xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ“ทรัมป์บ้า”ต้องเผชิญกับมือที่ยื่นออกมาจากหลุมศพ!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โดนัลด์ ทรัมป์
ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตไปสำรวจตรวจสอบ ทบทวนใคร่ครวญถึงเรื่อง “สงครามภาษี” หรือ “สงครามการค้า” ของอเมริกาต่อโลกทั้งโลก ว่าไปๆ-มาๆ มันจะถึงขั้นต้องกลายเป็น “สงครามเลือด” อย่างที่อดีตนักสังคมนิยมอเมริกา ท่านเคย “ฟันธง” ไว้ล่วงหน้ามาตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้ว หรือไม่? อย่างไร? ด้วยเหตุเพราะการแสดงอาการฉุนขาด ฉุนฉิว กริ้วโกรธ ของผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ต่อคำพูด คำจา แค่ไม่กี่ประโยค ของอดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติคนปัจจุบัน อย่าง“นายDmitry Medvedev” มันไม่น่าถึงขั้นต้องสั่งการให้ “เรือดำน้ำนิวเคลียร์” ถึง 2 ลำของอเมริกา เคลื่อนกำลังไปยัง “พื้นที่ที่เหมาะสม” หรือถ้าไม่พูดกันแบบสองแง่-สองง่าม ก็คือเคลื่อนกำลังเข้าไปประชิดรัสเซียนั่นเอง!!! 

คืออันดับแรก...ถ้าฟังจากการแสดงอาการฉุนขาด หรือคำพูด คำจา ระหว่างน็อตหลุด-น็อตหลวมของผู้นำอเมริกาต่ออดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ก็คงหนีไม่พ้นไปจากเรื่อง “นิวเคลียร์-ไม่นิวเคลียร์” นั่นแหละ หรือดังถ้อยคำที่ได้บอกกับบรรดาผู้สื่อข่าวนอกไปจากข้อความที่โพสต์ไป-โพสต์มาทางโซเชียล มีเดีย คล้ายๆ ผู้นำกัมพูชาอย่าง “ฮวยเซ็ง” อะไรทำนองนั้น คือจัดอยู่ในประเภทพวก “บ้า-โซเชียล” อย่างเป็นการพิเศษ ที่ระบุไว้ว่า... “คุณลองไปดูที่เขาพูดสิ เขากำลังพูดถึงอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น...เราก็ต้องเตรียมตัว ต้องเตรียมพร้อมอย่างเบ็ดเสร็จ(Totally prepared)” หรือต้องสั่งการให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ แล่นเข้าไปประชิดดินแดนรัสเซีย อันถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบทศวรรษของมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกา เอาเลยก็ว่าได้... 

แต่อันที่จริงแล้ว...ถ้าดู หรือถ้าฟัง อย่างมี “สติ” คำพูด คำจา ของอดีตประธานาธิบดีรัสเซียโดยรวม ก็คงมุ่งหวังที่จะ“เตือนสติ” ผู้นำอเมริกาเป็นหลัก หรือเป็นการสำคัญนั่นเองเพราะการแสดงความดูหมิ่น ดูแคลนต่อประเทศรัสเซียหรืออินเดีย ที่ไปซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ว่าเป็นประเทศที่ “เศรษฐกิจตายแล้ว” ไปด้วยกันทั้งคู่ อันที่จริงก็น่าจะสร้างความฉุนขาด ฉุนเฉียว ไม่น้อยไปกว่าเรื่อง “นิวเคลียร์-ไม่นิวเคลียร์” เช่นกันนั่นแหละ ยิ่งพยายามเร่งเร้า เร่งรัด ถึงกับ “ยื่นคำขาด” ให้รัสเซียต้องรีบประนีประนอมกับคู่ขัดแย้งอย่างยูเครนภายใน 50 วัน ก่อนที่จะลดลงมาเหลือแค่ 10-12 วัน โดยไม่ตระหนักเอาเลยว่ารัสเซียนั้น ไม่ใช่ชาติที่จะสามารถสั่งหันซ้าย-หันขวาได้แบบ “อิสราเอล” หรือไม่ใช่ชาติที่ยังไม่ได้มีอาวุธนิวเคลียร์เอาไว้ในมือ ต้องแอบเสริมสมรรถนะต่อไปเรื่อยๆอย่าง “อิหร่าน” แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังอาจเป็น“มหาอำนาจนิวเคลียร์” อีกซะล่วย โดยไม่ได้คิดให้ความสนใจ ให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกถือเป็น “รากเหง้าแห่งปัญหา” หรือรากเหง้าความขัดแย้ง นั่นคือการหันมา “ลด-ละ-เลิก” แนวคิดและนโยบายอันสุดแสนทะเยอทะยานของอเมริกาและ“NATO” ที่เรียกๆ ว่า “นโยบายขยายตัว” หรือ“Enlargement” จนจ่อเข้ามาประชิดหน้าต่าง หน้าปากประตูบ้านรัสเซีย ตลอดไปจนมหาอำนาจคู่แข่งรายอื่นตราบเท่าทุกวันนี้... 

อดีตประธานาธิบดีรัสเซียผู้นี้...ท่านเลยหนีไม่พ้นต้องไปหยิบเอา “นิทาน” หรือ “ตำนาน” ที่เคยลือๆ กันไว้ในช่วงยุค“สงครามเย็น” หรือช่วงที่รัสเซียยังมีสถานะเป็น “สภาพโซเวียต” อันเป็นสิ่งที่รับรู้ รับทราบ ในหมู่นักข่าวกรองของโลกตะวันตกมาโดยตลอด นั่นก็คือเรื่องของระบบการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์แบบอัตโนมัติ หรือที่เรียกๆ กันว่า “Perimeter nuclear strike control system” ซึ่งถูกให้ชื่อ ฉายา ไว้ย่อๆ ว่า“Dead Hand” หรือมือที่ยื่นออกมาจากหลุมศพอะไรทำนองนั้น อันหมายถึงระบบการโจมตีตอบโต้แบบอัตโนมัติที่ถูกประดิษฐ์คิดค้น ขึ้นมาในช่วงจังหวะที่ระดับอุณหภูมิของ “ยุคสงครามเย็น” ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุด ชนิดไม่ว่าประเทศนิวเคลียร์อย่างรัสเซียจะถูกล้างผลาญ ทำลาย จนแหลกยับเป็นผุยผงไปทั้งประเทศ ผู้นำประเทศและคณะผู้บริหารเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงลงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่ระบบดังกล่าวก็ยังจะสามารถปฏิบัติการได้โดยอัตโนมัติ ในการตอบโต้ เอาคืน ยื่นมือแห่งความตายออกมาจากหลุมศพ เพื่อฉุดกระชากลากถูผู้ที่เล่นงานประเทศตัวเอง ไม่ว่าอเมริกาหรือยุโรป ให้ต้องสูญสลายหายวับไปกับตา ด้วยบรรดาจรวดนิวเคลียร์ระดับ “ICBM”(Intercontinental Ballistic Missiles) ที่ถูกสะสมไว้ในโกดัง หรือในไซโลแต่ละแห่งนับเป็นพันๆ ลูก หรือพันๆ หัวรบ...นั่นแล!!! 

ซึ่งอันที่จริง “ระบบ” หรือ “เทคโนโลยี” ที่ว่านี้...จะมีอยู่จริง-ไม่จริง ก็ยังไม่ถึงกับมีหลักฐานพยานที่สามารถพิสูจน์ชัดเลยถือเป็น “นิทาน” หรือออกไปทาง “ตำนาน” ที่เคยถูกหยิบมาพูดถึงกันอย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว ไม่ต่างไปจากระบบ“AN/DRC-8-Emergency Rocket Communications System”ของอเมริกานั่นแหละ ซึ่งอาจมีปฏิบัติการในลักษณะไม่ต่างอะไรไปจากกัน แม้ยังมีข่าวคราวว่าระบบชนิดนี้ยังไม่ได้ถูกโละทิ้ง เลิกทิ้ง หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายจนกลายมาเป็นรัสเซียจนตราบเท่าทุกวันนี้ หรือยังคงถูกตระเตรียมไว้ใช้งาน แต่ยังถือเป็นเพียง “นิทาน” หรือ “ตำนาน” ที่อาจหยิบมาพูดถึง เอ่ยถึง เพื่ออาจพอช่วยให้เกิด “สติ” สำหรับใครก็ตาม หรือเพื่อไม่ให้หลงลืมไปว่า “อาวุธนิวเคลียร์” นั้นย่อมไม่ใช่ “สากกะเบือ” ที่เอาไว้ตำครก ตำน้ำพริกเล่นๆ ไปวันๆ เท่านั้น... 

แต่แทนที่การเอ่ยถึง “Dead Hand” จะทำให้ผู้นำอเมริกาพอ “คิดหน้า-คิดหลัง” ขึ้นมาได้มั่ง!!! ผู้ที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่ได้ชื่อว่า “เหี้ย...ย์ย์ย์มม์ม์ม์” แซงหน้าจอมเผด็จการ“ฮิตเลอร์” ไปแล้วไม่รู้กี่ขุมต่อกี่ขุม รวมทั้งผู้นำกัมพูชาที่กะล่อนปล้อนปลิ้นไม่เว้นแต่ละวัน คิดจะเสนอชื่อให้เป็นผู้ที่ได้รับรางวัล “โนเบลสันติภาพ” อย่าง “ทรัมป์บ้า” กลับออกอาการ“น็อตหลุด-น็อตหลวม” ขึ้นมาแทนที่ หรือกลับสั่งการให้กองเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอเมริกา ยาตราเข้าสู่น่านน้ำรัสเซียเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษเอาเลยถึงขั้นนั้น อันไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนัก สำนึกถึงความร้ายกาจ ร้ายแรงของสิ่งที่เรียกว่า “อาวุธนิวเคลียร์” เอาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่อยากได้รับรางวัล “โนเบลสันติภาพ” เสียเหลือเกินรายนี้ น่าจะยังคงคิดว่าโลกใบนี้ทั้งใบ ยังคงเป็น “โลกของอเมริกา”หรือเป็นโลกที่ไม่ว่าใครต่อใครมีแต่ต้องพยายามคลานกระดืบๆเข้ามา “Kiss Ass” หรือมาจูบตูดตัวเอง ไม่ว่าจะโดยอาศัยพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือการทหารของตัวเองก็แล้วแต่... 

อันนี้นี่แหละ...ที่เลยกลายเป็น “ปัญหา” หรือเป็นสิ่งที่อาจทำให้ “สงครามภาษี” หรือสงครามการค้าของ “ทรัมป์บ้า” อาจต้องกลายเป็น “สงครามเลือด” ไม่วันใด-ก็วันหนึ่งจนได้!!! โดยเฉพาะเมื่อบรรดาประเทศต่างๆ ไม่คิดจะคลานเข้ามาจูบตูดตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่อินตะระเดียที่ออกมาป่าวประกาศไว้แล้วอย่างชัดเจน ว่าประเทศที่นำเข้าน้ำมันเป็นอันดับ 3 ของโลกอย่างอินเดีย จะยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอยู่ต่อไป ด้วยเหตุเพราะ “เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อความเป็นเอกราชจากอังกฤษ เพื่อที่จะต้องมาขออนุญาตอเมริกาในการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเท่านั้น” ไปจนประเทศยักษ์ใหญ่แห่งละตินอเมริกาอย่างบราซิล ที่ผู้นำอย่างประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ได้พูดไว้แบบชัดถ้อย-ชัดคำ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “การใช้ประเด็นทางการเมืองมาเป็นตัวแซงชั่นในทางเศรษฐกิจต่อเรา เป็นสิ่งที่รับไม่ได้!!! และผมจะไม่ลืมเลยว่าใครที่เป็นผู้ช่วยเหลือให้เกิดการรัฐประหารขึ้นมาในประเทศเรา”... 

ในเมื่อ “สากกะเบือด้ามสุดท้าย” หรือ “มาตรการภาษีศุลกากร” ไม่อาจทำให้ประเทศต่างต้องหันมาจูบตูดตัวเองได้ดังความปรารถนาและต้องการ ก็เลยต้องหันมาอาศัย “เรือดำน้ำนิวเคลียร์” หรือหันมาอาศัย “ศักยภาพทางทหาร” เท่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ โดยถ้าหากลองย้อนไปคิดถึงคำบอกเล่าของผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาแห่งพรรคเดโมแครตและอดีตทหารผู้เคยรับราชการอยู่ในกองกำลังป้องกันแห่งชาติอเมริกามาถึง 24 ปี อย่าง “นายTim Walz” ซึ่งเคยมีโอกาสพูดคุยกับ “ทรัมป์บ้า” ที่ได้ออกมาเปิดเผยกับสาธารณชน เมื่อไม่นานมานี้ว่าผู้นำอเมริการายนี้คือผู้เชื่อว่าตัวเองมีขีดความสามารถถึงขั้น “เขาคิดว่า...เขาสามารถเอาชนะสงครามนิวเคลียร์ได้” อันนี้...ก็ยิ่งน่าเกลียด น่ากลัว ยิ่งขึ้นไปใหญ่!!! 

เพราะไม่เพียงแต่ต้องอาศัยแค่ประสบการณ์ทางทหารเท่านั้น กระทั่งอาศัยแค่ “สามัญสำนึก” ของปุถุชนคนธรรมดา ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า สำหรับ “สงครามนิวเคลียร์” นั้น ย่อมไม่มีผู้ใดเลยที่จะเป็นผู้ชนะ มีแต่ต้องแพ้ไปด้วยกันทุกฝ่าย หรือมีแต่ต้องฉิบหาย-วายวอด จนไม่อาจหลงเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาเลยก็เป็นได้ การสั่งเคลื่อนกำลังเรือดำน้ำนิวเคลียร์เข้าไปประชิดดินแดนรัสเซีย เพียงเพราะคำพูด คำจา ของอดีตประธานาธิบดีรัสเซียเพียงแค่ไม่กี่คำ จึงไม่ได้เป็นอะไรที่สะท้อนให้เห็นถึงความเก่ง ความกล้า ความฉลาด หรือความอะไรต่อมิอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสะท้อนให้เห็นถึง “ความบ้า”นั่นแล!!! เหลืออยู่แต่ว่าจะบ้ามาก-บ้าน้อย บ้าเป็นพักๆ ที่อาจยังพอเปลี่ยนไป-เปลี่ยนมาได้แบบวันละ 3 เวลาหลังอาหาร หรือจะบ้าไปโดยตลอดจนตัวยาใดๆ ก็มิอาจ “เตือนสติ” ใดๆ ได้เลย อันนี้...คงต้องเก็บไปเป็น “การบ้าน” สำหรับใครต่อใครให้ต้องไปลองนึก ลองคิด เอาเองก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น