“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ระยะทางพิสูจน์ม้า ผลงานพิสูจน์คน” คำโบราณนี้พิสูจน์ได้ทั้ง “ม้า” และ “คน”ตลอดมา!
ภายหลังคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 นำโดยนายทหารใหญ่ 5 คน พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ. สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ. ประพัฒน์ กฤษณจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ. เกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.อ. อิสระพงษ์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารบก นายทหารใหญ่กลุ่มนี้ได้ร่วมกันโค่นล้ม รัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ
นักข่าวสาว วาสนา นาน่วม หนึ่งในสื่อมวลชนไทย ได้รายงานข่าวลึกแต่ไม่ลับว่า คนที่เป็นหลักสำคัญในครั้งนี้ 2 คนคือ พล.อ. สุจินดา คราประยูร กับ พล.อ. อิสระพงษ์ หนุนภักดี พี่เมีย “บิ๊กสุ”!
หลังจากได้อำนาจบริหารประเทศ ความจริงก็ค่อยๆ ปรากฎให้รู้แจ้งเห็นจริงถึงทฤษฎีทางการเมืองที่ว่า “ยามมีอำนาจรัฐ มักโกงชาติเสมอ” และหาก“เหลิงอำนาจ” ก็จะ “ไม่ฟังใครหน้าไหน” ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ “มักลืมตัว” และ “เหิมเกริม” จน “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ซ้ำร้ายมักกลายเป็นพวก “ลิงหลอกเจ้า” นั่นคือเหตุการณ์หลังการรัฐประหารของ “คณะทหารใหญ่ รสช.”
หลังรัฐประหาร “กลุ่มทหาร รสช.”ได้ตั้งคณะที่ปรึกษา ตั้งคณะรัฐบาล และประกาศใช้รัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2543 ต่อมา “รสช.” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สภารักษาความสงบแห่งชาติ” หรือ “สภา รสช.” โดยมี พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ เป็นประธาน และ พล.อ. สุจินดา คราประยูร เป็นรองประธาน
จากนั้นได้มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ จำนวน 292 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารและข้าราชการ และให้สภานิติบัญญติตั้งกรรมการ 25 คน ให้ดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งตั้งกรรมการอีกชุดหนึ่ง ดำเนินการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินนักการเมือง โดยมี พล.อ. สิทธิ จิรโรจน์ เป็นประธาน (แต่สุดท้ายคณะกรรมการชุดนี้แทบไม่สามารถเอาผิดใครได้) ต่อมาถึงวันที่ 2 มีนาคม 2534 “คณะ รสช.” จึงได้แต่งตั้งให้ “นายอานันท์ ปันยารชุน” ดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีรักษาการ”
ที่ คณะ รสช. เลือกอดีตทูต อานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราวนั้น ก็เนื่องจากนายอานันท์มีภาพลักษณ์สวยหรูในสังคมไทย จนได้ฉายา “ผู้ดีรัตนโกสินทร์” ซึ่งสภา รสช. เชื่อว่าภาพพจน์นายอานันท์ จะช่วยลดภาพ “เผด็จการทหาร” ให้ดีขึ้นในสายตาของชาติตะวันตก อีกเหตุผลก็เพราะนายอานันท์ สนิทกับแกนนำ รสช. พล.อ. สุจินดา คราประยูร น้องเขย พล.อ. อิสระพงษ์ หนุนภักดี ผบ.ทบ. ในขณะนั้น
ผู้สื่อข่าวยังเผยว่า เพราะ พล.อ. สุจินดา เชื่อว่า “นายกฯ ผู้ดีรัตนโกสินทร์”ที่ตนเลือก จะต้อง “ว่านอนสอนง่ายทุกเรื่อง” โดยหารู้ไม่ว่า “นายกฯ ผู้ดีรัตนโกสินทร์” ที่ “บิ๊กสุ” เลือกมากับมือ มิได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายทุกเรื่อง แถมหลายเรื่อง “นายกฯ อานันท์”เชื่อมั่นตนเอง เป็นตัวของตัวเอง มิได้เป็น “เด็กดี” อย่างที่กลุ่มเผด็จการทหาร รสช. หวังจะบงการ!
ดังนั้น นายอานันท์จึงเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน ก็เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มทหาร รสช. หลายเรื่องหลายครา จึงถูกผลักให้หลุดจากตำแหน่งนายกฯ รักษาการก่อนเวลาอันควร
หลังการเลือกตั้งผ่านไป สภา รสช. และพรรคสามัคคีธรรม ได้ผลักดัน 5 พรรคการเมืองในขณะนั้น ให้เลือก “นายณรงค์ วงศ์วรรณ” เป็นนายกฯ ไทยคนใหม่แทนนายอานันท์ ปันยารชุน ทันที
แต่งานนี้ได้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เมื่อเครือข่ายทางรัฐบาล “สหรัฐอเมริกา” ได้คัดค้านต่อต้าน นายณรงค์ วงศ์วรรณ มิให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศว่า นายณรงค์เป็นหนึ่งในบัญชีดำไม่สามารถขอวีซ่าเข้าอเมริกา เพราะใกล้ชิดกับขบวนการค้ายาเสพติด หลังจากนั้นก็มีการเผยแพร่ภาพถ่ายจากดาวเทียม “ว่าที่นายกฯ ไทย”ยืนอยู่กลางไร่ยาเสพติดชนิดหนึ่ง! ทำให้เกิดกระแสสูงต่อต้านนายณรงค์ จนไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้
ยุ่งล่ะสิ!.. เรื่องเลยบานปลายไปกันใหญ่ เพราะ “คณะนายทหารสภา รสช.”หันมาผลักดันพวกเดียวกันเอง โดยกดดันให้ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และใช้สื่อฯ รัฐกดดันประชาชนให้ยอมรับ “บิ๊กสุ” เป็นนายกฯ คนใหม่ ทั้งๆ ที่บิ๊กสุได้ประกาศเป็นสัญญาประชาคมจนเกิดกระแสสูงในครั้งนั้นว่า “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง” อีกทั้งบิ๊กสุก็ได้ประกาศยืนยันไว้แล้วว่า “จะไม่ลงเลือกตั้ง!” และ “ผมพอแล้ว จะไม่รับตำแหน่งใดๆ แล้ว!”
อ้าว! งั้นการกระทำของ “กลุ่มทหารใหญ่ในสภา รสช.” ก็ทำให้ “บิ๊กสุตระบัดสัตย์น่ะสิ”.. จริงไหม? แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวบิ๊กสุจะตระบัดสัตย์กับประชาชนหรือเปล่า? ถ้าบิ๊กสุตระบัดสัตย์ แนวโน้มการเมืองไทยก็คง “ยุ่งตายห่าแน่ๆ”!
สถานการณ์แหลมคมในห้วงนั้น คณะนายทหาร รสช. เห็นตรงกันว่า ต้องขอให้อดีตนายกฯ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ กลับไทยมาช่วยบ้านเมืองที่กำลังวิกฤติ จึงมี “นายทหาร รสช. คนหนึ่ง” โทรข้ามประเทศไปขอให้น้าชาติกลับไทย รวมทั้งพี่โต้งด้วย ทำให้ผมได้เจอะเจอทั้งพี่โต้งกับอดีตนายกฯน้าชาติอีกครั้งหนึ่ง จนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยมากกว่าเดิม เพราะพี่โต้งให้รับผิดชอบกองเลขาอดีตนายกฯ น้าชาตินั่นเอง
เวลานั้นประชาชนจำนวนมากมายกับ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และสื่อมวลชนไทยส่วนใหญ่ ร่วมกันเรียกร้องทุกหย่อมหญ้าว่า “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง”! รวมถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของสื่อมวลชนกลุ่ม “ผู้จัดการ” ก็เดินหน้าชูธง “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง”
แต่ “กลุ่มทหาร รสช.”ไม่ฟัง ไม่สนเสียงติงเตือน และเสียงเรียกร้องของภาคประชาชนแม้แต่น้อย ด้วยหลงเชื่อว่า คุมอำนาจรัฐและมีกองทัพอยู่ในกำมือ จึงเชื่อมั่นว่า “จะทำอะไรก็ได้ตามใจพวกกู” ดังนั้น “กลุ่มทหาร รสช.”จึ งดันทุรังยืนยันนั่งยันนอนยันจะเอา บิ๊กสุ สุจินดา คราประยูร เป็นนายกฯ คนต่อไปให้ได้!!!
“กลุ่มเผด็จการทหารสภา รสช.” ไม่สำเหนียกถึงพลังประชาชน เสมือน“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”
และแล้วการเมืองไทยก็เกิด “ระเบิดอย่างรุนแรง” ขึ้นทันที เมื่อ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ประกาศยอมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง และบิ๊กสุยังยืนกรานอีกว่า “ไม่ลงสมัครเลือกตั้งแน่นอน” แม้จะมี ส.ส. พรรคพลังธรรม บางคนบางเขต พร้อมจะลาออก เพื่อเปิดทางให้บิ๊กสุลงสมัครเป็น ส.ส. เพื่อจะได้เป็น “นายกฯ มาจากเลือกตั้ง” ซึ่งตรงกับความต้องการของประชาชนเป๊ะเลย
แต่ บิ๊กสุ กับ ทหารใหญ่ รสช. ยังระเริงหลงในอำนาจและยังดูแคลนพลังของภาคประชาชนที่นำโดย พล.ต. จำลอง กับ สนธิ นับเป็นการคิด “ผิดอย่างมหันต์”!!!
ดังนั้น การชุมนุมต่อต้านขับไล่ “รัฐบาลเผด็จการตระบัดสัตย์สุจินดา” จึงเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน ปี 2535 ขณะที่บิ๊กสุได้อ้างอย่างหน้าด้านๆ ว่า การตระบัดสัตย์ของ “บิ๊กสุ” ในครั้งนั้น เป็นการ “เสียสัตย์เพื่อชาติ”! แต่ประชาชนทุกหมู่เหล่าล้วนรู้ว่า “คณะ รสช.ต้องการอำนาจรัฐ” มิใช่การ “ทำเพื่อประโยชน์ชาติ” แต่อย่างใด!
นั่นจึงทำให้การชุมนุมต่อต้าน “รัฐบาลเผด็จการ รสช.” ขยายตัวอย่างกว้างขวาง เป็นการชุมนุมใหญ่โตของ “ชนชั้นกลาง” หรือ “ม็อบโทรมือถือ” ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วชนิดที่ “เผด็จการ รสช.” คาดไม่ถึง จนคิดสั้นๆ ว่า “ต้องจัดการกับแกนนำบางคนทันที” ด้วยแผนเด็ดขาดดังนี้
หนึ่ง-สลายการชุมนุมโดยด่วน ด้วยการ “จับ” พล.ต. จำลอง ศรีเมือง กับพวกทันที! สอง-สื่อมวลชนอาวุโสคนหนึ่งได้เสนอต่อ “แกนนำทหารใน รสช.” ให้สังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล!
นี่เป็นครั้งแรกที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” หนึ่งในแกนนำต่อต้านเผด็จการทหาร.. ถูกมุ่งคร่าชีวิต โดย “ทหารใหญ่ รสช.บางคน”!!!