“วิวัฒน์ กรมดิษฐ์” ฝากการบ้าน “ผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่” สานต่อลดขั้นตอน-ส่งเสริมผู้ประกอบการ เชียร์ “สุเมธ“ กลับมาถือหางเสือการนิคมฯ ชมเปาะทำงานเร็ว-กล้าตัดสินใจ แถมมีพื้นทำธุรกิจ เข้าใจภาคเอกชน ซูฮกดันลดขั้นตอนตั้งนิคมฯ ดึงลงทุน-หนุนพัฒนาอุตฯไทย เชียร์ กนอ.ยกระดับบทบาทเจ้าภาพนิคมอุตฯ บูรณาการทุกหน่วยงานเป็น one stop service ดึงลงทุนกลับจากเพื่อนบ้าน
วันนี้ (28 พ.ค.68) นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิควิศวกรรม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (อมตะ) กล่าวถึงกระบวนการสรรหาผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรแห่งประเทศไทย (กนอ.) คนใหม่ในขณะนี้ว่า กนอ.ถือเป็นองค์กรที่มีความพิเศษในตัวเอง เพราะมีพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายเฉพาะของหน่วยงาน ซึ่งตรงนีอยู่ที่มุมมอง วิธีคิด ที่จะกำหนดออกมาเป็นนโยบายของผู้บริหาร กนอ.ในการวางบทบาทขององค์กร และใช้กฎหมายซึ่งสามารถให้คุณให้โทษนี้ในแง่มุมใด จะมุ่งพัฒนา อำนวยความสะดวก ส่งเสริมผู้ประกอบการ หรือเน้นการใช้เป็นมาตรการปกครองกำกับควบคุมผู้ประกอบการในพื้นที่นิคมฯเท่านั้น
“แน่นอนว่า พ.ร.บ.การนิคมฯ ได้มอบอำนาจให้ กนอ.ทำทั้ง 2 เรื่องควบคู่กัน แต่ในมุม อมตะ อยากให้ ผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่ ให้น้ำหนักกับบทบาทการเป็นกลไกส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชน โดยการลดขั้นตอนให้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแต้มต่อในการแข่งขันทั้งในประเทศ ภูมิภาค และในระดับสากล โดยเฉพาะยุคนี้ที่การแข่งขันมีความรุนแรง และล้วนแล้วแต่แข่งกันที่เวลา ส่วนมุมกำกับดูแลควบคุมของ กนอ. ก็เป็นเรื่องปกติที่หากพบการกระทำผิดก็ต้องมีมาตรการเตือน จับ ปรับ ปิด ในระดับต่างๆ” นายวิวัฒน์ ระบุ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่า นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ อดีตกรรมการ กนอ. และอดีตรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.เป็นผู้ได้รับเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ และคณะกรรมการ กนอ.ตามขั้นตอน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนรอนำเสนอรายชื่อเพื่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ นายวิวัฒน์ กล่าวว่า นายสุเมธ มีข้อได้เปรียบผู้สมัครเข้ารับการสรรหารายอื่นๆ เพราะเคยเป็นบอร์ด กนอ. รวมถึงเคยรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. ด้วย บวกกับความรู้ความสามารถ การศึกษาที่หลากหลาย ตลอดจนประสบการณ์ทำงานในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ก็ถือว่ามีความเหมาะสมที่จะได้กลับเข้ามาขับเคลื่อน กนอ.อีกครั้ง หลังจากที่เป็นรักษาการผู้ว่าการ กนอ.ช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา ส่วนตัวได้มีโอกาสประสานกับระดับบริหารของ กนอ. รวมถึง นายสุเมธ บ่อยครั้ง ก็ประทับใจสไตล์การทำงานของ นายสุเมธ ที่รวดเร็ว กล้าตัดสินใจ และเข้าใจผู้ประกอบการเป็นอย่างดี
“การที่ คุณสุเมธ มาจากภาคธุรกิจเอกชน ทำให้ กนอ.จะได้มุมมองและเข้าใจมิติการทำธุรกิจเข้ามาเสริม ที่นอกเหนือจากกำไรขาดทุน ยังต้องเน้นเรื่องความรวดเร็ว ขั้นตอนที่กระชับ เพื่อให้มีความพร้อม สามารถเดินเครื่องให้ได้เร็วที่สุด เหมือนสำนวนน้ำขึ้นให้รีบตัก ซึ่ง คุณสุเมธ ที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยี ซึ่งใช้หลักตรรกะเหตุผล ก็ยิ่งเข้าใจ อาจจะต่างจากมุมมองแบบราชการ ที่เปรียบเป็นสำนวน ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ที่ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ต้องยึดความถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนเป็นสำคัญ“ ผู้บริหาร อมตะ ระบุ
นายวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ด้วยคุณลักษณะของ นายสุเมธ ทำให้นึกถึงข้าราชการซีอีโอ หรือผู้ว่าการซีอีโอ ในขับเคลื่อน กนอ. โดยปรับกระบวนคิดให้หลุดกรอบราชการ ใช้กลไกกฎหมายที่มีเอื้อให้การทำงานของเอกชนรวดเร็วขึ้น กฎเกณฑ์ระเบียบควบคุมต่างๆ ที่ซับซ้อนหรือซ้ำซ้อนก็ต้องทบทวนให้ง่ายขึ้นบนพื้นฐานของความถูกต้อง ไม่ใช่มุ่งแต่จะสร้างความซับซ้อนยุ่งยาก อย่างที่ นายสุเมธ ทำไว้สมัยเป็นรักษาการผู้ว่าการ กนอ.ที่ปรับปรุงกระบวนการอนุมัติจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม จาก 9 เหลือ 8 ขั้นตอน ให้สามารถประกาศพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และเริ่มดำเนินการได้ก่อนที่รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จะอนุมัติ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการทำธุรกิจ Ease of Doing Business ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการส่งเสริมการลงทุน และการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย
“เรื่องการประกาศเขตนิคมฯก่อน จริงๆก็ให้อำนาจ กนอ.ไว้ในกฎหมาย แต่ถูกงดใช้ไป ก็มีการทวงถามมาตลอด แต่ผู้บริหารหลายยุคก็ไม่ได้ผลักดัน จนมาถึงยุค ดร.วีริศ (อัมระปาล อดีตผู้ว่าการ กนอ.) ที่มีการตั้งเรื่องไว้ แต่ลาออกไปก่อน ก็ได้ คุณสุเมธ ที่มารักษาการ เดินหน้าต่อจนสุดซอย ด้วยการสนับสนุนของรัฐมนตรีขิง (นายเอกนัฏ) ก็ต้องขอชื่นชม เพราะไม่รู้ว่า ถ้าไม่ใช่ 2 ท่านนี้จะสำเร็จหรือไม่“ นายวิวัฒน์ ระบุ
ช่วงท้าย นายวิวัฒน์ แนะนำด้วยว่า กนอ.ต้องยกระดับการเป็นเจ้าภาพในเรื่องนิคมอุตสาหกรรมอย่างแท้จริงให้ได้ ต้องบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารวมกันในลักษณะ One Stop Service อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพราะวันนี้แค่จะตั้งโรงงาน ต้องติดต่อไม่รู้กี่หน่วยงาน กี่กระทรวง ตั้งแต่ สำนักงานคณะกรรมกาาส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วน กรมที่ดิน น้ำประปา ไฟฟ้า อยู่กับกระทรวงมหาดไทย คนงานก็ต้องไปกระทรวงแรงงาน แล้วก็ต้องไปตรวจคนเข้าเมืองที่อยู่สำนักงานตำรวจแห่งขาติ หรือกระทรวงการต่างประเทศ และแน่นอนต้องมาที่กระทรวงอุตสาหกรรมด้วย ต่างจากคู่แข่งในภูมิภาค ทั้งเวียดนาม, ฟิลิปปินส์ หรือกระทั่ง สปป.ลาว ที่วันนี้กฎระเบียบ การอำนวยความสะดวก จูงใจให้ไปลงทุนมากกว่าประเทศไทย
“การมาเริ่มต้นลงทุนในไทย เหมือนเปลือยล่อนจ้อนมา แล้วค่อยๆแต่งองค์ทรงเครื่อง กว่าจะได้ออกโรง ก็ไม่ทันกิน ส่วนคู่แข่งในภูมิภาคเตรียมการให้เกือบทั้งหมด เหมือนแต่งตัวให้เกือบครบ อาจจะแค่เขียนคิ้วทาปากให้เป็นตัวตนบริษัทนั้นๆ ก็เรียบร้อย เริ่มทำมาหากินได้แล้ว จึงไม่แปลกที่นักลงทุนต่างชาติ หรือไทยเอง จะแห่หนีไปที่อื่นกัน” นายวิวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย.