“สัตว์ตายในทะเล ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งฉันใด ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เป็นผู้ทุศีล ก็จะพ้นไปจากพระธรรมวินัยฉันนั้น” นี่คือพุทธพจน์ที่ว่าความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัย 8 ประการ และหยิบยกมาคือ 1 ใน 8
พระภิกษุคือนักบวชในพุทธศาสนามีเพศภาวะและการเป็นอยู่แตกต่างจากคฤหัสถ์คือ โกนผม โกนคิ้ว และหนวด นุ่งเหลืองห่มเหลืองเป็นอนาคาริกคือไม่มีครอบครัวเยี่ยงคฤหัสถ์ เลี้ยงชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่นคือ ยังชีพด้วยวัตถุทานที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาถวาย เป็นผู้มักน้อยสันโดษ ไม่สะสมทรัพย์สินเงินทองมีเพียงของใช้ประจำตัว 8 อย่าง หรือที่เรียกว่า อัฐบริขาร 8 มีไตรจีวร และบาตร เป็นต้น ไม่จับต้องเงินทองแม้กระทั่งยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน ก็เป็นอันต้องห้ามตามพระวินัยบัญญัติ สิกขาบทที่ 10 แห่งโกสิยวรรค นิสสัคคิยปาจิตตีย์
ในปัจจุบันพระภิกษุตามนัยแห่งพระวินัยค่อนข้างจะมีอยู่น้อยในหมู่สงฆ์ ฝ่ายคามวาสีหรือพระบ้านแต่จะมีอยู่มากในหมู่สงฆ์ ฝ่ายอรัญวาสีหรือพระป่า
ดังนั้น จึงเกิดเรื่องราวฉาวโฉ่เกี่ยวกับพระภิกษุบ่อยๆ ในปัจจุบันในส่วนที่เกี่ยวกับเงินทองและสีกาประเภทศรัทธาอาศัยคือ เข้าวัดเพื่อหาประโยชน์จากพระในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับเงินและทอง
เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงคือหนึ่งในจำนวนมากที่มีอยู่ เพียงแต่ยังไม่เป็นข่าว ทั้งนี้ อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธมีประชากรกว่า 90% เป็นพุทธศาสนา มีวัดจำนวนหมื่นและมีพระภิกษุสามเณรจำนวนแสน จึงยากแก่การควบคุม
2. ประชาชนคนไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่รู้ไม่เข้าใจคำสอนอันเป็นแก่นแท้ของศาสนาพุทธ จึงยึดติดแค่พิธีกรรมที่คิดว่าทำแล้วช่วยให้ตนร่ำรวย จึงเปิดช่องให้อลัชชีแสวงหาลาภสักการะด้วยการทำเดรัจฉานวิชาเช่น ปลุกเสกลงเลขยันต์ สร้างวัตถุมงคล
นอกจากแสวงหาลาภสักการะด้วยเดรัจฉานวิชาแล้ว ยังทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เช่น จัดงานและบริจาคให้เช่าพื้นที่ขายของ เป็นต้น รวมไปถึงตั้งตู้รับบริจาค จึงทำให้บางวัดร่ำรวยเปิดช่องให้เจ้าอาวาสที่มิได้ปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบพระวินัย และคำสั่งของมหาเถรสมาคมใช้เงินที่ได้มาแสวงหาความสุข ยิ่งปุถุชนคนมีกิเลสหนาจึงเป็นเหตุให้สัตว์สตรีเพศที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปเข้ามาตีสนิทจนเกินเลยถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กันแล้วเก็บหลักฐานไว้ขู่เข็ญเรียกทรัพย์ เพื่อแลกกับการไม่นำความลับไปเปิดเผย ดังที่เกิดขึ้นกับสมีแย้มเป็นตัวอย่าง คำว่า สมี หมายถึงผู้ที่บวชเป็นพระแล้วต้องอาบัติปาราชิก และถูกจับสึก
ส่วนคำว่า ทิด หมายถึงผู้ที่บวชเป็นพระแล้วสึกออกมาตามปกติ และคำนี้ได้ย่อมาจากคำว่า บัณฑิตหมายถึงผู้มีความรู้ เนื่องจากเคยบวชเรียนมาตามความเชื่อของคนโบราณในยุคที่วัดเป็นแหล่งเรียนรู้วิชาสิกขาต่างๆ และเป็นที่ปลูกฝังคุณธรรม
ดังนั้น กรณีของสมีแย้มจึงเป็นตัวอย่างให้ชาวพุทธรู้ว่าในประเทศไทยพระภิกษุเสื่อมลงด้วยเหตุผู้บวชและไม่ปฏิบัติตามพระวินัย และคฤหัสถ์ที่ไม่เกรงกลัวบาป เข้าวัดไม่ถึงวัดไปหาพระไม่พบพระนั่นเอง
และแนวทางแก้ไขและป้องกันทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ชาวพุทธยึดตามแนวทางกาลามสูตร อย่าเชื่อโดยไม่มีเหตุผลและอยู่ทำตนเยี่ยงคนเข้าวัดที่เลว เพียงแค่นี้พระทุศีลก็จะหมดไปไม่ต้องมาไล่จับสึกเช่นนี้สมีแย้มอีกต่อไป