“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ด้วยนโยบายหลายหลากที่ชาญฉลาด ของรัฐบาล นายกฯ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ทำให้เศรษฐกิจชาติไทยดีขึ้นอย่างรวดเร็วชนิดคาดไม่ถึง ประชาชนไทยก็ล้วนพึงพอใจจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น เงินหมุนเวียนสะพัดทั่วประเทศ พร้อมๆ กับการรุดหน้าของนโยบาย“แปรสนามรบเป็นสนามการค้า”
“พีรพล” หนึ่งใน “แกนนำ 14 ตุลา 16” เป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันนโยบาย “แปรสนามรบเป็นสนามการค้า” เขาเป็นผู้ประสานงานนำ รมช.ต่างประเทศเวียดนาม “นายเหงียน โกธัค” ให้มาพูดคุยแลกเปลี่ยน “ข้อมูล” กับทั้ง “พี่โต้ง” และ “น้าชาติ” ในมื้อเช้าแรกหลัง “น้าชาติ” ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 17”
“พีรพล” สามารถผลักดันให้หลายโครงการก้าวหน้าไปอย่างคาดไม่ถึง พีรพลเองก็พัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดด สามารถพูดภาษาเวียดนามได้อย่างคล่องแคล่ว แถมขยายเครือข่ายกับคนในเวียดนามทั้งเอกชนกับภาครัฐอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง เช่น เขาสนิทกับผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์เวียดนาม ซึ่งเป็นคนเวียดนามที่เคยอาศัยอยู่ในจังหวัดสกลนคร
ผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์คนนี้ เป็นหนึ่งในชาวเวียดนามจากหลายจังหวัดในภาคอีสานของไทย ที่เข้าร่วมขบวนการกับ “โฮจิมินห์” หรือ “ลุงโฮ” วีรบุรุษร่างเล็กผู้ยิ่งใหญ่ที่ชาวเวียดนามทั้งชาติเคารพยกย่องทั้งอดีตจวบจนปัจจุบัน ทำการปฏิวัติปลดปล่อยชาติเวียดนามจนสำเร็จ สามารถขับไล่กองทัพอเมริกาที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ให้หนีเตลิดอย่างไม่เป็นท่า เผ่นออกจากแผ่นดินอินโดจีนทั้งเวียดนาม กัมพูชา และลาว
“พีรพล” ได้ผลักดันให้เวียดนามเริ่มลงทุนด้านระบบโทรศัพท์ ด้วยการซื้อโทรศัพท์ระบบ “อะนาล็อก”ของโรงแรมอิมพีเรียล บนถนนวิทยุของ อากร ฮุนตระกูล นอกจากนี้พีรพลยังให้ผมนำ เครื่องแฟ็กซ์ อุปกรณ์สื่อสารทันสมัยชนิดหนึ่งในยุคนั้น นำไปให้ ผอ.องค์การโทรศัพท์เวียดนาม ได้ทดลองใช้
“พีรพล” เพื่อนผมได้พลิกบทบาทจากผู้บริหารโรงพิมพ์ กลายเป็นนักธุรกิจข้ามชาติไปแล้ว..
ความสำเร็จอันน่าชื่นชมของพีรพลอีกเรื่องหนึ่ง คือการชักนำบริษัทปูนซีเมนต์อันดับหนึ่งของโลก เข้าไปลงทุนในเวียดนามจนสำเร็จ ทั้งยังนำบริษัทปูนระดับโลกแห่งนั้น เข้ามาซื้อกิจการปูนซีเมนต์แห่งหนึ่งในไทยอีกด้วย นอกจากนั้น พีรพลยังโน้มน้าวให้ บริษัทสวิสแห่งนั้น ถวายเงิน 50-60 ล้านบาทสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์รักชาติชื่อดังเรื่อง “สุริโยทัย” โดยผมได้ประสานให้ รองนายกฯ กร ทัพพะรังสี นำ ชาวสวิสและคนไทยคณะนี้ เข้าเฝ้าเพื่อนำเงินบริจาคทูนเกล้าถวายแด่ สมเด็จพระราชินี ร.9 และส่งต่อให้ ท่านมุ้ย ณ พระบรมมหาราชวัง
โอกาสในการทำธุรกิจในเวียดนามยังมีให้ไขว่คว้า พีรพลนำบริษัทต่างชาติในไทยบางแห่งไปลงทุนด้านพลังงาน รวมทั้งนำนักธุรกิจไทยที่ “น้าชาติ-พี่โต้ง”และผมรู้จักมักคุ้น ไปลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ที่ไฮฟอง อีกทั้งญาติ “น้าชาติ” ซึ่งเป็นผู้จัดการใหญ่บริษัทผลิตก๊าซกับน้ำมันของชาติตะวันตก ไปลงทุนในพื้นที่ทางทะเลของเวียดนามอีกด้วย
เรียกว่าธุรกิจทั้งไทย-เทศ ได้พาเหรดไปลงทุนที่เวียดนามเป็นทิวแถว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากผลพวงของนโยบาย “แปรสนามรบเป็นสนามการค้า” ของ “น้าชาติ” กับ “พี่โต้ง” ครับ
ทว่า.. แม้ “นายกฯ พล.อ. ชาติชาย” จะทำให้เศรษฐกิจชาติเติบโตกับเงินในกระเป๋าของคนไทยงอกเงยขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สถานการณ์ทางการเมืองรัฐบาล “น้าชาติ” ในห้วงนั้นกลับตกต่ำลง เพราะรัฐมนตรีบางคนมีพฤติกรรมคอร์รัปชั่นชาติหนักขึ้น ซ้ำร้าย! รัฐมนตรีบางคนยังไปขยายความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ด้วยการไปเปิดศึกโต้เถียงโดยไม่จำเป็นกับ “แกนนำฝ่ายทหาร” อยู่เนืองๆ อีกด้วย
ผมกับพีรพลและเพื่อนๆ “กลุ่ม 14 ตุลา 16” บางคน ได้ประเมินกันว่า เหตุร้ายนี้จะต้องทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน แถมที่ปรึกษาบางคนยังไปเสนอให้ “นายกฯ น้าชาติ” ลดบทบาทแกนนำฝ่ายทหารบางคนลงอีกด้วย ผมกับพีรพลและเพื่อนๆ ไม่เห็นด้วย เพราะนั่นเป็นการ “สุมไม้เติมใส่กองไฟให้ยิ่งลุกโชน ”เพิ่มขึ้น ให้กับ “รัฐบาลชาติชาย” สร้างสถานการณ์เลวร้ายให้บานปลายไม่หยุด..
ผมจึงแอบไปคุยกับ “พี่โต้ง” จนเห็นตรงกันว่า ต้อง “ยุติบทบาทใครบางคน” ในรัฐบาล “น้าชาติ” โดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้ความขัดแย้งขยายตัว “พี่โต้ง”ขอให้ “กลุ่มเรา” ช่วยประสานงานกับนักข่าวบางค่ายบางคน เพื่อพบปะพูดคุยกันที่ “บ้านพิษณุโลก”
ทว่า.. สถานการณ์เวลานั้นดู “ช้าเกินการณ์ ยากเกินแก้” ไปแล้ว!
ด้วย “ฝ่ายทหาร” ได้กระพือ “ข่าวเท็จ” ผ่านทั้งสื่อช่องทหารและสื่อฯ รัฐกับสื่อฯ เอกชนบางแห่ง ใส่ร้าย “อาจารย์ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” ว่าพัวพันกับคณะบุคคลที่จะ “คิดร้ายต่อสถาบัน” ซึ่งเป็นเรื่องที่ “ฝ่ายทหารโกหกประชาชน” อย่างน่ารังเกียจ เพราะ “ทหารกลุ่มนั้น” รู้ดีว่า “ท่านผู้หญิงบุญเรือน” เป็นพระญาติฝ่ายพระชนนีในสมเด็จย่า” ดังนั้นเรื่องพี่โต้งจะคิดร้ายต่อสถาบัน จึงเป็นไปไม่ได้!!! เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ “ทหารกลุ่มหนึ่ง” ปล่อยข่าวโกหกอย่างซึ่งๆ หน้า..
เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งบอกให้ฝ่ายการเมืองรู้ทันทีว่า “ทหารกลุ่มที่มีอำนาจ”กำลังใช้เรื่องโกหกใส่ร้าย อ.ไกรศักดิ์ เพื่อเป็นหนึ่งในข้ออ้างในการทำรัฐประหารรัฐบาล นายกฯ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ
คำถามจึงมาอยู่ที่ฝ่ายการเมือง “จะสู้ไหม?” เพราะห้วงนั้นได้มี “คนกลุ่มใหญ่ ทั้งทหาร และตำรวจ พร้อมอาวุธ” รอแค่ “น้าชาติ” ประกาศ “สู้!” เท่านั้น
ถ้าน้าชาติสู้! เหตุการณ์ “ไทยฆ่าไทย” ก็ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน! ส่วนเกิดแล้ว “ฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะ” .. ไม่มีใครรู้ว่ะ!
ทว่า! “น้าชาติ” ดันพูดว่า “อย่า! โต้ง! พ่อจะไม่ทำให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง!”
เหตุร้ายครั้งนั้นจึงไม่เกิดขึ้น..
23 กุมภาพันธ์ 2534 “กลุ่มทหารหลงอำนาจ”ได้ทำรัฐประหาร “รัฐบาลนายกฯ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ” นำโดย “บิ๊กจ๊อด” พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ปิดฉากรัฐบาล “น้าชาติ” เป็นนายกฯ ทั้งๆ ที่ “นายกฯ ชาติชาย” ทำให้เศรษฐกิจชาติดีขึ้นจนประชาชนกินดีอยู่ดีอย่างผิดหูผิดตา แต่กลับถูก “ทหารหลงอำนาจกลุ่มหนึ่ง” โค่นลง โดยอ้างแค่ “ตัวเอง” กับ “พรรคพวกบางคน” กำลังจะถูกโยกย้ายจาก “ข่าวลือ”!
“น้าชาติ” กับ “บิ๊กซัน” พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ถูกจับตัวบนเครื่องบิน ขณะกำลังเตรียมเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้าเฝ้าตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 โดย “น้าชาติ” เชื่อว่า ทำตามพระบรมราชโองการของในหลวง ร.9 ที่โปรดเกล้าฯ ให้นายกรัฐมนตรีชาติชายเข้าเฝ้า ทหารของพระราชาต้องไม่กล้าทำอะไรที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน!
ทว่า พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ “คิดผิดมหันต์!” เพราะสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าผิดและเทิดไว้เหนือเกล้า กลับไร้ความหมายกับทหารกลุ่มนี้ พวกเขาคิดถึงแต่อำนาจตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น!
หลังถูกรัฐประหารไม่นาน “น้าชาติ” ก็ถูกปล่อยตัวและขอร้องให้เดินทางไปอยู่นอกประเทศ ขณะที่มีคนพา “พี่โต้ง” หลบออกนอกประเทศได้อย่างปลอดภัย นานหลายปีกว่าที่ สองพ่อลูกคู่นี้ จะกลับสู่สนามการเมืองไทย โดย “น้าชาติ” เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา แทนที่จะกลับไปอยู่พรรคชาติไทย
ปี 2534 เศรษฐกิจไทยกำลังรุ่งโรจน์ แต่ปี 2568 เศรษฐกิจไทยกลับร่วงหนัก แม้เวลาได้ผ่านมา 34 ปี ผมหวนนึกถึงห้วงเวลาที่ชาติไทยสุ่มเสี่ยงจะเกิดการนองเลือด! ผมจึงต้องขอคารวะจิตใจที่รักชาติของ “น้าชาติ” กับ “พี่โต้ง” สองพ่อลูกตระกูลชุณหะวัณ ที่ยึดประโยชน์ของส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตัว ที่ได้ระงับเหตุการณ์ “ไทยฆ่าไทย” ในครั้งนั้น!!!
ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อเทียบกับนายทักษิณผู้คลั่งอำนาจ ปลุกระดมหลอกมวลชนคนเสื้อแดงอย่างบ้าคลั่ง ให้เผาบ้านเผาเมืองก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หวังเพียงแค่ยึดครองอำนาจเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเองกับครอบครัว ทักษิณในอดีต-ปัจจุบันและอนาคต ยังคงเป็นผีเปรตทำลายชาติไม่จบสิ้น..