นับตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันกาลเวลา 90 กว่าปี ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ระบอบการปกครองประเทศไม่ว่าจะเป็นระบอบประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ไม่ทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ดีกินดีมีความสุข ปราศจากหนี้สิน มีกินมีใช้และได้มีการถูกเบียดเบียนเท่าที่คนในโลกของโลกียชนควรจะได้รับ ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. พรรคการเมืองและนักการเมืองส่วนใหญ่เลือกตั้งโดยใช้ทุนเงินด้วยการซื้อเสียงมากกว่าทุนทางสังคมคือ ความเป็นคนดีคนเก่งและได้รับการยอมรับจากประชาชน จึงต้องพึ่งพาเงินจากนายทุน เป็นเหตุให้นายทุนใช้พรรคและบุคคลในพรรคเป็นเครื่องแสวงหาอำนาจรัฐแล้วใช้อำนาจรัฐแสวงหาประโยชน์ เฉกเช่นการประกอบธุรกิจเพื่อแสวงหารายได้โดยการทำกำไรในทุกรูปแบบ ทั้งทวนน้ำและตามน้ำ
2. ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ ไม่เข้าใจในการใช้อำนาจอธิปไตย และไม่แยกเรื่องส่วนตัวออกจากส่วนรวม จึงเลือกคนที่ให้ประโยชน์เข้าไปทำหน้าที่ให้กับส่วนรวมและเปิดช่องให้กอบโกยเป็นการถอนทุนที่ได้จ่ายไป
ด้วยเหตุที่นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมีพฤติกรรมทางการเมืองดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้เกิดการทุจริต คอร์รัปชัน จนทำให้ประชาชนลุกฮือขับไล่และเป็นเหตุให้กองทัพถือโอกาสที่จะเข้ามาแก้ไขความวุ่นวายด้วยการทำรัฐประหารปกครองประเทศ ด้วยระบอบเผด็จการและเมื่อระบอบเผด็จการอยู่นานเข้าก็มีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยคือ มีการแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบของการคบค้ากับนักธุรกิจผูกขาดและหาประโยชน์ร่วมกันแล้วลงเอยด้วยประชาชนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งครั้นแล้วก็จบลงด้วยการเลือกตั้ง และนักเลือกตั้งก็เป็นเหมือนเดิม ประชาชนก็ขับไล่ลงท้ายด้วยการรัฐประหารเป็นอยู่เช่นนี้เรื่อยมา จึงทำให้ประเทศไทยและคนไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรจะเป็น
ในขณะนี้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยในรูปแบบของรัฐบาลผสมหลายพรรค โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำและมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศมาเกือบปีไม่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับของประชาชน แถมยังมีจุดด่างพร้อยทางการเมือง เนื่องจากไร้วุฒิภาวะในการเป็นผู้นำ จะเห็นได้จากการแต่งกายไม่ถูกกาลเทศะ และการแสดงความคิดเห็นรวมไปถึงการตอบปัญหานักข่าว แถมยังมีคดีความที่มีผู้ร้องให้ดำเนินคดีทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเช่น การถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ และเกี่ยวกับส่วนรวมเช่น การมีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน เป็นต้น จึงทำให้หมดศรัทธาและลุกฮือขึ้นมาขับไล่
จากปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลในขณะนี้ คาดการณ์ได้ว่าอยู่ไม่ครบเทอมแน่นอน และเชื่อว่าจะลงด้วยกระบวนการทางกฎหมายมากกว่าการยุบสภาฯ หรือลาออก โดยเฉพาะกรณีของการทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และถ้าเป็นไปตามมาตรา 144 ครบทั้งชุดของนายเศรษฐา ทวีสิน และของอุ๊งอิ๊งค์ก็จะต้องมีความผิดพ้นจากตำแหน่งทันที และต้องคืนเงินที่ทำให้รัฐเสียหายด้วย รวมไปถึง สว.และ สส.ที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดก็จะต้องได้รับโทษด้วยรวมแล้ว 300 กว่าคน จึงทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองถ้าเลือกตั้งใหม่ก็เสียงบประมาณ แต่ที่สำคัญกว่าเสียเงินก็คือการเมืองก็วุ่นวายไร้ทิศทาง ประเทศชาติและประชาชนไม่ได้อะไรดีไปกว่าปัจจุบัน
ดังนั้น จึงน่าจะถือโอกาสนี้ปฏิรูปการเมืองโดยการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษขึ้นมาทำหน้าที่ปฏิรูป เริ่มจากแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยในรูปแบบที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของประเทศ โดยข้อดีของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตะวันตกมาประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมประเพณีและคำสอนศาสนา โดยเฉพาะของศาสนาพุทธในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของโลกียชน เฉกเช่นที่ประเทศจีนได้นำลัทธิมาร์กซิสม์มาผสมกับวัฒนธรรมประเพณีของคำสอนขงจื้อ