ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องแวะไปเยี่ยม “ทรัมป์บ้า” ผู้นำอเมริกาไว้สักหน่อยแล้วล่ะทั่น!!! เพราะช่วงวันเสาร์ที่จะถึงนี้ (14 มิ.ย.) เห็นว่าตรงกับ “วันเกิด” ประธานาธิบดีผู้นี้พอดิบพอดี คือครบอายุ 79 ปีย่างเข้าสู่ปีที่ 80 นับจากนี้เป็นต้นไป แต่ด้วยเหตุที่วันดังกล่าวมันดันมาตรงกับ “วันครบรอบ 250 ปี” ของกองทัพสหรัฐฯ แบบเป๊ะเป๊ะเป๊ะ ยังไงไม่ทราบได้ ด้วยเหตุนี้...จะแค่จุดเทียนไขไว้บนเค้ก แล้วร้องเพลงงึมๆ งัมๆ ประเภท “เข่าจะเกิดชิงเค้าเกิด...เข่าจะเกิดชิงเค้าเกิด” อะไรทำนองนั้น มันน่าจะเล็ก น่าจะกระจอกเกินไป สำหรับผู้ที่เคยโพสต์รูปเองสวมสูทสีดำเหมือนพระเอกหนังฮอลลีวูด พร้อมคำบรรยายทำนองว่า “พระเจ้าส่งข้ามาเกิด” เพื่อปฏิบัติการอย่างหนึ่ง-อย่างใดเป็นการเฉพาะ การรวบหัว-รวบหาง ให้วันนี้...กลายเป็น “วันสวนสนาม” แสดงแสนยานุภาพของกองทัพอเมริกันควบคู่ไปด้วย จึงเป็นอะไรที่ “เล็กๆ มิต้าไม่-ใหญ่ๆ มิต้าทำ” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
คือเห็นว่า...ถึงกับขนเอาขบวนรถถัง ยานยนต์หุ้มเกราะ ปืนใหญ่อัตตาจร และอาวุธชนิดอะไรต่อมิอะไร ฯลฯ ขนใส่ขบวนรถไฟ เพื่อเข้ามาร่วมการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพอเมริกันในวันนี้ ร่วมกับทหารอเมริกัน 6,000 นาย อย่างชนิดเป็นที่เอิกเกริกเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าบรรดาประธานาธิบดีอเมริกันรายก่อนๆ จะไม่ได้ถึงกับ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ถึงขั้นนี้ เพราะการที่ฐานทัพอเมริกันจำนวนถึงกว่า 750 แห่ง กระจัดกระจายอยู่ในทั่วทุกซีกโลก หรือกว่า 80 ประเทศไปแล้วเห็นจะได้ ก็ถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงความใหญ่ ความห้าว ความกร่าง อย่างชนิดแทบไม่ต้องเสียเวลาบรรยายอะไรกันมากมายยิ่งต้องเสียเงิน-เสียทอง เสียเงินงบประมาณเพื่อจัดแสดงความยิ่งใหญ่คราวนี้กันถึง 25-45 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย ไอ้ที่เคยคิดๆ จะประหยัด ถึงขั้นต้องไล่หั่นงบประมาณส่วนอื่นๆ ต้องไล่ข้าราชการออกจากงานไม่รู้จะกี่หมื่น-กี่แสนคน เพื่อให้พอเหลือเงินดอลลาร์เอาไว้ใช้หนี้ดอกเบี้ย ที่มีปริมาณปาเข้าไปถึง 34 ล้านล้านดอลลาร์เข้าไปแล้วทุกวันนี้ ก็เลยเป็นอันย้อนแย้ง ขัดกันไป-ขัดกันมา หรือเป็นไปตาม “สไตล์” ของ “ทรัมป์บ้า” เขานั่นแหละ...
แต่นั่นก็ยังไม่ถึงกับ “บ้า...ก็...บ้าวะ” จนเกินไป เมื่อเทียบกับการตัดสินใจส่งหน่วยป้องกันประเทศ (National Guard) จำนวนถึง 2,000 คน บุกไปยังมหานคร “Los Angeles” รัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมสั่งให้กระทรวงกลาโหมขนทหารนาวิกโยธินอีก 700 นาย เข้าไปเป็นส่วนเสริม ตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน เป็นต้นมา เพื่อเอาไว้เล่นงานบรรดาอเมริกันชนที่กำลังก่อการประท้วง การสไตรค์ อันเนื่องมาจาก “ความไม่พอใจ” ต่อมาตรการปราบปรามบรรดาผู้ที่อพยพหลบหนีเข้าประเทศอเมริกาโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบรรดาพวก “Hispanic” ทั้งหลาย ที่ว่ากันว่ามีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของพลเมืองใน “Los Angeles” เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่เมื่อต้องโดนหน่วยงาน “ICC” (Immigration and Customs Enforcement)ภายใต้การสั่งการของ “ทรัมป์บ้า” ให้ไล่จับ ไล่ล้าง ไล่เช็ด ไม่ว่าตามโรงงาน ภัตตาคาร ร้านค้าขายปลีก ฯลฯ ชนิดตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะต้องลากคอเข้าคุก หรือลากคอส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิด วันละไม่ต่ำกว่า 3,000 รายเป็นอย่างน้อย มันก็เลยต้องเกิดการขัดขืน ดิ้นรน ไปจนถึงการปะทะชนิดเล่นเอาพื้นที่สำคัญๆ อย่าง “Westlake”, “Downtown LA.”, หรือ “Paramount”ฯลฯ มีสภาพไม่ต่างไปจากสงครามกลางเมือง หรือสงครามกองโจรเอาเลยถึงขั้นนั้น บรรดาอาคารร้านค้า รถรา ถูกทุบ ถูกเผา กันไปเป็นคันๆ
และอันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ “ทรัมป์บ้า” ไม่ได้คิดจะสนใจว่า“อำนาจ” ในการสั่งเคลื่อนกำลัง “The National Guard” ส่วนหนึ่งมันยังต้องขึ้นอยู่กับ “ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย” ที่เผอิญเป็นคนของพรรคเดโมแครตอย่าง “นายGavin Newsom”ไม่ใช่อำนาจโดยตรงของรัฐบาลกลางล้วนๆ โดยเฉพาะถ้าหากการก่อเหตุ ก่อการณ์ใดๆ มันยังไม่ถึงขั้น “กบฏ” ต่อประเทศทั้งประเทศอย่างตรงไป-ตรงมา อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้ประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับลิกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” เลยต้อง“ปะ-ฉะ-ดะ” กับผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียแห่งพรรคเดโมแครต แบบถึงขั้นฝ่ายหนึ่ง “ขู่ว่าจะฟ้อง” อีกฝ่าย “ขู่ว่าจะจับ” เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนบรรดาผู้ที่ไม่ได้มีฐานะ อำนาจ ระดับผู้ว่าฯ หรือบรรดาปุถุชนอเมริกันชนทั้งหลาย ที่คิดลุกฮือขึ้นประท้วง คิดฮึดๆ ฮัดๆ กับ “ทรัมป์บ้า” หรือกับกองกำลังที่ถูกส่งเข้ามาปราบ ก็ยิ่งน่าหวาดเสียว น่าสยดสยอง ยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อผู้นำอเมริกันได้มา “ขู่” ด้วยการโพสต์ข้อความไว้ใน“Truth Social Platform” ด้วยตัวเอง โดยถ้าว่ากันตามสำบัดสำนวน ตามสไตล์ของ “ทรัมป์บ้า” แล้ว คงต้องแปลคำขู่ดังกล่าวทำนองว่า... “เอ็งถุย-ข้าทุบ!!! และสัญญาว่าข้าจะทุบให้หนักกว่าครั้งใดๆ ที่เอ็งเคยโดนมา ไม่มีความอดทนเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่คิดจะเคารพใครๆ”
นี่...อันนี้นี่แหละ ที่ต้องเรียกว่าหนักกว่าท่านอดีตนายกฯ“อภิสิทธิ์” บ้านเรา ตอน “ปราบเสื้อแดง” ไม่รู้กี่ร้อย กี่พันเท่าใครอยากจะเป็นประชาธิปไตยแบบอเมริกา หรือประชาธิปไตยแบบไทยๆ คงต้องเก็บไปนั่งคิด นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน แต่ภายใต้การแสดงความห้าว ความกร่างของ “ทรัมป์บ้า” คราวนี้ มันน่าจะยิ่งทำให้การ “แบ่งขั้ว-แบ่งข้าง” ภายในสังคมอเมริกัน หรือ “การเมืองอเมริกา” น่าจะยิ่งไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้นยิ่งเข้าไปใหญ่ หรืออย่างที่ผู้ว่าแคลิฟอร์เนีย“Gavin Newsom” เขาเรียกว่า “การราดน้ำมัน...เข้าใส่กองเพลิง” อะไรทำนองนั้น คือมันน่าจะทำให้ความขัดแย้ง-แตกแยกในสังคมอเมริกัน ที่นับวันยิ่งหนักหนา-สาหัส เสียยิ่งกว่าความขัดแย้งแบบเหลืองๆ-แดงๆ-ส้มๆ ในบ้านเรายิ่งเข้าไปทุกที หรือถึงขั้นที่ใครต่อใครต่างเคยต้องออกมาทำนายทายทักถึง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ในอเมริกา มันน่าจะยิ่งมี “ความเป็นไปได้” ยิ่งเข้าไปเท่านั้น...
เพราะถ้าดูจากพวกขวาสุดกู่ สุดโต่ง ที่เป็นขาเชียร์ เป็น “ติ่งทรัมป์บ้า” ทั้งหลาย ถึงกับพยายามเหมารวมให้บรรดาพวก“Hispanic” ในนคร “Los Angeles” ให้กลายเป็นพวก “Far-Left Revolution” หรือพวกฝ่ายซ้ายที่คิดก่อการปฏิวัติอเมริกาไปเลยถึงขั้นนั้น และมักถูกเชื่อมโยงไปยังพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล อย่างพรรคเดโมแครต จนทำให้การ “ปะ-ฉะ-ดะ” คราวนี้ ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องระหว่าง “มวลชน” กับ “เจ้าหน้าที่บ้านเมือง” โดยทั่วไปเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นการปะทะระหว่าง “2 พรรคการเมืองใหญ่” ที่ไม่คิดจะลด-รา-วา-ศอก ไม่คิดจะปรองดอง สมานฉันท์ หรือกระทั่งไม่คิดจะแค่ “ซ่อนดาบในรอยยิ้ม” แบบพรรค “เผาไทย” กับพรรค “ภูมิใจใคร” ของบ้านเรา เอาเลยแม้แต่น้อย คือพร้อมที่จะคว้ามีด คว้าดาบ ออกมากระซวกกันแบบตรงไป-ตรงมา...
ยิ่งโดยอาณาบริเวณเขตพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียนั้น ไม่เพียงถือเป็น “ฐานการเมือง” ที่สำคัญเอามากๆ มีจำนวนสมาชิก“Electoral vote” ถึง 55 ที่นั่ง แต่ยังเป็นพื้นที่ที่มีความใหญ่โตทางเศรษฐกิจ ระดับถือเป็นอันดับ 5 ของโลกเมื่อคิดถึงจำนวน “GDP” หรือราวๆ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีเอาเลยถึงขั้นนั้น (ตัวเลขปี ค.ศ.2013) และทำให้บรรดาชาวแคลิฟอร์เนียจำนวนไม่น้อย เคยคิดที่จะแยกรัฐ แยกประเทศ ออกจากอเมริกามาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถึงขั้นก่อตั้งกลุ่มก้อน องค์กร อย่างที่เรียกว่า “Yes, California” ขึ้นมาเพื่อรวบรวมรายชื่อ ลายเซ็น ของใครก็ตามที่เห็นควรด้วย เพื่อจะนำไปสู่ “การลงประชามติ”อย่างเป็นทางการ ณ วันหนึ่ง-วันใด แบบที่เรียกว่า “Calexit”คล้ายๆ กับ “Brexit” ของอังกฤษที่แยกตัวเองออกมาจากสหภาพยุโรปอะไรทำนองนั้น...
โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับ “ความบ้า” ของ “ทรัมป์บ้า” ในเรื่อง “สงครามภาษี” ที่หวังจะให้ใครต่อใครต้องซานซมมา“จูบตูด” (Kiss-Ass) ผู้นำอเมริกันถึงที่ ยิ่งทำให้บรรดาชาวแคลิฟอร์เนีย แม้กระทั่งผู้ว่าการฯ “Gavin Newsom” ยิ่งแสดงอาการแข็งขืน ต่อต้าน ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ไม่ต่างไปจากรองประธานกลุ่ม “Yes, California” ที่พยายามเรียกร้องให้แยกรัฐ แยกประเทศ ออกไปจากอเมริกา อย่าง “นายMarcus Ruiz Evans” ที่ได้ฉวยจังหวะที่ “ทรัมป์บ้า” กำลัง “บ้า...ก็...บ้าวะ”ในเรื่องทำนองนี้ ออกมาโพสต์ ออกมาปลุกขวัญ ปลุกใจชาวแคลิฟอร์เนียถึงขั้นว่า... “ไม่มีใครจะล้วงเงินออกไปจากกระเป๋าชาวแคลิฟอร์เนียได้ ถ้าหากเราแยกตัวจากสหรัฐฯ ไม่มีใครที่จะบุกรุก ไม่มีใครที่จะหยุดยั้งการค้า-ขายของเราได้ มีเงินลงทุนโดยตรงจำนวนมหาศาลที่นี่ และมีข้อตกลงทางการค้าอันมากมาย ที่จะทำให้โลกจะไม่ยอมให้เศรษฐกิจแคลิฟอร์เนียต้องถูกก่อกวนโดยเด็ดขาด!!!”
นี่...เรียกว่าเอาไป-เอามาแล้ว การอาศัยความหยาบ ความถ่อย ความห้าว ความเป็นเผด็จการ หรือความเป็น “พระราชา”ฯลฯ ของ “ทรัมป์บ้า” ก็แล้วแต่จะเรียก ในการจัดการกับปัญหาภายในสังคมอเมริกัน มันไม่ถึงกับ “ง่าย” เหมือนกับการแก้ปัญหาภายนอก หรือแบบคิดจะขึ้นภาษีใครต่อใครทั่วโลก คิดยึดคลองปานามา คิดจะผนวกแคนาดา-กรีนแลนด์ หรือคิดจะเอาฉนวนกาซามาทำเป็นริเวียราแห่งตะวันออกกลาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น แต่กลับจะยิ่งทำให้การ “แบ่งขั้ว-แบ่งข้าง” การแยกออกเป็นฝ่ายขวาสุดกู่กับฝ่ายซ้ายสุดขอบในสังคมอเมริกา ยิ่งทำให้โอกาสที่ประเทศอาจถูก “ฉีกขาด” ออกไปเป็นชิ้นๆ ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเมื่อต้องเจอกับ “ปัญหาที่แก้ไขแทบไม่ได้” ไม่ว่าโดยกรรมวิธีชนิดไหนก็ตามที เช่น“ปัญหาหนี้สิน” หรือ “ปัญหาความเสื่อมของเงินดอลลาร์” ไปจนแม้แต่ “ความตกต่ำของอำนาจทางทหาร” ในยุค “สงครามสมัยใหม่” ที่มีแต่ต้องวัดตัดสินกันด้วยความก้าวหน้า-ก้าวไกลทาง “เทคโนโลยี” ฯลฯ ดังนั้น...อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่ยิ่งเป็นตัวเน้น ยิ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มแห่ง “อวสาน...อเมริกา” หรือ “America Dead Again” ยิ่งเข้าไปทุกที!!!