หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
ถึงตอนนี้ใครต่อใครก็เชื่อว่า พรรคการเมืองของฝ่ายอนุรักษนิยมแท้ๆนั้น กำลังล่มสลายไปหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่สร้างขึ้นมาโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงๆภาพของความพ่ายแพ้ก็ปรากฏชัดมาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานั่นแหละ
ชัยชนะของพรรคก้าวไกลก่อนจะมาเป็นพรรคประชาชนนั้นมันท้าทายสถาบันหลักของสังคมไทยที่สร้างความสั่นไหวสั่นสะเทือนว่า อนาคตของการเปลี่ยนแปลงกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว และดูเหมือนจะรวดเร็วและรุนแรงเสียด้วย แถมพรรคนี้ยังเปิดตัวอย่างท้าทายสถาบันกษัตริย์ด้วยการสนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่ทะลุทะลวงเพดานของสังคมไทยอย่าไม่เคยมีมาก่อน และนักการเมืองพรรคนี้ก็แสดงตัวอย่างเปิดเผยในการช่วยเหลือนักโทษที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 อย่างท้าทาย
แม้ว่าจะชนะเลือกตั้งและถูกพรรคการเมืองบางพรรคประกาศว่า หากยุติการเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างมาตรา 112 จะยกมือให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคนี้ก็ยืนกรานอย่างแข็งกร้าวที่จะยืนหยัดจุดยืนที่ท้าท้ายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐต่อไป
ชัยชนะของพรรคก้าวไกลบีบทางเลือกของสถาบันหลักและอำนาจที่ในสังคมไทยไม่มีทางเลือกไปกว่าการหันไปจับมือกับทักษิณ เพื่อต้านทานความร้อนแรงของพรรคก้าวไกล แลกกับการกลับบ้านอย่างเท่ๆ ของทักษิณ แม้ศาลจะตัดสินให้เขาจำคุกรวมกัน 8 ปี แต่ก็ได้รับพระกรุณาพระราชทานอภัยลดโทษให้เหลือเพียง 1 ปี มีการกล่าวกันว่าในความคิดของทักษิณนั้นเขาเชื่อว่าตัวเองจะได้รับพระราชทานอภัยโทษทั้งหมด
ดังนั้นโทษที่เหลือ 1 ปีของทักษิณนั้นนำมาสู่ความยุ่งยากตามมาจนถึงวันนี้ เพียงเพราะทักษิณไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว และเนรมิตให้ตัวเองกลายเป็นคนป่วยไปนอนที่ห้องพิเศษเลิศหรูบนชั้น 24 ของโรงพยาบาลตำรวจ นานถึง 180 วันจนได้รับการพักโทษให้กลับไปอยู่บ้าน
ทักษิณถูกโจมตีจากฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งพรรคเพื่อไทยเองเคยประกาศจุดยืนว่าอยู่ในฝั่งนี้ว่า ข้ามขั้วตระบัดสัตย์ดีลกับปิศาจ ทรยศต่อประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐจากฝ่ายอนุรักษนิยมที่ครองอำนาจมานานเพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยที่ชนะเลือกตั้งอย่างท้วมท้นทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจับมือกัน เพียงแต่รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายอนุรักษนิยมและคณะรัฐประหารร่างเอาไว้นั้นผูกปมให้ส.ว.ยังมีอำนาจร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ทำให้ต้องการเสียงมากกว่า 375 เสียงของทั้งสองสภา
จริงๆ ก็มีส.ว.จำนวนหนึ่งประกาศว่าจะยกมือให้หากไม่ยุ่งเกี่ยวกับมาตรา 112 เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทยที่ประกาศเช่นนั้นเช่นเดียวกัน แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงจุดยืนของตัวเอง จนกระทั่งถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคในเวลาต่อมา
เมื่อศาลวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกร้องคือพรรคก้าวไกลที่เสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันมีเนื้อหาเป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งโดยการใช้ประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อหวังผลคะแนนเสียงและชนะการเลือกตั้ง เป็นการมุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน ผู้ถูกร้องมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้อ่อนแอลง อันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด
จริงๆ ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยก็เล่นบทร่วมทุกข์ร่วมสุขจับมือกับพรรคก้าวไกลจนถึงที่สุด การกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์หรือดีลกับปีศาจก็ไม่ค่อยจะยุติธรรมนัก เพียงแต่พรรคก้าวไกลไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนพิธาได้จึงชวดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าลึกๆ แล้วทักษิณและพรรคเพื่อไทยก็รู้อยู่แล้วว่า พรรคก้าวไกลไม่มีวันเดินไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ และก็เป็นความจริง จึงมีความชอบธรรมที่พรรคอันดับสองอย่างพรรคเพื่อไทยจะเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยและทักษิณก็รู้ว่า จุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลนั้นยากที่จะได้รับการสนับสนุนให้เข้าสู่อำนาจรัฐจึงหันไปจับมือกับพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยมหรือขั้วอำนาจเก่าที่ร่วมรัฐบาลมากับ 3 ป. ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่านั่นเป็นดีลที่จะนำตัวทักษิณกลับมาบ้านอยู่แล้ว และในที่สุดก็เป็นไปตามคาดเมื่อส.ว.สายพล.อ.ประยุทธ์ยกมือให้กับเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับการกลับมาของทักษิณในวันเดียวกัน
นอกจากส.ว.สายพล.อ.ประยุทธ์จะยกมือสนับสนุนเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว คนที่เดินเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณก็คือพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีนั่นเอง
แน่นอน ไม่มีทางออกอื่นสำหรับฝ่ายอนุรักษนิยมในการรับมือกับพรรคก้าวไกลนอกจากการจับมือกับทักษิณ เพราะพรรคของทักษิณยังมีมวลชนมากพอที่จะจับมือกันได้ ตราบที่พรรคส้มจะไม่ชนะอย่างถล่มทลายได้เสียงข้างมากพรรคเดียว โอกาสที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลก็ไม่มี แม้ว่าจะชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ก็ตาม เพราะทุกพรรคก็จะจับมือกันสกัดไม่ให้พรรคส้มมีอำนาจ เพราะอันตรายและท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐมากเกินไป
ความจริงรัฐบาลเศรษฐาน่าจะไปได้ดี เขามีความพยายามและมีความมุ่งมั่นให้เห็น แต่ทักษิณต้องการตอบแทนทนายถุงขนมของเขาจึงผลักดันให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีจนทำให้เศรษฐาต้องตกเก้าอี้ในที่สุด
ทักษิณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผลักดันให้ลูกสาวของตัวเองซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์อะไรมาก่อนในชีวิตนอกจากการฝึกงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านแมคโดนัลด์ในช่วงที่ยังเป็นนักเรียนจากนั้นเธอก็เข้ามหาวิทยาลัยด้วยข้อครหาว่ามีข้อสอบรั่วด้วยผลสอบที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ในการสอบครั้งที่สอง เมื่อเรียนจบเธอไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษกลับมามีสามีและมีลูกสองคนคนเล็กท้องและคลอดในระหว่างที่เธอหาเสียง
ดูเหมือนคุณสมบัติเดียวที่อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธารมีก็คือ เป็นลูกสาวของทักษิณเท่านั้นเอง
การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของอุ๊งอิ๊งค์ก็ถือเป็นการสืบทอดราชวงศ์การเมืองเช่นเดียวกับที่ฮุน มาเนตสืบทอดจากอุนเซน และสองตระกูลมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งไปมาหาสู่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด และฮุนเซนเคยถึงกับตั้งทักษิณที่หลบหนีออกนอกประเทศเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจมาก่อน จนมาถึงเหตุการณ์คลิปรั่วที่อุ๊งอิ๊งค์พูดกับศัตรูของแผ่นดินว่าแม่ทัพของตัวเองเป็นฝ่ายตรงข้าม และฮุนเซนอยากจะได้อะไรก็ให้บอกมานั่นเองที่ทำให้สายสัมพันธ์ของสองตระกูลสะบั้นลง และฮุนเซนอาจจะกุมความลับอะไรที่จะแฉออกมาอีก
คนไทยจำนวนมากรับไม่ได้กับพฤติกรรมของอุ๊งอิ๊งค์ แม้หลังจากนั้นเธอจะพยายามแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวต่อฝ่ายเขมร ฝ่ายอนุรักษนิยมจำนวนมากต้องการอย่างน้อยให้พรรคที่ตัวเองเคยเลือกเลิกสนับสนุนอุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเปลี่ยนตัวคนอื่นที่มีคุณสมบัติขึ้นมาแทน เพราะรู้ดีว่า หากยุบสภาตอนนี้กระแสของพรรคประชาชนก็อาจจะนำมาสู่ชัยชนะที่คาดไม่ถึง แม้ลึกๆส่วนตัวผมจะเชื่อว่า พวกเขายังไม่อาจชนะเลือกตั้งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ก็ตาม แต่เชื่อว่าหลายคนก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะเสนอให้ยุบสภา
คนจำนวนมากคาดหวังว่าพรรคของฝ่ายอนุรักษนิยมเช่นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคที่อ้างว่ามาจากดีเอ็นเอของลุงตู่อย่างรวมไทยสร้างชาติจะเลิกสนับสนุนอุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ไม่เหนือความคาดหมายสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนี้ เพราะแม้จะขอเสียงโหวตจากสมาชิกจนได้เสียงข้างมาก 19-7 ให้ร่วมรัฐบาลต่อ เขาก็รู้ว่าแกนนำของพรรคเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกับทักษิณมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังดีที่พรรคประชาธิปัตย์ทำอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาว่ามติพรรคออกมาเช่นนั้น
พรรคที่ฝ่ายอนุรักษนิยมผิดหวังพอกันก็คือพรรคชาติไทย เพราะก่อนพรรคจะมีมติคุณกัญจนา ศิลปอาชา โพสต์เหมือนมั่นใจว่าจุดยืนของน้องชายวราวุธ น่าจะตัดสินใจที่ตรงกับความรู้สึกของประชาชน แต่แล้วด้วยมนต์เสน่ห์แห่งอำนาจวาสนาก็ทำให้พรรคชาติไทยเลือกที่จะสนับสนุนอุ๊งอิ๊งค์ต่อไป
แต่พรรคที่ทำลับๆ ล่อๆ ก็คือพรรครวมไทยสร้างชาติดีเอ็นเอของลุงตู่ อ้างว่าจะเสียมารยาทถ้าจะเปิดเผยมติของพรรคขอนำไปแจ้งกับอุ๊งอิ๊งค์ก่อน แล้วมีข่าวปล่อยออกมาว่า พรรคจะเสนอให้เพื่อไทยเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีถ้ายังเป็นอุ๊งอิ๊งค์พรรคจะถอนตัว แม้ว่าฝั่งของคุณพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาคจะเหลือแค่ 18 คน ก็ทำให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอ เชื่อว่าฝ่ายอนุรักษนิยมก็เชียร์กันใหญ่ แต่สุดท้ายไม่มีอะไรในกอไผ่เป็นเพียงการต่อรองเพื่อรักษากระทรวงพลังงานเอาไว้เท่านั้นเอง และไปแถลงจับมือสนับสนุนอุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปเมื่อได้ในสิ่งที่หวัง
คนที่ยังพอมีศรัทธาในพรรคดีเอ็นเอของลุงตู่อยู่ก็จะพยายามบอกว่า ถ้าคุณพีระพันธ์ออกมากฎหมายที่จะแก้โครงสร้างพลังงานเพื่อสู้กับนายทุนจะไม่สำเร็จ เพื่อสนับสนุนว่านี่เป็นเหตุผลที่พรรคของลุงตู่ยังต้องอยู่ แต่คนจำนวนไม่น้อยและน่าจะมากกว่าด้วยซ้ำพากันผิดหวังอย่างมากก็การตัดสินใจครั้งนี้
เมื่ออำนาจของทักษิณกำลังล่มสลายถึงตอนนี้จึงยังมองไม่ออกเลยว่า เลือกตั้งครั้งหน้าฝ่ายอนุรักษนิยมจะเลือกพรรคไหน และดูเหมือนว่า อนาคตของฝ่ายอนุรักษนิยมจะจบลงแล้ว ในขณะที่พรรคประชาชนแทบจะไม่พูดถึงความท้าทายในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์อีกเลยซึ่งพวกเขาน่าจะรู้ว่านั่นเป็นขวากหนามสำคัญที่จะทำให้พวกเขาไม่มีวันได้อำนาจรัฐหากยังมีจุดยืนดังกล่าว น่าสนใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะนำพาชะตากรรมของประเทศไทยไปทางไหน
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan