xs
xsm
sm
md
lg

“เมื่อประชาชนผสานองค์จอมทัพไทย!!!”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

 ขอเริ่มต้นด้วยการคารวะอย่างสูงต่อ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ผู้เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 ณ วันนี้ พ.ศ. 2568 “ลุงจำลอง” นายทหารผู้รักประชาธิปไตยในวัย 90 ปีย่างสู่ 91 ปีอย่างสง่างาม ท่านใช้ชีวิตอันทรงคุณค่าต่อชาติไทยและส่วนรวม ท่านยึดมั่นในความดี ความถูกต้อง ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อชาติ นำประชาชนต่อสู้กับ“เผด็จการทหารกลุ่ม รสช.” ในขณะที่ “นักการเมืองเลือกตั้ง” ส่วนใหญ่ในระบอบประชาธิปไตยทุนสามานย์ ไม่ต่อกรกับ “เผด็จการทหาร” อย่างจริงจัง ซ้ำร้ายยังทำตัวเป็น “ต้นเหตุปัญหา” มาตลอด เพราะพวกเขามักใช้อำนาจโกงชาติ สร้างความไม่เป็นธรรมให้กับสังคมไทย อันเป็นเงื่อนไขสำคัญให้คณะนายทหารใช้อ้างทำรัฐประหาร!!!

 ในวาระวันคล้ายวันเกิดของ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ผมขอกราบอวยพรให้ “ลุงจำลอง” มีสุขภาพแข็งแรง เป็นขวัญเป็นกำลังใจของพวกเรา อยู่เคียงคู่ชาติกับประชาชนไปนานเท่านานนะครับ...


กลับมาย้อนประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในช่วงต้นที่ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ได้เป็น “นายกฯ ตระบัดสัตย์” มีข่าวผ่านสื่อมวลชนว่าภรรยา “บิ๊กสุ” เล่าถึง “ความฝัน” ว่า “เธอได้เหาะข้ามภูเขาสูงถึงสามลูก” ซึ่งเธอได้ทำนายฝันถึงอนาคตของสามีว่า “สุจินดาจะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ นานนับสิบปี” แต่แล้วเธอก็“ฝันสลาย!” เพราะ “บิ๊กสุ” สามีสุดที่รักได้เป็น “นายกฯ ตระบัดสัตย์” แค่ 48 วันเท่านั้น!!

ด้วย “เผด็จการทหาร รสช.” หลงในอำนาจรัฐที่ยึดมาจากรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ “เผด็จการทหาร รสช.”จึงใช้อำนาจอธรรมบีบบังคับผู้คนด้วย “ทหาร ”และ “ปืน” โดย “นายกฯ ตระบัดสัตย์”ได้สั่งการบุกเข้าจับกุม พล.ต. จำลอง ศรีเมือง กับเพื่อนๆ อีกหลายคน แถมยังบังอาจสั่งให้ “ทหาร” เข่นฆ่า“ประชาชน”ที่มีเพียงสองมือเปล่าอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

ทว่า.. แม้ประชาชนที่ชุมนุมจะขาด “ผู้นำ” พวกเขายังคงชุมนุมต่อต้านกันอย่างกระจัดกระจาย จับกลุ่มติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ผู้ชุมนุมใจนักสู้ต่างช่วยกันค้นหาทางออกวิกฤติชาติ แม้จะอยู่ภายใต้เงื้อมมือของ “กลุ่มทหาร รสช.” ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ในขณะนั้น เช่น ภูมิธรรม เวชยชัย กับพลพรรคกลุ่มของทักษิณ ชินวัตร ก็ยังคงผลักดันการต่อสู้โดยเน้นเรื่อง “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง”!

ส่วนผมกับเพื่อนๆ ก็มีการเสนอ “ผู้นำการชุมนุมคนใหม่” แทน พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ที่ถูกจับกุมไปแล้ว ซึ่งเห็นตรงกันว่าควรผลักดัน “ดร.พิจิตต รัตตกุล” เป็นผู้นำคนใหม่! ส่วนกลุ่มที่นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ ยังคงชุมนุมกันที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และได้ประกาศจะชุมนุมใหญ่กันอีกครั้ง ณ สถานที่แห่งนั้น ซึ่งมีแนวโน้มกระแสประชาชนมุ่งหน้าจะไปร่วมชุมนุมใหญ่กันที่นั่นเสียด้วยสิ นี่เป็นแค่ไม่กี่กลุ่มคนที่ผมรับรู้เท่านั้น

ในครั้งนั้นผมกับพี่อ๋า ธัญญา ชุนชฎาธาร ได้ร่วมประชุมกับกลุ่มจตุพร ที่ภัตตาคารพงหลี ข้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” อาหารจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อผู้คนในที่ชุมนุม และต้องเตรียมสำหรับคนที่จะมาชุมนุมเพิ่มขึ้น “เงิน 1 ล้านบาทของพี่สนธิ” ที่อยู่กับพี่อ๋าจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นพลัง ใช้ซื้ออาหารหนุนส่งให้กับการชุมนุมของจตุพร ส่วนเงินของผมก็ได้แจกกระจายให้กับ “แกนนำหลายคนพกติดตัว” เผื่อ “กลุ่มทหาร รสช.” จะทำรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง...

อืม..สถานการณ์ตอนนั้นแม้จะไร้ผู้นำ แต่จิตใจประชาชนล้วนเปี่ยมด้วยความห้าวหาญ ไม่หวั่นเกรงต่อการเจ็บและความตายเลย ทำให้ผมนึกถึงเพลง “ตายสิบเกิดแสน” ของ “หงา” สุรชัย จันทิมาทร แห่งวงดนตรีเพื่อชีวิต คาราวาน

จากเหตุการณ์ป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นในคราครั้งโน้น ประชาชนล้วนมุ่งหวังว่า “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ผู้ทรงเป็น “พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย” คงไม่ทรงปล่อยให้ “กลุ่มทหาร รสช.” ที่คุมอำนาจรัฐขณะนั้น “สำแดงความหฤโหด” ด้วยการใช้ “ทหาร” ใน “กองทัพไทย” ที่พระองค์ทรงเป็น “จอมทัพ” เข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดร้ายทารุณกลางเมืองหลวงต่อไป...
และแล้ววันที่ 20 พฤษภาคม 2535 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งให้ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นำ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง กับ พล.อ. สุจินดา คราประยูร คู่ขัดแย้ง เข้าเฝ้าพระองค์ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระองค์ทรงมีกระแสรับสั่งอันทรงพลังและเปี่ยมด้วยเหตุผล พระราชทานแก่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และ พล.อ. สุจินดา คราประยูร
เมื่อคู่ขัดแย้งได้รับฟัง สองนายพลก็ได้แสดงความ “จงรักภักดี” ด้วยการยุติความขัดแย้ง พล.อ. สุจินดา ลาออก ผมขอน้อมนำบางตอนของกระแสรับสั่งดังนี้...

 “ขอให้ท่านทั้งสอง หันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากันเพียงแต่ชัยชนะ เพราะสุดท้ายไม่มีใครชนะ มีแต่แพ้ ที่สำคัญ ประเทศแพ้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่เราชนะบนซากปรักหักพัง”

  วันรุ่งขึ้น วันที่ 21 พฤษภาคม 2535 ความขัดแย้งทั้งสองฝ่ายได้ยุติลง! สามวันถัดไป ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2535 พล.อ. สุจินดา คราประยูร ประกาศลาออกจากตำแหน่ง“นายกรัฐมนตรี”!

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ รักษาการตำแหน่งนายกฯ ชั่วคราว จนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่! “นายกฯ คนใหม่” ในครั้งนั้น.. มีทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีการหักหน้าหักหลังรวมทั้งการปล่อยข่าวลือข่าวลวงกันมากมาย.. ช่วงนั้นความสำคัญเบื้องต้นในการแต่งตั้ง “นายกฯ คนใหม่” อยู่ที่ “สส. ส่วนใหญ่ในสภา” กับประธานสภาฯ “ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์”

“ประธานสภาฯ” มีหน้าที่ “นำชื่อบุคคล ”ที่ได้รับเสียงข้างมากจากการลงคะแนนของ “สส. ในสภา” ขึ้นทูลเกล้าถวายแด่ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” เพื่อทรงพิจารณาถึงความเหมาะสม เมื่อพระองค์ไม่ทรงขัดข้อง พระองค์จะทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” ประธานสภาฯ ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์ จึงมีความสำคัญไม่น้อย.. จริงไหม”???

เมื่อประธานสภาฯ มีบทบาทสำคัญยิ่งยวดในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี “กลุ่มทหาร รสช.” ที่มี สส. พรรคสามัคคีธรรม อยู่ในสภาฯ ร่วมกับ “พลเรือนกลุ่มหนึ่ง” ที่หนุน “กลุ่มทหาร รสช.” ได้ “เชิญกึ่งบังคับ” นำตัว ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ไปพำนักที่จังหวัดเชียงรายระยะหนึ่ง ด้วย “กลุ่มทหาร รสช.”กับพรรคพวกไม่ไว้ใจ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์
ทั้งนี้เพราะ“กลุ่มทหาร รสช.” ได้วางตัว “นายกฯ คนใหม่” ไว้แล้ว คือ พล.อ.อ. สมบุญ ระหง หัวหน้าพรรคชาติไทย อดีตผู้ว่าการท่าอากาศยานไทย ซึ่งสนิทกับ “บิ๊กเต้” พล.อ.อ. เกษตร โรจนนิล หนึ่งใน “กลุ่มทหาร รสช.”
เชื่อได้ว่า ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์ ยากจะไปอยู่เชียงรายโดยไร้การบีบคั้น เมื่อวิเคราะห์จากเรื่องราวที่ได้รับทราบช่วงก่อน “บิ๊กสุ” จะเป็น “นายกฯ ตระบัดสัตย์” ณ ห้องหนึ่งในรัฐสภา “หัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง” ได้เปิดเผยกับ “น้าชาติ” ต่อหน้าหลายคนรวมทั้งผมว่า “ที่ผมยอมเซ็นชื่อให้มัน.. เพราะมันเอาปืนมาจ่อหัวผมครับ.. ผมถึงต้องยอมเซ็นชื่อให้มันเป็นนายกฯ ครับน้าชาติ!”

อืม.. แล้ว ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ จะไม่เจอพฤติกรรมอันเลวร้ายของ “กลุ่มทหาร รสช.” บ้างหรือ???

วิกฤติการเมืองครั้งนั้น เป็นปฐมบทพิสูจน์จิตใจอันกล้าหาญและแข็งแกร่งของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ “วีรบุรุษประชาธิปไตย”!

 บทความนี้ มุ่งสดุดีพลังประชาชนผู้กล้าหาญ ต่อสู้โดยมิเกรงกลัวอำนาจ“เผด็จการทหารกลุ่ม รสช.” แม้ต้องเผชิญกับ “ทหาร” และ “ปืน” ประจันหน้าทำร้ายประชาชนสองมือเปล่าอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน จนบาดเจ็บล้มตายมากมาย!

 เหนือสิ่งอื่นใด ปวงชนชาวไทยต้องขอน้อมเกล้าสดุดี รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” องค์พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ทรงเป็น “องค์จอมทัพไทย” ทรงดูแลผองชาวไทยด้วยพระเมตตา ยามเผชิญกับภัยร้ายนานัปการ พระองค์มิเคยละเลย ทรงเร่งบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ปวงชนชาวไทยอย่างทันการตลอดรัชสมัยของพระองค์...

 นี่คือบทพิสูจน์พลัง “ประชาชน” กับ “องค์จอมทัพไทย” ยามผสานย่อมใหญ่ยิ่งเหนือพลังใดๆ!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น