ความขัดแย้งภายในรัฐบาลที่ไม่อาจปกปิดร่องรอยได้ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยที่เล่นบทตบจูบกัน ทำให้เมื่อเจอใครต่อใครก็มีคำถามบ่อยครั้งว่า รัฐบาลจะไปรอดไหม จะยุบสภาฯ ไหม จะปรับครม.เอาพรรคภูมิใจไทยออกไหม หรือพรรคเพื่อไทยจะเอากระทรวงมหาดไทยคืนไหม
ผมคิดว่าสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้คือการยุบสภาฯ เพราะเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลยังไม่สามารถสร้างความนิยมได้ แถมนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เงินที่แจกไปแล้ว 2 งวดก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเศรษฐกิจเลย
จะเดินต่อก็ไม่ได้ เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน โดยอ้างว่าสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไป และโยกเงินไปใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น อ้างว่ารับฟังความเห็นจากทุกหน่วยงาน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีเสียงเตือนแล้วว่า นโยบายนี้จะไม่ส่งผลอะไรต่อภาวะเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลก็แจกไปแล้วถึง 2 งวด และที่สำคัญถูกร้องว่าการแจกเงินขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง
รัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสองบัญญัติว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการจัดทำงบประมาณเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้องหรือเพื่อประโยชน์ทางการเมืองอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย การฝ่าฝืนอาจนำไปสู่การร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคุณสมบัติของสมาชิกสภาหรือการยุบพรรคการเมือง
หากมีการตีความว่าโครงการนี้ถูกออกแบบเพื่อหวังผลทางการเมือง (เช่นเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้ง) อาจถูกมองว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของมาตรา 144วรรคสองโดยเฉพาะหากขาดการพิสูจน์ว่ามีความจำเป็นทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน
การโยกงบประมาณจากแหล่งที่ไม่ชัดเจนเช่นการกู้เงินนอกงบประมาณหรือการใช้เงินจากแหล่งที่อาจขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 อาจถูกตั้งคำถามว่าเป็นการ “แทรกแซง” หรือ “ใช้จ่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
หาก ป.ป.ช.ไต่สวนแล้วพบว่ามีมูลก็จะยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญและหากศาลตีความอย่างเข้มงวดว่าโครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะ ความเสี่ยงที่จะถูกตัดสินว่าขัดรัฐธรรมนูญจะสูงขึ้นกรณีที่คล้ายกันในอดีต เช่น โครงการจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แสดงให้เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญสามารถตีความนโยบายประชานิยมในลักษณะนี้ได้
ดังนั้นในสภาวะแบบนี้จึงเป็นเรื่องยากมากที่พรรคเพื่อไทยจะหาทางออกด้วยการยุบสภาฯ เพราะมองไม่เห็นความได้เปรียบทางการเมืองเลย
ถามว่าแล้วความขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทยจะจบลงอย่างไร ทั้งสองพรรคมีความขัดแย้งกันหลายเรื่องทั้งนโยบายกัญชาที่พรรคเพื่อไทยไม่เอาด้วย การแก้รัฐธรรมนูญที่ถูกพรรคภูมิใจไทยแล้ว สว.สีน้ำเงินขัดขวางจะให้มีการทำประชามติ 3 ครั้ง รวมถึงการประกาศของลูกเนวินในสภาฯ ว่าจะคัดค้านนโยบายกาสิโน
มีนักวิจารณ์การเมืองบางคนบอกว่า พรรคเพื่อไทยสามารถปรับภูมิใจไทยออกแล้วเอาพรรคประชาชนเข้าร่วมรัฐบาลได้ ไม่ต้องพูดว่า พรรคประชาชนที่ประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมแน่นอน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่พรรคประชาชนจะได้เข้ามาเป็นรัฐบาลของประเทศนี้ ถ้าหากจุดยืนและนโยบายของพรรคยังท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ
กล่าวกันว่า ถ้าพรรคประชาชนจะเป็นรัฐบาลจะต้องชนะได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งพรรคเดียว แต่ผมอยากจะบอกว่า ต่อให้พรรคประชาชนชนะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ โอกาสจะได้เป็นรัฐบาลก็อาจจะไม่มี อะไรที่จะเกิดขึ้นหากไปถึงจุดนั้นก็ลองคิดดูกันเอง
แล้วต้องยอมรับความจริงว่า วันนี้พรรคประชาชนก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนเก่าแล้ว สมัยที่แล้วอาจจะส่งเสาไฟฟ้าคนก็เลือก และมีกระแสเบื่อรัฐบาล 3 ป. แต่ตอนนี้คนก็เริ่มตั้งคำถามว่า หากพรรคประชาชนได้เป็นรัฐบาลจะมีความรู้ความสามารถพอที่จะนำพาประเทศไหม เมื่อมองเข้าไปดูบุคลากรในพรรค แม้เลือกครั้งหน้าแล้วอาจจะยังเป็นพรรคอันดับ 1 อยู่ก็ไม่มีใครร่วมรัฐบาลอยู่ดี
ที่สำคัญคนที่รู้ดีว่าการได้กลับมาประเทศนั้นเป็นเพราะอะไร ก็คือทักษิณ แม้คนจะเริ่มตั้งคำถามว่า ที่ทักษิณถูกรุกไล่ด้วยกระบวนการทางศาลอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่เรียกกันว่า “ดีล”ยังมีอยู่อีกไหม ถ้าทักษิณต้องกลับไปติดคุก หากพิสูจน์ไม่ได้ว่า การเอาทักษิณไปไว้บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้น เข้ากับนิยามที่เรียกว่า “สถานที่คุมขัง” เพราะมีข่าวว่า ใครจะขึ้นไปพบก็ได้ ซึ่งผิดวิสัยที่อยู่ในสถานะนักโทษ
ผมคิดว่าพรรคภูมิใจไทยก็รู้ว่า แม้จะพยศอย่างไรให้อนุทินเล่นบทเป็นลูกน้องแสนดีของผู้นำรัฐบาลที่เอาอกเอาใจเจ้านายอย่างแพทองธาร แต่สมาชิกพรรคและ สว.เล่นอีกบทบาทหนึ่งเพื่อคัดง้างกับรัฐบาล ยังไงเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่อาจจะขับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลได้
หากยุบสภาฯ ไม่ได้ เอาพรรคภูมิใจไทยออกไม่ได้ แล้วถ้าพรรคเพื่อไทยขอกระทรวงมหาดไทยคืนพรรคภูมิใจไทยจะยอมไหม ผมคิดว่า พรรคภูมิใจไทยยอมถ้าเอากระทรวงคมนาคมมาแลก
แต่คนส่วนใหญ่ก็ถามว่า ถ้าลากกันไปถูลู่ถูกังแล้วมีนายกรัฐมนตรีที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยนอกจากบริหารประเทศด้วยไอแพดแล้วไปลั้ลลาต่างประเทศแบบนี้ประเทศจะไปไหวหรือ คำตอบก็คือต้องอยู่กันไป ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ แม้จะมีเสียงบ่นจากพ่อค้าแม่ขายและคนทำธุรกิจว่า เศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ไม่มีทางออกที่เห็นแสงสว่างเลยหรือก็ต้องอยู่กันแบบใครทนได้ก็ทนไป
คำถามที่ถูกถามมากอีกคำถามก็คือ แล้วจะมีรัฐประหารอีกไหม ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าเอาทหารมาบริหารประเทศอีกคิดว่ามันจะทำให้ประเทศดีขึ้นหรือ 9 ปีในรัฐบาลที่ผ่านมาก่อนฝ่ายอนุรักษนิยมจะพ่ายแพ้เลือกตั้งอย่างย่อยยับนั้นพอจะเป็นคำตอบได้ไหม แล้วจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมองไม่เห็นเลยว่า ในภาวะแบบนี้มีใครที่จะนำพาประเทศของเราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ แม้จะมีคนบอกว่าใครก็ตามก็น่าจะดีกว่าแพทองธารก็เถอะ
อีกคำถามหนึ่งว่า ถ้าทักษิณต้องกลับเข้าไปติดคุกล่ะหรือทักษิณจะหนีไหม ผมคิดว่า ถ้าทักษิณคิดถึงรัฐบาลลูกสาวของเขาที่เป็นนายกรัฐมนตรีทักษิณจะต้องไม่หนี ถ้าศาลให้กลับไปติดคุกก็ต้องติด ถ้าหนีไปอีกโอกาสจะกลับมาก็ไม่น่าจะมีอีกแล้ว คำถามที่ตามมาถ้าทักษิณติดคุกแล้วรัฐบาลแพทองธารจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่า มีความเป็นไปได้ที่จะใช้การติดคุกของทักษิณปลุกกระแสมวลชนที่สนับสนุนให้เห็นว่าทักษิณถูกกระทำเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชน แล้วตัดสายสัมพันธ์กับขั้วอนุรักษนิยมที่หวังใช้ทักษิณเป็นแนวร่วมเพราะถือว่า “ดีล” ล่มไปแล้ว
หากถามว่าโอกาสจะติดคุกของทักษิณมีมากไหม ผมคิดว่า เมื่อดูจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงแล้ว โอกาสที่จะต้องกลับไปติดคุกใหม่มีสูงมาก และอาจจะลากคนที่เกี่ยวข้องเข้าไปติดคุกติดตะรางด้วย
เมื่อถามว่าแล้วบ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าอย่างไรเสียบ้านเมืองของเราก็ต้องอยู่กันไป แม้ว่าวิกฤตและความขัดแย้งในสังคมอาจจะกลับมาอีกครั้งก็ตาม
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan