ในชีวิตของผู้เขียนซึ่งอยู่มา 80 กว่าปีตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยมียุคของรัฐบาลใดไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยหรือเผด็จการเลวร้ายและตกต่ำในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เฉกเช่นรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนชี้นำครอบงำเกือบทุกเรื่อง จนเป็นเสมือนนายกฯ ตัวจริง ทั้งนี้อนุมานจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันดังต่อไปนี้
1. ในด้านความมั่นคงภายในประเทศ จะเห็นได้จากการแบ่งแยกของกลุ่มที่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่คอยบงการอยู่ข้างหลังในระยะแรกๆ และออกหน้าชัดเจนในปัจจุบัน
ส่วนความมั่นคงภายนอกประเทศ จะเห็นได้ชัดเจนกับความขัดแย้งกับเขมร ซึ่งมีส่วนโดยตรงมาจากผู้นำรัฐบาล และผู้กำกับรัฐบาล ส่วนจะเกิดจากอะไรนั้นคนไทยส่วนใหญ่ได้รับรู้จากบรรดาผู้รู้ได้ออกมาเปิดเผยจดหมดข้อกังขาไปแล้ว จะมีอยู่บ้างก็ส่วนน้อยที่ไม่เข้าใจหรือทำเป็นไม่เข้าใจเพราะเห็นแก่ประโยชน์ที่ตนเองได้รับจากการหยิบยื่นให้ของเจ้านายที่ตนเองจงรักภักดี
2. ในด้านเศรษฐกิจนับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล เศรษฐกิจที่ตกต่ำมาตลอดก่อนหน้าไม่ได้รับการแก้ไข นโยบายที่จะนำมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ว่าจะค่าแรงขั้นต่ำ อัตราการจ้างงาน และการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ได้ดำเนินการให้ครบถ้วน ราคาพืชผลทางด้านการเกษตรที่ตกต่ำ โดยเฉพาะข้าวเปลือกที่ชาวนาผลิตได้ราคาขายยังต่ำกว่าต้นทุน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้วแย่หนักขึ้นไปอีก
3. ในด้านสังคมเมื่อเศรษฐกิจของประเทศถดถอยปัญหาสังคมซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาว่างงาน กำลังซื้อลดลง และส่งผลต่อผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าสินค้าขายได้น้อยลง ทำให้ผู้ประกอบการลดการผลิตและลดการนำเข้าจำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิต และต้นทุนดำเนินการด้วยการปลดคนงานเพื่อความอยู่รอดทำให้แรงงานส่วนหนึ่งตกงาน และเมื่อรวมกับแรงงานใหม่ที่จบการศึกษาออกมาก็ทำให้คนว่างงานเพิ่มขึ้น
เมื่อคนว่างงานและจำเป็นต้องมีเงินเลี้ยงชีพ และไม่มีทางหาเงินได้งานสุจริต ก็หันไปเป็นอาชญากรลักเล็กขโมยน้อย หรือแม้กระทั่งขายยาเสพติดรายย่อยกลายเป็นความเดือดร้อนให้แก่สุจริตชน
4. ด้านการเมืองไม่มียุคใดสมัยใดที่การเมืองตกต่ำเท่ายุคนี้ จะเห็นได้จากการซื้อเสียงในการเลือกตั้งไปจนถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง ทำให้พรรคการเมืองแตกแยกขาดเอกภาพส่งผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพ และความมั่นคงทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จะเห็นได้จากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ เป็นต้น
เหตุปัจจัย 4 ประการข้างต้น ทำให้ประเทศไทยและคนไทยโดยรวมได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทางตรงทำให้ประเทศเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ และทางอ้อมทำให้ประเทศคู่แข่งทางการค้า เช่น เวียดนาม เป็นต้น แซงนำประเทศไทยโดยเฉพาะในด้านการส่งออกสินค้า และการพัฒนาประเทศ
แต่คนไทยและประเทศไทยยังพอจะมีความหวังอยู่บ้าง เมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและผู้บงการพรรคตกเป็นจำเลยในหลายคดี โดยเฉพาะคดีชั้น 14 คดีครอบงำพรรคและคดีตามมาตรา 144 ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการของกระบวนการยุติธรรม ถ้าทุกคดีจบลงด้วยฝ่ายจำเลยแพ้คดีและต้องโทษจำคุกเว้นวรรคทางการเมือง ก็จะกลายเป็นโอกาสให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยการปรับปรุงการบริหารประเทศให้ดีขึ้นได้ทันเวลาก่อนที่ประเทศจะหายนะ ถ้าเป็นเช่นนี้ได้ก็เท่ากับว่ายุคชาวศิวิไลซ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว และไม่น่าจะเกิน 2 ตุลาคม จาก 26 กรกฎาคม เป็นต้นไป