xs
xsm
sm
md
lg

ฮุนเซนกับจักรวาลทุนสีเทา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโลกเริ่มจับตา “กัมพูชา” ไม่ใช่ในฐานะประเทศที่พ้นจากสงครามกลางเมืองแต่ในฐานะ “ศูนย์กลางของอาชญากรรมไซเบอร์” และ “ธุรกิจสแกม”ระดับโลกซึ่งมีเครือข่ายทุนแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากของนักธุรกิจสัมปทานเขตเศรษฐกิจพิเศษและกาสิโนชายแดนผู้คนจำนวนมหาศาลจากจีน ไทย พม่า ลาวเวียดนาม และฟิลิปปินส์ถูกล่อลวงให้ทำงานเป็นแรงงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์โดยถูกบังคับคุกคามและควบคุมร่างกายราวกับเป็นทาสสมัยใหม่

ใจกลางของระบบนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากครอบครัวของอดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำเผด็จการผู้ปกครองกัมพูชามานานเกือบ 40 ปี “ฮุนเซน” ผู้ถ่ายโอนอำนาจให้ลูกชาย “ฮุน มาเนต” ในปี 2023 แต่ยังคงเป็นผู้นำสูงสุดเบื้องหลังการคงอยู่ของระบบทุนพวกพ้องและการผูกขาดอำนาจรัฐไว้ในมือของกลุ่มคนเพียงไม่กี่ตระกูลทำให้ระบบเศรษฐกิจของกัมพูชากลายเป็นเครื่องมือของทุนสีเทาและตำแหน่ง “Oknha” กลายเป็นสัญลักษณ์ของอภิสิทธิ์และอำนาจเหนือกฎหมาย

หนึ่งในศูนย์กลางทุนสีเทาที่สำคัญคือกลุ่ม “Huione Group” ที่มีฐานอยู่ในพนมเปญมีธุรกิจหลักคือ Huione Pay, Huione Crypto และ Huione Guarantee ซึ่งกลายเป็นตลาดออนไลน์ที่ถูกใช้โดยกลุ่ม scammer ทั่วโลกในการฟอกเงินและแลกเปลี่ยนข้อมูลหลอกลวงรายงานจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และองค์การสหประชาชาติ ระบุว่าHuione Guarantee มีธุรกรรมสูงถึง 24,000–27,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2021และเป็นตลาดฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกไซเบอร์บุคคลที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนี้คือ “ฮุนโต” (Hun To) ลูกพี่ลูกน้องของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และหลานแท้ๆ ของฮุนเซนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Huione Group และได้รับอภิสิทธิ์สูงสุดในเชิงการเงินจากภาครัฐ

นอกจาก Hun To แล้วกลุ่มทุนใหญ่อื่นๆ ที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในฐานะกลุ่มทุนสีเทาที่แวดล้อมครอบครัวฮุนเซนคือ “Ly Yong Phat” หรือ “ลียงพัด” นักธุรกิจลูกครึ่งกัมพูชา-ไทยผู้เป็นเจ้าของ LYP Group ซึ่งมีสัมปทานในKoh Kong Special Economic Zone รวมถึงธุรกิจกาสิโนจำนวนมากเขาเป็นวุฒิสมาชิกพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) และที่ปรึกษาระดับสูงของนายกรัฐมนตรีในปี 2024รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตร Ly Yong Phat ภายใต้ Global Magnitsky Act เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงานในศูนย์สแกมที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของตน

ยิ่งไปกว่านั้น Ly Yong Phat ยังมีความเชื่อมโยงทางเครือญาติโดยตรงกับตระกูลฮุน โดยมีบุตรสาวแต่งงานกับ Hun Chea ลูกชายของฮุนเซนส่งผลให้เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้สนับสนุนรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของ “ราชสกุลอำนาจ” ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากรัฐในแทบทุกด้าน

อีกหนึ่งบุคคลสำคัญคือ “Kok An” นักธุรกิจเชื้อสายจีนผู้ได้รับตำแหน่งวุฒิสมาชิก CPP และ Oknha เจ้าของCrown Casino ในเมืองชายแดน Poipet และเมืองท่องเที่ยว Sihanoukville ซึ่งหลายคดีเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมายที่ถูกควบคุมในพื้นที่กาสิโนของเขา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐมักเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหาและแทบไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับเครือข่ายของเขา

“Try Pheap” อีกหนึ่งนักธุรกิจใหญ่ซึ่งได้รับสัมปทานพื้นที่ป่าและทรัพยากรธรรมชาติขนาดมหาศาลเป็นเจ้าของ Try Pheap Group และดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษ Thmor Da ซึ่งปรากฏในหลายรายงานว่าเป็นที่ตั้งของศูนย์ Scam ขนาดใหญ่เขาถูกคว่ำบาตรโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ในปี 2019 และถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดไม้ผิดกฎหมายการฟอกเงินและการคุกคามชุมชนพื้นเมืองการที่เขายังสามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลได้แสดงถึงระดับความใกล้ชิดกับโครงสร้างอำนาจของฮุนเซน

“Chen Zhi” นักธุรกิจชาวจีนที่ได้รับสัญชาติกัมพูชาเป็นประธานกลุ่ม Prince Group ซึ่งดำเนินธุรกิจหลากหลายรวมถึงธนาคารอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมเขาได้รับตำแหน่ง Oknha และได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐในโครงการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ รวมถึงใน Sihanoukville ซึ่งมีรายงานว่าเป็นฐานของ Scam Compound ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

ตำแหน่ง “Oknha” ที่บุคคลเหล่านี้ได้รับเป็นเครื่องยืนยันถึงการมีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมายในกัมพูชา ตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ที่พระมหากษัตริย์มอบให้แก่ผู้บริจาคเงินสนับสนุนรัฐหรือโครงการของรัฐบาลในระดับ 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป แต่ในความเป็นจริงมันกลับกลายเป็นกลไกที่ใช้ในการ “ซื้ออำนาจ” และเป็นสัญลักษณ์ของการกลายสภาพของรัฐเป็นเครื่องมือของทุนสีเทา

นอกจากกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลฮุนยังมี Oknha อีกจำนวนมากที่มีประเด็นอื้อฉาวเช่น “Choeung Sopheap” และ “Lau Meng Khin” ผู้ครอบครองบริษัท Pheapimex ที่ถูกกล่าวหาว่ารื้อถอนชุมชนเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, “Leng Channa” ซึ่งถูกเพิกถอนตำแหน่ง Oknha หลังมีคดีฉ้อโกงเงินในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่, “Heng Sithy” อดีตเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดโปงเจ้าหน้าที่รัฐว่ามีเอี่ยวกับระบบกาสิโนออนไลน์และ “Srey Sina” ผู้ถูกจำคุกตลอดชีวิตจากการยิงประชาชนเสียชีวิตในพนมเปญ ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าตำแหน่ง Oknha ไม่ได้มาพร้อมความรับผิดชอบต่อสังคมหากแต่กลายเป็นเกราะกำบังที่อนุญาตให้ผู้ถือครองใช้ช่องว่างของอำนาจและกฎหมายในการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน

แนวทางการปกครองแบบนี้ทำให้ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศจำนวนมากนิยามกัมพูชาในยุคของฮุนเซนว่าเป็น “อาณาจักรที่ปกครองโดยกษัตริย์เงา” แม้จะมีระบบรัฐสภาและกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ แต่การรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ชายผู้หนึ่งผู้ที่ไม่มีมงกุฎแต่มีอำนาจเหนือศาลรัฐสภาทหารและทุนคือหัวใจของปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังลึกยิ่งกว่าเครือข่ายสแกมเมอร์

ภาพลักษณ์ของกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศจึงเปลี่ยนไปอย่างมากรายงานจาก UNODC, Human Rights Watch, Humanity Research Consultancy และองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งชี้ว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางของ “ระบบหลอกลวงออนไลน์” ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยศูนย์ Scam ทั้งหลายแฝงอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของกลุ่มทุนใกล้ชิดรัฐซึ่งมีการควบคุมแรงงานอย่างผิดกฎหมายและทำเงินปีละหลายหมื่นล้านดอลลาร์ธุรกิจเหล่านี้มีมูลค่ารวมกว่า 12,000–19,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีหรือประมาณ 60% ของ GDP ของกัมพูชาบางแหล่งประเมินว่ามีรายได้ถึง 37,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี หากนับรวมกลุ่มเครือข่ายในภูมิภาค

สื่อระดับโลก เช่น The Times, Reuters, Asia Financial, Wired และ The Guardian ต่างรายงานว่าระบบ Scam เหล่านี้ถูกเชื่อมโยงโดยตรงกับโครงสร้างของรัฐและได้รับการปกป้องจากระบบกฎหมายของกัมพูชาทั้งยังมีการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเช่น AI และDeepfake เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงและใช้ระบบฟอกเงินผ่านตลาดดิจิทัล เช่น Huione Pay และHuione Crypto ในการเคลื่อนย้ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกจากระบบสถาบันการเงินปกติ

ความเห็นจากประชาคมโลกสะท้อนว่ารัฐบาลกัมพูชาแม้จะแสดงท่าทีปราบปรามศูนย์ Scam บางแห่งแต่ก็เป็นการทำเพื่อการ “โชว์ภาพลักษณ์” มากกว่าความจริงจังหลายกรณีมีการจับเฉพาะแรงงานระดับล่างปล่อยให้เจ้าของหรือผู้ดำเนินการตัวจริงลอยนวลแม้จะมีหลักฐานชัดเจนจากเหยื่อหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน

ความน่ากังวลที่สุดคือเมื่อระบบการเมืองถูกควบรวมกับทุนสีเทาความยุติธรรมก็ถูกตีบตันการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระไม่สามารถดำเนินไปอย่างเต็มรูปแบบ เพราะทุนกลุ่มนี้คือผู้สนับสนุนหลักของพรรค CPP และครอบครัวฮุนเซนด้วยตำแหน่งกิตติมศักดิ์ด้วยเงินสนับสนุนโครงการรัฐและด้วยความใกล้ชิดส่วนตัวกับบุคคลระดับสูง

ภายใต้ฉากหน้าของการพัฒนาเศรษฐกิจและการเปิดเสรีทางธุรกิจกัมพูชากำลังเดินเข้าสู่จุดที่รัฐกลายเป็นเครื่องจักรรับใช้ทุนที่ไร้ความรับผิดชอบ ขณะที่ประชาชนผู้เสียหายและแรงงานที่ถูกล่อลวงถูกละทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเงียบงันในความมืดของธุรกิจหลอกลวงที่มีกษัตริย์เงาและกลุ่มทุนสีเทาเป็นผู้นำพา
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น