“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
เรื่องราวต่างๆ ในโลก บ้างถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ บ้างกลายเป็น“ความลับ” ของคนเพียงไม่กี่คน บางเรื่องสูญสลายไปกับการตายดับของบางคน แต่ละเรื่องมีมุมมองมุมรับรู้กันคนละมิติ มีทั้งจริง 100 % จริงแค่ 80% บางประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ มีความจริงแค่บางส่วน หรือไม่จริงทั้ง 100% ก็มี..จริงไหมล่ะ?
วันหนึ่งพี่โต้งเดินมาหาผมที่โต๊ะทำงาน หลังผมเล่าเรื่อง “เบี้ยวเป็นเบี้ยว” ที่ พีรพลกับผม เจอพ่อค้าทั้งไทยและเทศเบี้ยวหลายครั้งในเวียดนาม รวมทั้งคนไทยที่ผมกับพี่โต้งรู้จัก ก็ล้วนโดนเบี้ยวมาแล้วเช่นกัน
พี่โต้งถามผมว่า “แล้วทางเวียดนามเคยช่วยอะไรพวกเราบ้างไหม ชัช?”
“ผมยังไม่เห็นใครช่วยเลยครับพี่โต้ง แต่ต้องชมพีรพล เขาเก่งและอดทนมากครับ ถึงเขาจะยังไม่ได้เงิน แต่เขาได้สร้างเครือข่ายอย่างมากมายในเวียดนาม ผมรู้มาว่าพีรพลต้องเป็นหนี้สินเยอะเลยครับ.. เอ้อ.. พี่โต้งมีอะไรกับผมไหมครับ?”
“พรุ่งนี้พี่อยากให้ชัชมาเจอคนเวียดนามคนหนึ่ง พ่อบอกว่า เขาสนิทกับผู้ใหญ่ระดับสูงมาก ๆ ที่เวียดนาม พี่อยากให้ชัชเล่าเรื่องพีรพลกับนักธุรกิจไทยคนอื่น ๆ ให้เขาฟัง.. เขาจะได้ไปเล่าให้ผู้ใหญ่ทางนั้นรู้ แต่เรื่องนี้ชัชไม่ต้องบอกใครนะ”
อืม.. น่าเคารพน้ำใจ “น้าชาติ” และ “พี่โต้ง” ทั้งสองคนมีความเอื้ออาทรต่อคนไทยทุกคน ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก
ผมนึกถึงคำพี่โต้งที่เคยบอกผมว่า “ชัช.. ทำงานกับพี่ ถ้าชัชมีเรื่องอะไรชอบหรือไม่ชอบ ต้องบอกพี่ตรง ๆ นะ ทั้งเรื่องพี่ เรื่องพ่อ เรื่องแม่ ถ้ามีอะไรไม่ถูกต้อง ชัชต้องกล้าพูด พี่รู้ว่าชัชเป็นคนกล้า ชัชต้องไม่ปล่อยเรื่องไม่ถูกให้มันเลยเถิดนะ.. ชัชต้องถือว่าเป็นน้องพี่ เป็นลูกคนหนึ่งของพ่อกับแม่พี่”
เรื่องนี้พี่โต้งพูดกับผมด้วยแววตาจริงจัง เรียกว่าเน้นเป็น “หลักการของพี่โต้ง!”เลยล่ะ!
อืม... ฟังดูง่าย แต่นั่นเป็นเรื่องยาก “ในทางปฏิบัติ” สำหรับผม.. เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้จักกับพลเอกชาติชาย มาก่อนเลย.. อย่างไรก็ตาม หลังได้เจอ “น้าชาติ” และได้ทำงานใกล้ชิดกัน ผมจึงรู้ว่า “น้าชาติไม่มีอะไรน่ากลัวเลย.. ท่านเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา บางมิติน้าชาตินิสัยเหมือนพี่โต้งด้วยซ้ำไป..” ที่สำคัญ.. พ่อลูกคู่นี้มีจิตใจอ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใยคนไทยไม่ต่างกันเลย ผมพูดได้เต็มปากว่า “น้าชาติกับพี่โต้ง เป็นห่วงนักธุรกิจไทยทุกคน”
บ่ายวันรุ่งขึ้น พี่โต้งกับผมได้เจอกับชายสูงอายุชาวเวียดนาม พูดคุยกันเกือบสองชั่วโมงเรื่องการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนาม ซึ่งเป็นของคนชาวไทยคนหนึ่ง ที่ภายหลังผมได้รู้จักมักจี่ด้วย ชายไทยผู้นี้ถือเป็นคนเก่ง เพราะสุดท้ายเขาฝ่าอุปสรรคจนงานชิ้นนี้สำเร็จได้
ชายไทยอีกคน เจ้าของตึกสูงตระหง่านฟ้าที่สร้างคาค้าง ต่อมาก็สร้างจนสำเร็จเช่นกัน เพราะ “น้าชาติ” กับพ่อของเขาเป็นเพื่อนรักกัน “น้าชาติ” เลยดึงเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ทางการเงินของญี่ปุ่นมาหนุนช่วยจนงานสำเร็จเสร็จสิ้นลง
ส่วนเรื่องพีรพล ชาวเวียดนามคนนี้บอกให้เราช่วยเขียนบันทึก เพื่อเขาจะนำเรื่องทั้งหมดไปเสนอกับผู้ใหญ่ในเวียดนามที่เป็นเพื่อนของ “น้าชาติ”
ชายคนนั้นยืนยันกับพี่โต้งว่า “น้าชาติ” ได้ฝากเรื่องนี้ไว้แล้ว และเขาก็ได้รายงานถึง “ผู้ใหญ่ในเวียดนาม” ทราบแล้ว ก่อนจากกันเขาบอกอีกสามวันจะมารับเอกสารของผมกับทางพี่โต้งที่บ้านเรือนไทย
ตลอดเวลาสามวัน ผมง่วนอยู่กับการเขียนรายงานเรื่องของนักธุรกิจไทยที่ไปลงทุนในเวียดนาม เพื่อส่งให้กับ “ผู้ใหญ่ในเวียดนาม” ซึ่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายหลังที่พี่โต้งกับ “น้าชาติ” ได้อ่านและแก้ไขบางข้อความ ช่วงนี้ผมจึงได้คุยกับพี่โต้งและ “น้าชาติ” เรื่องของประเทศไทยอีกหลายเรื่อง
อย่างที่ผมได้บอกกับพี่โต้งว่า แม้พีรพลจะขัดสนเรื่องเงินทองในช่วงต้น แต่เขาก็ยังคงลงแรงเดินหน้าช่วยเวียดนามในหลายเรื่องอย่างไม่ลดละ “พีรพล” มักมาคุยให้พี่โต้งได้รับรู้ เพื่อผลักดันให้ไทยค้าขายโดยตรงกับทางเวียดนาม มิใช่ปล่อยให้สิงคโปร์ซื้อสินค้าของไทย แล้วนำไปขายไปค้ากับเวียดนาม ทำกำไรมากมายหลายพันล้านบาทต่อปี
ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลสิงคโปร์มีกฎหมายห้ามค้าขายกับประเทศคอมมิวนิสต์เวียดนาม แต่รัฐบาลสิงคโปร์มีพฤติกรรม “หน้าไหว้หลังหลอก” แอบ “เปิดไฟเขียว” ให้กับพ่อค้าสิงคโปร์อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะได้นำเอาสินค้าต้องห้ามหรือ “ยุทธปัจจัย” ของไทยไปขายให้กับเวียดนาม เช่น พ่อค้าสิงคโปร์ซื้อ “ผงชูรสเมดอินไทยแลนด์” ไปใส่ในซองที่พิมพ์ใหม่เปลี่ยนเป็น “เมดอินบราซิล” ขนลงเรือไทยแล่นตรงไปขึ้นท่าเรือเวียดนาม เป็นต้น
“60 สินค้ายุทธปัจจัย” ที่ชาติไทยออกกฎหมาย “ห้ามพ่อค้าไทยขายเด็ดขาด” แต่รัฐบาลไทยกลับให้รัฐบาลสิงคโปร์ ปล่อยให้พ่อค้าสิงคโปร์ขาย โกยกำไรกลับ “เกาะสิงคโปร์” ปีละนับพันนับหมื่นล้านบาทเฉยเลย!!!
นั่นเป็นแค่หนึ่งในข้อมูลที่ “ผู้ใหญ่ในเวียดนาม” ได้นำ “ข้อมูล” มามอบให้กับ “พีรพล” และส่งต่อมาที่ผมกับพี่โต้งจนรู้ไปถึง “น้าชาติ”!
เรียกว่าผมและโดยเฉพาะพีรพล เป็นหลักคอยประสานข้อมูลทางเวียดนามและไทยอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่ง พี่โต้งได้โทรมาเรียกผมด้วยเสียงร้อนรน ให้รีบไปที่บ้าน “ชัช! ขับรถมาหาพี่เดี๋ยวนี้เลยนะ.. พ่อพี่กำลังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีธุระรีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ.. พ่อกำลังจะมาเจอกับพี่ เผื่อชัชมีอะไรจะคุยกับพ่อด้วย”
แม้พี่โต้งจะไม่โทรบอก แต่จากกระแสข่าวการเมืองช่วงนั้น ผมก็รู้ว่า น้าชาติกำลังจะเป็นนายกฯ ไทยคนใหม่
ผมมาถึงบ้านเรือนไทยก่อน “น้าชาติ” ไม่กี่นาที
“โต้ง.. พ่อกำลังจะเป็นนายกฯ โต้งต้องตั้งทีมที่ปรึกษามาช่วยพ่อทำงาน อ้อ! เรื่องจีนพ่อจะสานต่อเอง ส่วนทางอินโดจีน พวกโต้งทำกันนะ"
“น้าชาติ” พูดสั้นๆ กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต่อหน้าผม แล้วทั้งคู่ก็เข้าไปนั่งคุยกันอีกพักใหญ่ในห้องกระจกซึ่งเป็นห้องทำงานของพี่โต้ง
“ชัชได้ยินที่พ่อพูดแล้วใช่ไหม? ต้องรีบประสานกับพีรพล เพื่อให้พ่อเปิดนโยบายใหม่เรื่องเวียดนามกับไทย”
แต่เพราะพีรพลเป็นคนไวต่อสถานการณ์ ผมจึงไม่ต้องบอกอะไรเขาเลย..
พี่โต้งกับพีรพลเดินหน้ากันไปไกลแล้ว เพราะได้มีการนัดหมาย รมต.ช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามคนหนึ่ง ให้มาร่วมรับประทานอาหารและสนทนากับ “นายกฯ ชาติชาย”ในวันรุ่งขึ้น ทว่าเอกสารทางการเชิญ รมช.ต่างประเทศเวียดนาม ของ รมว.ต่างประเทศไทย ยังไม่ได้เซ็นมาเลย.. ส่ออาการเงียบหายอย่างผิดปกติ ตราบใดที่ยังไม่ได้ออกเอกสารเชิญจากนายกฯ ไทย การนัดหมายในวันรุ่งขึ้นย่อมต้องล้มครืนอย่างไม่เป็นท่าแน่นอน..
พี่โต้งได้เล่าในภายหลังว่า “คืนนั้นพ่อบอกให้พี่ไปตามหนังสือเชิญที่บ้าน รมว.ต่างประเทศ.. ถ้ารัฐมนตรียังไม่เซ็น ก็ให้เซ็นแล้วนำมาให้นายกฯชาติชาย ที่บ้านราชครูทันที!” โชคดีที่ทั้ง “น้าชาติ” กับพี่โต้งสนิทกับ รมว. ต่างประเทศคนนั้น ทุกอย่างจึงเรียบร้อย “โน พร็อบเบลม”
เช้านั้น รมช.ต่างประเทศเวียดนาม ได้ร่วมรับประทานมื้อเช้าและสนทนากับนายกรัฐมนตรีไทยคนใหม่เป็นที่เรียบร้อย!
หลังจากนั้นไม่นาน “นโยบายแปรสนามรบเป็นสนามการค้า” ก็ดังดั่งพลุแตก!!
เช้าวันเดียวกัน ผมนั่งมอง “ฝูงมดแดง” ผ่านหน้าต่างห้องทำงานใน “บ้านราชครู” เห็นขบวนมดแดงกำลัง “รวมพลังขนเสบียง” เข้าไปเก็บไว้ในรวงรังบนคาคบ “ต้นจามจุรี” อย่างแข็งขัน “มดแดงฝูงนี้” กำลังทำงานอย่างจริงจัง เพื่อส่วนรวมโดยมิรู้เหน็ดมิรู้เหนื่อยอย่างมีความสุข..
สำหรับผม งาน “แปรสนามรบเป็นสนามการค้า” ครั้งนี้ ต้องยกนิ้วให้ “น้าชาติ-พี่โต้ง-เหงียนโกธัก และพีรพล” ที่จุดประกายเรื่องนี้ขึ้นมาบนโลกใบนี้!!!