตเคยมีกษัตริย์ครองราชย์แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสายนี้ในอดีตแม้ว่าสายนโรดมจะมีอิทธิพลมากกว่าในยุคสมัยใหม่ประชาชนรุ่นเก่าในยุคที่สายศรีโสวัตครองราชย์มักมองกษัตริย์ในสายนี้เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงในช่วงที่กัมพูชาต้องเผชิญกับการปกครองของฝรั่งเศสโดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ซึ่งได้รับการเคารพในฐานะผู้นำที่รักษาประเพณีเขมรท่ามกลางอิทธิพลจากตะวันตก
ราชวงศ์นโรดมกลับมามีบทบาทเด่นชัดในยุคของพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ซึ่งนำพากัมพูชาสู่เอกราชจากฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2496 การนำของพระนโรดมสีหนุได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชนรุ่นเก่าซึ่งมองพระองค์เป็น “พระบิดาแห่งเอกราช” และสัญลักษณ์ของความเป็นชาติที่แข็งแกร่งความนิยมนี้ยังคงฝังรากลึกในหมู่ผู้สูงวัยในกัมพูชา ซึ่งมักระลึกถึงยุคทองของพระนโรดมสีหนุด้วยความภาคภูมิใจ
ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหมุนีกษัตริย์องค์ปัจจุบันที่ครองราชย์ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นกษัตริย์ลำดับที่ 4 ของราชวงศ์นโรดมนับจากพระบาทสมเด็จพระนโรดมพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของพระนโรดมสีหนุและไม่มีพระราชโอรสหรือธิดา ทำให้คำถามเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจในอนาคตในหมู่ประชาชนรุ่นเก่า พระนโรดมสีหมุนีได้รับการเคารพในฐานะสัญลักษณ์แห่งความต่อเนื่องของราชวงศ์และความสงบ
แต่ในหมู่คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะผู้ที่เติบโตในยุคที่การเมืองสมัยใหม่ครอบงำความรู้สึกต่อสถาบันกษัตริย์มีทั้งความเคารพและความเฉยเมยบางส่วนมองว่าราชวงศ์มีบทบาทจำกัดในทางการเมืองและเป็นเพียงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมมากกว่าผู้นำที่มีอำนาจจริง
การสืบราชสันตติวงศ์ในกัมพูชาเป็นแบบเลือกตั้งโดยสภาบัลลังก์ซึ่งเลือกจากเชื้อพระวงศ์ที่สืบเชื้อสายจากนักองค์ด้วง ทั้งราชวงศ์นโรดมและราชวงศ์ศรีโสวัตในสายนโรดมทายาทที่มีศักยภาพในการสืบทอดราชบัลลังก์ได้แก่สมเด็จกรมพระนโรดมจักราวุธ พระราชโอรสของสมเด็จกรมพระนโรดมรณฤทธิ์และประธานพรรคฟุนซินเปก ซึ่งเป็นพรรคราชวงศ์ที่มีบทบาททางการเมืองพระองค์มีสายเลือดนโรดมโดยตรง และมีอิทธิพลในวงการการเมืองในหมู่ประชาชนรุ่นเก่า
แต่ในหมู่คนรุ่นใหม่ความสนใจในตัวพระองค์อาจจำกัดอยู่ที่กลุ่มผู้ที่ยังคงยึดมั่นในราชวงศ์อีกบุคคลที่น่าสนใจคือนโรดม เจนณาพระราชปนัดดาของพระนโรดมสีหนุ ซึ่งเป็นนักแสดงและนักร้องที่มีชื่อเสียงในกัมพูชาเธอได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่จากบทบาทในวงการบันเทิงแต่ด้วยวัยที่ยังน้อยและการที่เน้นด้านวัฒนธรรมมากกว่าการเมืองโอกาสในการขึ้นครองราชย์ของเธอยังไม่ชัดเจน
ส่วนราชวงศ์ศรีโสวัตแม้เคยมีกษัตริย์ครองราชย์ในอดีตแต่ในปัจจุบันมีโอกาสน้อยกว่าในการสืบทอดราชบัลลังก์เนื่องจากสายนโรดมมีอิทธิพลมากกว่าในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ บุคคลที่โดดเด่นในสายศรีโสวัตเช่นพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์สิริรัตน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนักการทูตหรือพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ ธมมีโกผู้สนับสนุนวัฒนธรรมเขมรต่างมีบทบาทจำกัดในปัจจุบันในหมู่ประชาชนรุ่นเก่าสายศรีโสวัตยังคงได้รับความเคารพในฐานะส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แต่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่แทบไม่รู้จักสมาชิกสายนี้หรือมองว่ามีความสำคัญน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสายนโรดม
สายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์นโรดมและศรีโสวัตมีความใกล้ชิดเนื่องจากทั้งสองสืบเชื้อสายจากนักองค์ด้วง การปรองดองระหว่างสองสายเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในยุคของพระนโรดมสีหนุซึ่งทรงมีเชื้อสายทั้งนโรดมและศรีโสวัตผ่านพระบิดาและพระมารดา ในอดีตทั้งสองสายเคยแข่งขันกันเพื่อราชบัลลังก์โดยเฉพาะในช่วงที่สยามและญวนมีอิทธิพลเหนือกัมพูชา แต่ในปัจจุบันความขัดแย้งดังกล่าวได้ลดลงและทั้งสองสายยังคงมีบทบาทในราชสำนักและการเมืองกัมพูชา ประชาชนรุ่นเก่ามักมองการปรองดองนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีในราชวงศ์ ส่วนคนรุ่นใหม่บางส่วนอาจไม่ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์นี้เนื่องจากมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นทางการเมืองและเศรษฐกิจมากกว่า
คำถามสำคัญคืออนาคตของราชวงศ์กัมพูชาจะเป็นอย่างไรภายใต้อิทธิพลของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนและพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งครองอำนาจทางการเมืองมานานหลายทศวรรษ สภาบัลลังก์ซึ่งมีหน้าที่เลือกกษัตริย์ประกอบด้วยสมาชิก 9 คนรวมถึงนายกรัฐมนตรี (ปัจจุบันคือฮุน มาเนต), ประธานวุฒิสภา (ฮุนเซน), ประธานสมัชชาแห่งชาติ, รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง, ประธานศาลฎีกา, ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, สมเด็จพระสังฆราชทั้งสองนิกาย, และสมาชิกอื่นที่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญในสภาถูกครอบครองโดยสมาชิก CPP หรือผู้ใกล้ชิดกับฮุนเซนทำให้มีข้อกล่าวหาว่าสภาบัลลังก์อยู่ภายใต้อิทธิพลของเขา
การเลือกพระนโรดมสีหมุนีใน พ.ศ. 2547 ซึ่งทรงมีบุคลิกสงบและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองถูกมองว่าเป็นผลจากการตัดสินใจที่สอดคล้องกับความต้องการของ CPP ที่ต้องการกษัตริย์ที่ไม่ท้าทายอำนาจทางการเมือง
อนาคตของราชวงศ์กัมพูชาจึงอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮุนเซนและCPP การเลือกกษัตริย์ในอนาคตอาจสะท้อนถึงผลประโยชน์ของพรรครัฐบาลมากกว่าความต้องการของราชวงศ์และประชาชน
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan