ก่อนเช้าตรู่วันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 05.45 น. เสียงปืนจากการปะทะกันของไทยและเขมรดังขึ้นที่บริเวณช่องบก เมื่อทหารไทยเห็นว่า ทหารเขมรเคลื่อนไหวเข้าไปในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทหารเขมรเสียชีวิตหนึ่งคน ก่อนที่ทหารเขมรจะล่าถอยไปตามข้อตกลงและปรับสภาพพื้นที่ให้กลับมาเป็นปกติ นั่นเป็นปฐมเหตุแห่งความขัดแย้งระหว่างสองชาติที่มีพรหมแดนติดต่อกัน
การตกลงปักปันเขตแดนยากจะจบลงได้เมื่อต่างฝ่ายต่างถือแผนที่กันคนละใบที่มีมาตราส่วนต่างกัน ไทยยึดหลักแผนที่ที่เป็นสากลที่เขายึดถือกันด้วยมาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ในขณะที่เขมรยึดแผนที่โบราณในยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าในมาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ซึ่งไม่มีวันที่ทำให้ทั้งสองชาติจะหาข้อตกลงร่วมกันได้ แม้จะมี MOU 2543 ที่ทำร่วมกันไว้ก็ไม่ต่างจากเศษกระดาษที่ไร้ค่า
จากวันนั้นจนถึงวันนี้กองทัพไทยรู้ว่า เขมรสั่งเคลื่อนพลมาประชิดชายแดน และสั่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ เหมือนพร้อมจะก่อสงคราม แต่กองทัพไทยไม่ได้ตั้งอยู่ในความประมาท แม้จะมีอานุภาพของกองทัพที่เหนือกว่าเขมรมากก็ได้สั่งกองทัพเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
ข้อเสนอตอนแรกของกองทัพนั้นก็คือ เสนอให้ปิดด่านบริเวณชายแดนที่เป็นจุดล่อแหลม แต่ตอนแรกกลับไม่ได้รับการสนองตอบจากรัฐบาล จนกระทั่งเมื่อกองทัพเปิดประชุมหารือกันโดยไม่มีฝ่ายรัฐบาล จนมีคำสั่งให้ปิดเปิดด่านเป็นบางเวลา และห้ามนักพนันที่ต้องการเดินทางไปเล่นพนันข้ามไป นั่นเป็นจุดที่ทำให้เหมือนปลายดาบจี้เข้าสู่จุดดวงใจของเขมร และตอบโต้ด้วยการปิดด่านเพื่อไม่ให้สินค้าไทยเข้าไปฝั่งเขมร
ในขณะที่ไฟของความขัดแย้งเริ่มจะตึงเครียด คลิปเสียงของอังเคิลฮุนเซนถูกปล่อยออกมา เสียงในคลิปถูกยอมรับต่อมาว่าเป็นการสนทนาของแพทองธาร นายกรัฐมนตรีของไทยกับฮุนเซนผ่านล่ามที่แพทองธารเรียกว่าพี่ฮวด แม้จะมีผู้เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ล่ามพยายามแปลคำพูดที่รุนแรงของฮุนเซนให้ดูนุ่มนวลลง แต่คำพูดของแพทองธารที่ทำให้คนทั้งสังคมไทยตกใจและรับไม่ได้ในท่ามกลางความขัดแย้งของสองชาติ และเสียงที่สนทนานั้นเป็นแม่ทัพของฝ่ายอริราชศัตรูก็คือ การกล่าวหาว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ปกปักพิทักษ์อธิปไตยของชาตินั้น คือ ฝ่ายตรงข้าม พร้อมกับยื่นข้อเสนอว่า ถ้าต้องการอะไรให้บอกมาจะจัดการให้
คำถามว่าถ้าคลิปนี้ไม่ถูกเปิดเผยออกมา จะส่งผลอย่างไรกับอธิปไตยของชาติ และแพทองธารจะตอบสนองข้อเรียกร้องของฮุนเซนอย่างไรเพื่อสร้างความพอใจให้กับอังเคิลที่เธอนับถือเหมือนกับญาติสนิท
แต่เมื่อคลิปรั่วและสร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยที่ไปตำหนิแม่ทัพของตัวเองกับอริราชศัตรูว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม แพทองธารรู้ว่านั่นกำลังเกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง สิ่งที่เธอทำต่อมาก็คือ การบอกว่าขออภัยที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจ แต่ไม่ได้กล่าวคำขอโทษที่คนระดับนายกรัฐมนตรีไปกล่าวตำหนิแม่ทัพของตัวเองต่ออริราชศัตรู นอกจากบอกว่าได้ปรับความเข้าใจกับแม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว
แน่นอนเธอพยายามปรับท่าทีต่อเขมรให้แข็งกร้าวขึ้น บินไปชายแดนเพื่อพบกับแม่ทัพภาคที่ 2 เหยื่อคมปากของเธอ แน่นอนในฐานะแม่ทัพและผู้ใต้บังคับบัญชาก็คงไม่อาจแสดงความรู้สึกอะไรออกมาได้นอกจากปล่อยให้ผ่านไป และมุ่งมั่นกับการทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ
แต่คำถามสำหรับสังคมก็คือ เราควรมีคนแบบนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอีกหรือ นอกจากสิ่งที่เธอกระทำในคลิปที่หลุดออกมาแล้ว เราก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่า เธอไม่ได้มีสติปัญญาความสามารถอะไรที่จะนำพาประเทศของเราไปข้างหน้าได้เลย
อย่างไรก็ตาม อำนาจมนตราของกิเลสภายใต้การกำกับของทักษิณพ่อของเธอก็จัดสรรปันส่วนเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองที่ยังร่วมหัวจมท้ายต่อไปให้แพทองธารยังเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ ด้วยการเกลี่ยเก้าอี้ที่มีอยู่ให้ทุกฝ่ายจนเป็นที่พอใจเพราะไม่มีใครอยากที่จะเอาตัวเองไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพื่อนำนาวาที่กำลังจมนี้ให้พยุงตัวอยู่ในพายุและคลื่นของมหาสมุทรต่อไป
เรือลำนี้น่าจะแล่นต่อไปไม่นาน เพราะเสียงในคลิปของคนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มันเป็นเรื่องยากที่คนไทยจะยอมรับได้ แม้จะมีข้อแก้ตัวปั้นแต่งของบรรดานายแบกและนางแบกทั้งหลายออกมาว่าเป็นเทคนิคการเจรจาแบบข้างๆ คูๆ และเอาสีข้างเข้าถู เรื่องของเธอน่าจะถูกจัดการต่อไปด้วยกระบวนการยุติธรรมที่มีผู้แจ้งความดำเนินคดีเธอ ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงร้องต่อ ป.ป.ช.
ข้อหาที่แพทองธารถูกกล่าวหาหนักๆ ก็คือ มีคนไปแจ้งความว่าการกระทำของเธอเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญาหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรได้แก่มาตรา 119, 120, 122, 128 และ 129 โดยเห็นว่าการแอบเจรจาเรื่องชายแดนกับผู้นำต่างประเทศโดยไม่มีมติ ครม. หรือการรับรองของรัฐสภาถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและอาจเข้าข่ายเปิดเผยความลับของชาติ
ในขณะที่ประธานวุฒิสภาได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญกล่าวหาว่า แพทองธารขาดความซื่อสัตย์สุจริต : ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ซึ่งระบุว่ารัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และต้องไม่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงกระทบอธิปไตยเพราะการสนทนาในคลิปเป็นการเจรจาที่อาจบ่อนทำลายผลประโยชน์ชาติ โดยเฉพาะในประเด็นพิพาทชายแดนช่องบก
ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้องต่อ ป.ป.ช.ว่า แพทองธารขาดความซื่อสัตย์สุจริตและขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของเธอว่าขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 และ 170 เนื่องจากพฤติกรรมในคลิปเสียงที่สนทนากับฮุนเซน และอ้างว่าการสนทนาดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ชะตากรรมของแพทองธารตอนนี้จึงแขวนอยู่กับกระบวนการยุติธรรม และรอดูว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง เธอจะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
แต่ในฐานะของประชาชนชาวไทย ไม่ว่าจะมีจุดยืนและอุดมการณ์การเมืองอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคนเจนไหน สิ่งที่แพทองธารกระทำต่อชาติบ้านเมืองนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่ออธิปไตยของชาติหากคลิปนี้ไม่ถูกเปิดเผยออกมา
วันเสาร์ที่ 28 นี้ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ได้นัดชุมนุมเพื่อรวมพลังของคนไทยที่รักชาติบ้านเมืองและปกป้องการรุกล้ำอธิปไตยจากอริราชศัตรู ประชาชนคนไทยก็ควรจะออกมาแสดงพลังให้ศัตรูรู้ว่า เราจะไม่ยอมให้ประเทศต้องสูญเสียอธิปไตยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว และฝ่ายรัฐหรือตำรวจก็ควรทำหน้าที่สนับสนุนการชุมนุมให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย
ออกจากบ้านมาแสดงพลังของคนไทยให้เต็มพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ของบรรพบุรุษที่ช่วยกันปกป้องแผ่นดินของชาติมาในอดีต ในฐานะคนไทยที่มีหัวใจเดียวกัน
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan