ก็คงต้องถือว่า...ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านค่อนข้าง “นิ่ง” อยู่พอสมควรทีเดียว!!! สำหรับรายการแก้แค้น-เอาคืน “ปฏิบัติการใยแมงมุม” ของยูเครนที่หันไปใช้กรรมวิธี “ก่อการร้าย”ถล่มรัสเซียไม่รู้กี่จุดต่อกี่จุด เมื่อช่วงต้นมิถุนายนที่ผ่านมา ลึกเข้าไปถึงดินแดนไซบีเรีย ถึงอาร์กติก ฯลฯโน่นเลย เพราะถึงแม้ระหว่างพูดคุยโทรศัพท์กับ “ทรัมป์บ้า” ผู้นำอเมริกา ว่าการตอบโต้ของรัสเซียย่อมเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา(6 มิ.ย.) ฝ่ายรัสเซียเขาก็เพียงแค่สาดจรวด สาดเครื่องบินโดรนเข้าใส่ฐานที่มั่นทางทหาร หน่วยวางแผน ศูนย์ซ่อมบำรุง คลังอาวุธ แหล่งผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ ฯลฯ ในเมืองสำคัญต่างๆ ของยูเครน 3-4 เมือง เช่น Kiev,Lviv และ Lusk ฯลฯ เป็นต้น...
คือไม่ได้ถึงกับน่าขนลุกขนพอง เหมือนอย่างที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ “นายDmitry Medvedev” ได้สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับใครต่อใครเอาไว้ก่อนหน้านั้น ด้วยคำพูดหรือด้วยข้อความที่ “โพสต์” เอาไว้สั้นๆ ว่านอกจากการแก้แค้น-เอาคืนของรัสเซียเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว ยังถึงกับเสนอแนะให้ “ถล่มใครก็ตามที่ควรถล่ม-กำจัดใครก็ตามที่ควรกำจัด” เล่นเอาบรรดาผู้ที่ให้ท้าย ผู้ที่ถือหางอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะผู้ดีอังกฤษ ที่กำลังคิดส่งโดรนไปให้ยูเครนอีก 100,000 ลำ น่าจะหนาวๆ-ร้อนๆ กันมิใช่น้อย ยิ่งเมื่อต้องจินตนาการไปถึงอาวุธร้ายๆ ที่ฝ่ายรัสเซียเขามีอยู่เพียบ ไม่ว่าประเภทจรวด “Oreshnik”ที่เชื่อๆ กันว่ายังไม่น่าจะมี “ระบบป้องกันภัยทางอากาศ” ใดๆ สามารถสกัดกั้นได้ หรือ “จรวดล้างโลก”(Doomsday Missile) อย่างจรวด “Burevestnik” ที่เข้าประจำการในกองทัพรัสเซีย มาตั้งแต่2 ปีที่แล้ว...
แต่การสาดโดรน สาดจรวด เพื่อแก้แค้น-เอาคืนต่อการก่อการร้ายของยูเครนคราวนี้...เรียกว่า น่าจะเป็นไปในแบบ “พอหอมปาก-หอมคอ” หรือถ้าว่ากันตามการเปิดเผยของนายกเทศมนตรีแห่งกรุง “Kiev” “นายVitaly Klitschko” อดีตนักมวยชื่อดังรุ่นเฮฟวีเวท นอกจากบรรดาอาคารต่างๆ ในเมืองหลวงของยูเครน จะถูกถล่มพังไปเป็นแถบๆ จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย ก็ตกราวๆ ตายแค่4 บาดเจ็บประมาณ20 รายเท่านั้นเอง “พอเหมาะ-พอสม” กับความสูญเสียของฝ่ายรัสเซีย หรืออาจน้อยกว่าไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า โดยเฉพาะถ้าคิดถึงมูลค่าเครื่องบินชนิดต่างๆ ราคานับเป็นร้อยๆ ล้านดอลลาร์ ที่ถูกฝ่ายยูเครนล้างผลาญ ทำลาย ซะจนพังพินาศยับเยิน ชนิดซ่อมได้-ซ่อมไม่ได้ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...
และการตอบโต้ที่เป็นไปในลักษณะ “พอเหมาะ-พอสม”ของรัสเซียคราวนี้...คงไม่น่าจะเป็นเพราะรัสเซียเขาเหลือ “สากกะเบือ”อยู่แค่ไม่กี่อัน ในฐานะ “ชาตินิวเคลียร์” ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ประจำการไม่ต่ำกว่า 1,500 หัวรบ แถมยังสามารถติดตั้งไว้กับจรวดประเภท “Hypersonic” ที่มีความเร็วเหนือเสียงไม่รู้กี่ Mach ต่อกี่ Mach อีกทั้งยังส่ายไป-ส่ายมาหลบหลีกเรดาร์ได้ด้วย หรือลอยเท้งเต้งอยู่บนอวกาศพร้อมที่จะโจมตีไปยัง ณ จุดหนึ่ง-จุดใด ทุกๆ พื้นที่ของทุกๆ ซีกโลก อย่างจรวด “Doomsday Missile”โดยไม่ต้องพะว้าพะวงกับ “Golden Dome”ของอเมริกาที่ยังไม่ได้เริ่มต้นประดิษฐ์คิดค้น เอาเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความ “นิ่ง” ของผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน”เช่นนี้น่าจะพอสรุปได้ไม่ยากว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ฝ่ายรัสเซียเขาน่าจะรับรู้ รับทราบ ว่า “คู่ต่อสู้ที่แท้จริง” ของรัสเซียนั้น คงไม่ใช่ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนแต่อย่างใด แต่น่าจะได้แก่บรรดาชาติตะวันตกทั้งแผง ที่รวมตัวกันอยู่ภายใต้องค์กรพันธมิตรทางทหารอย่าง “NATO”โดยมีคุณพ่ออเมริกาเป็นผู้นำ...นั่นเอง!!!
หรือนับตั้งแต่ฝ่ายรัสเซียเขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัว “รัฐมนตรีกลาโหม” จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ช่ำชอง ในด้านการทหาร อย่าง “พลเอกSergey Shoigu” ให้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญช่ำชอง ในด้านเศรษฐศาสตร์อย่าง “นายAndrey Belousov”อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจและการพัฒนาและอดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดี “ปูติน” ให้มาดำรงตำแหน่งนี้แบบเต็มก้น เต็มเก้าอี้ เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว อันนี้...ต้องถือเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นค่อนข้างชัดเจน ว่าฝ่ายรัสเซียเขาน่าจะรู้ดีว่า งานนี้...คงต้องเล่น “เกมยาวว์ว์ว์”กับฝ่ายตะวันตกทั้งแผงอยู่แล้วแน่ๆ หรือคงต้องอาศัย “ศักยภาพแห่งชาติ” อันไม่ได้มีความหมายแต่เพียงในแง่ประสิทธิภาพความแข็งแกร่งทางทหารเท่านั้น แต่ยังต้องประกอบไปด้วยความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และโดยเฉพาะความทันสมัยทางด้าน “เทคโนโลยี” อันกลายเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ หรือถือเป็นตัวชี้ขาด “สงครามสมัยใหม่” เอาเลยก็ว่าได้...
และสิ่งที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียรายนี้...ได้พูดเอาไว้ในที่ประชุมบรรดาแม่ทัพนายกอง ของรัสเซียทั้งหลายรวมทั้งประธานาธิบดีอีกด้วย เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ตามที่สื่อรัสเซียเขาได้รายงานไว้ว่า... “เรากำลังพูดถึงความมั่นใจสำหรับการเตรียมพร้อมโดยเบ็ดเสร็จ ต่อสถานการณ์ที่กำลังพัฒนาไปสู่ระยะกลาง นั่นคือความขัดแย้งทางทหารโดยตรงระหว่างรัสเซียกับ NATO ในอีกไม่เกิน10 ปีข้างหน้า”อันถือเป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นว่า...ฝ่ายรัสเซียเขาได้ “มองข้ามช็อต”ไปไกลเกินกว่าเรื่องความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่เป็นเพียง “หมาก”ตาหนึ่ง ซึ่งฝ่ายตะวันตกได้วางไว้ดักหน้า-ดักหลังรัสเซีย โดยอาศัย “ตัวตลก-ตัวแทน”อย่าง “นายVolodymyr Zelensky”เป็นแค่ “เบี้ย” ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง!!!
อีกสิ่งหนึ่ง...ที่อาจเป็นเครื่องตอกย้ำการ “มองข้ามช็อต”ของรัสเซียในลักษณะเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่สำนักข่าว “Russia Today” เขาได้นำมาเสนอเป็นรายงาน ว่าด้วยเรื่อง “What the Russia general are reading: Inside Moscow’s close-door military thinking”ไปเมื่อเร็วๆ นี้นั่นเอง หรือการนำเอาเอกสารรายงานที่เรียกว่า “The Russia Military Yearbook-2025” หรือคู่มือทางทหารปี ค.ศ.2025 ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียภายใต้รัฐมนตรีกลาโหมรายใหม่ ได้นำมาแจกจ่ายให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงและผู้บริหารอุตสาหกรรมทหาร ฯลฯ ได้อ่านแล้ว-อ่านอีก เพื่อที่จะได้รับรู้-รับทราบ ถึงการประเมินแนวโน้มฉากสถานการณ์ความมั่นคงของทั้งรัสเซียและของโลกภายในอนาคตเบื้องหน้านั่นเอง...โดยในรายละเอียดของเอกสารดังกล่าว...ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดของนักประวัติศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาทางทหารและการเมืองแห่งสถาบัน “The Moscow State Institute of International Relations”อย่าง “Dr.Alexei Podberezkin” หรือศาสตราจารย์แห่ง “The Russia’s Academy of Military Sciences”อย่าง “นายAnatoly Letiago”หรือ “Dr.Alexi Fenenko” แห่งมหาวิทยาลัยมอสโก ฯลฯ ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายรัสเซียเขาได้ “มองข้ามช็อต”ไปถึงการเตรียมตัวรับมือต่อ “การเผชิญหน้าโดยตรง” กับโลกตะวันตก ไม่ว่าด้วยสงครามแบบลูกผสม(Hybridization) การแซงชั่น การยกระดับการเผชิญหน้า ความมุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตอิทธิพลอย่างไม่ลดละของ “NATO” ไปจนการคิดอาศัยภูมิรัฐศาสตร์ในอาร์กติกเพื่อสู้กับรัสเซียของคุณพ่ออเมริกาที่สามารถลากยาวย้อนกลับไปถึงยุคอดีตประธานาธิบดี “William McKinly” โน่นเลย ฯลฯ
อันนี้นี่เอง...ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ อย่าง “นายAndrey Belousov”ผู้ได้ชื่อ ฉายา ว่า “A Technocratic Reformer” หรือนักปฏิรูปบรรดานักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ถึงได้ผงาดขึ้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมแทนที่ “พลเอกSergey Shoigu” โดยได้นำเอาหลักคิด แนวคิด ที่พยายามทำให้กองทัพรัสเซียนับจากนี้ไป เป็นกองทัพที่เต็มไปด้วยความทันสมัย เปิดกว้างต่อการกระชับความร่วมมือกับบรรดานักวิทยาศาสตร์ภาคเอกชน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี ฯลฯ เพื่อรับมือ “สงครามสมัยใหม่” ที่อาจอุบัติขึ้นมาในอีก 10 ปีข้างหน้า อันเนื่องมาจากการดิ้นรนการไม่ยอมสูญเสียสถานะความเป็นผู้นำโลก ประมุขโลก ของบรรดาชาติตะวันตก หรือพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว”ทั้งหลายนั่นเอง!!!
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าคู่ขัดแย้งกับรัสเซียอย่างยูเครนทุกวันนี้ จะ “ไม่สนใจในสันติภาพ”หรือ “หันไปเป็นรัฐแห่งการก่อการร้าย” ฯลฯ อย่างที่ผู้นำรัสเซียได้ออกมาแสดงความคิดเห็น หลังถูกถล่มด้วยปฏิบัติการใยแมงมุมไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่นั่นไม่ได้ถือเป็น “คู่ต่อสู้ที่แท้จริง” ของรัสเซียเอาเลยแม้แต่น้อย เพราะการที่รัสเซียเขายังสามารถผนวกดินแดนยูเครนเอาไว้ได้ถึง25 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งยังสามารถขับไล่ไสส่ง กองกำลังยูเครนให้เผ่นออกไปจากดินแดนแคว้น “Kurtz” ของตัวเองได้แทบเกลี้ยง ยังไงๆ...รัสเซียก็ยังคงถือไพ่แต้มต่อเอาไว้ในมือ ไม่ว่า “การเจรจา”จะเป็นไปในรูปไหน ล้ม-ไม่ล้ม หรือไม่? อย่างไร? ก็ตามที ด้วยเหตุนี้...ภายใต้ความ “นิ่ง” ของผู้นำรัสเซียรายนี้ จึงน่าจะมีความหมายเช่นเดียวกับสิ่งที่รัฐมนตรีกลาโหมรายใหม่รัสเซีย ได้เน้นย้ำต่อบรรดาแม่ทัพ นายกองทั้งหลายนั่นแหละว่า... “เรากำลังพูดถึงความมั่นใจสำหรับการเตรียมพร้อมโดยเบ็ดเสร็จต่อสถานการณ์ที่กำลังพัฒนาไปสู่ระยะกลาง นั่นคือความขัดแย้งทางทหารโดยตรงระหว่างรัสเซียกับNATO”!!! !!! !!!